ตอนที 102 ความผิดพลาของเม้งวู่หยา
ตอนที 102 ความผิดพลาของเม้งวู่หยา
แต่เมื่อเขากล่าวคำพูดนี้ออกไป ทันใดนั้นดวงตาของเขาเริ่มพร่ามัว ก่อนที่เขาจะฟุบลงไปที่โต๊ะอาหาร
เมื่อฟื้นขึ้นมา เวลาได้ผ่านไปเป็นเวลานาน นานมาก นานถึงที่สุด !!
ยาของเซี่ยหนิงฉางมีประสิทธิภาพอย่างมาก !!
เขาถูกศิษย์รักของตนเองวางยา เม้งวู่หยาน้ำตาคลอเบ้าตาด้วยความขมขื่น เขารู้สึกขายหน้าและละอายใจอย่างมาก หลังจากที่สัมผัสได้ถึงความอันตรายของเรื่องนี้ เม้งวู่หยางไม่แม้แต่จะล้างหน้าทำความสะอาด เขารีบออกมาจากหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ไปยังหุบเขาด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดของเขา
เขารู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง เมื่อเขารู้ว่าศิษย์ของตนเองตัดสินใจที่จะทำเช่นนี้ ตัวเขาเองไม่น่าที่จะกล่าวให้ร้ายหยางไค่เพื่อให้นางลดละการตัดสินใจของนาง มันช่างเป็นการหาเรื่องใส่ตัวอย่างแท้จริง !!
แม้วาศิษย์รักของเขาจะมีสมบัติวิเศษจำนวนมากมาย สามารถที่จะหลบเลี่ยงจากภัยอันตราย แต่สถานที่แห่งนี้เป็นใจกลางเทือกเขาวายุทะมึน หากว่านางพบเจอกับสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งโดยไม่ระวังและถูกสัตว์ปีศาจนั้นทำร้ายกลืนกิน จะทำอย่างไรต่อไปล่ะ ?
หากว่าตนเองมาพร้อมกับนาง คงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องเช่นนี้
ปากเจ้าไม่ดี ปากเจ้าเลวทราม เม้งวู่หยาทนไม่ได้จนตบปากของตนเองไปหลายครั้ง
ระยะห่างระหว่างสถานที่รวมตัวของผลึกน้ำแข็งนพเก้าห่างกันเพียง 10 ลี้ เม้งวูหยาจึงสามารถสัมผัสได้ถึงไอเย็นแห่งพลังหยินที่แพร่กระจายออกมา ในกลางเวหา เขามองไปรอยด้วยความกระวนกระวายใจอย่างถึงที่สุด
เมื่อเห็นว่าพลังหยินในหุบเขากำลังพุ่งออกมา ทันใดนั้นพลังบางสิ่งบางอย่างได้พุ่งออกมาและได้ครอบคลุมสถานที่แห่งนั้นไว้ ไม่ว่าใครก็มิอาจที่จะหลบหนีออกมาได้
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ เม้งวูหยาที่กังวลมาตลอดก็สามารถผ่อนปรนความกังวลลงได้บ้าง
หู่ว .ดูเหมือนว่าไม่มีปัญหาเกิดขึ้น เม้งวู่หยาถอนหายใจ ฟ้าดินรับรู้อย่างชัดเจนว่าในช่วงหลายวันที่ติดตามมาเขากังวลใจแค่ไหน เสมือนว่าหัวใจของเขากำลังเกิดความผิดปกติขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน เม้งวูหยามาถึงด้านอกของหุบเขา แต่เขาไมได้เข้าไป แต่กำลังจ้องมองไปที่ภายในกุบเขา แต่เพราะพลังหยินที่อยู่ภายในหนาแน่และเข้มข้นเกินไป เขามองไม่เห็น และไม่ได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น แม้แต่ความรู้สึกทางจิตวิญญาณก็มิอาจที่จะเข้าไปตรวจสอบภายใน
โซ่ตรวนผลึกน้ำแข็งแกร่งถูกเปิดใช้งาน นั้นแปลว่าศิษย์รักของเขามาถึงสถานที่แห่งนี้อย่างปลอดภัย !!
เมื่อโซ่ตรวนแห่งผลึกน้ำแข็งเปิดออก นั้นหมายความว่าศิษย์รักของตนเองได้ลงมือ ตัวเขาจึงรอข่าวดีจากนางอยู่ภายในอย่างเงียบๆก็เพียงพอแล้ว
เมื่อค่ายกลถูกเปิดใช้งาน คนที่อยู่ภายในมิอาจที่จะออกมาได้ คนภายนอกก็ไม่สามารถเข้าไป แม้ว่าเม้งวู่หยาจะสามารถทำลายค่ายกล แต่ถ้าหากค่ายกลถูกทำลาย ไม่แน่ว่าความพยายามของศิษย์รักอาจจะสูญเปล่าไปก็ได้
อืม รออยู่ด้านนอก !! เม้งวู่หยางปลอบใจตนเอง
แต่ครั้งนี้ การคาดเดาของเม้งวู่หยาผิดพลาดอย่างมหันต์ การที่เซี่ยหนิงฉางต้องเปิดใช้ค่ายกล ไม่ใช่เพราะต้องเผชิญหน้ากับผลึกน้ำแข็งนพเก้า แต่เพราะต้องรับมือกับศิษย์แห่งนิกายโลหิตที่ต้องการฆ่าพวกเขา ในตอนนี้เม้งวู่หยาไม่รู้ว่าเซี่ยหนิงฉางที่อยู่ภายในจะอ่อนแอสักเพียงใด ในตอนนี้ร่างกายของหยางไค่ถูกชโลมด้วยเลือด ทั้งสองต่างเข้าสู่ภาวะวิกฤตที่ยิ่งใหญ่
หากว่าเขารู้ เขาต้องทำลายค่ายกลโดยไม่ลังเล และเข้าไปฆ่าเหวินเฟยเฉินและคนอื่นๆอย่างแน่นอน
บ้าเอ้ย แม้แต่ศิษย์ของเขาพวกเจ้ายังกล้าที่จะล่วงเกินนาง ข้าจะทำลายตระกูลของพวกเจ้าทั้งหมด 18 ชั่วโครต !!
ในบางครั้งเรื่องราวมันสลับซับซ้อนจนน่าแปลกใจ แม้ว่าจะอยู่ใกล้กันเพียงไม่กี่คืบ แต่เสมือนว่าอยู่ห่างไกลกันคนละฟากฟ้า
ภายในหุบเขา หยางไค่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม หลังของเขาตรงเช่นหอกที่แข็งแกร่ง เขากำลังรอศัตรูที่เข้ามายืนอย่างหิวกระหาย
ชู่วชู่วชู่ว ทันใดนั้นทั่วทุกทิศทางเต็มไปด้วยเสียงเสือผ้าที่ปะทะกับสายลมอย่างหนักหน่วง
ในที่สุดก็มาถึง !! ใบหน้าของหยางไค่เคร่งขรึม เขาหันหน้ามองที่หลบซ่อนตัวของเซี่ยหนิงฉาง และไม่รู้ว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ เขาจะสามารถมีชีวิตรอดกลับไปได้หรือเปล่า ?
แต่ถึงอย่างไร .ตนเองพยายามถึงที่สุดแล้ว มันจึงไร้ซึ่งความรู้สึกเสียใจในภายหลัง
ซวาซวาซาว ..ร่างเงาของมนุษย์จำนวน 3 ร่างมาถึงด้านข้างของหยางไค่อย่างกะทันหัน หลังจากนั้น ยังมีอีกคนที่ตามมาติดๆ
3 คนที่อยู่ด้านหน้า คือยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณของนิกายโลหิต คนสุดท้ายอยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณขั้นที่ 9 เท่านั้น ดังนั้นความเร็วของเขาจึงช้ากว่าคนอื่นๆ
หลังจากพวกเขาทั้ง 4 มาถึง พวกเขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาแต่ใช้สายตาที่ตกใจจ้องมองหยางไค่ เพราะพวกเขาพบว่าในช่วงเวลา 1 ชั่วยามที่พวกเขามองไม่พบเจอหยางไค่ หนุ่มน้อยที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 4 ในตอนแรก แต่เพียงช่วงเวลาสั้นๆที่ผ่านไป จะทำให้พลังความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณขั้นสูงสุด !!
มันเกิดอะไรขึ้น ?
ศพของนู่วหล่างอยู่บนเท้าของเขา ลำคอของเขาหัก เขาตายในสภาพที่น่าเวทนาอย่างยิ่ง ดวงตาเบิกโพลง เสมือนว่าเขาไม่เชื่อว่าจะตายในสถานที่แห่งนี้ และเหมือนว่าเขายังตายตาไม่หลับ ลมพายุที่อยู่ในหุบเขา ยิ่งทำให้คนที่มองเห็นรู้สึกสยดสยองและขนหัวลุกกับสิ่งที่เกิดขึ้น
คนคนนี้ถูกฆ่าโดยเจ้า ? ยอดฝีมือแห่งนิกายโลหิตคนหนึ่งกล่าวถาม
ใครคือคนที่เก่งที่สุด หรือจะเป็นนายน้อยของพวกเจ้า ? หยางไค่ไม่ได้กล่าวตอบคำถามของพวกเขา แต่เขากวาดสายตามอง และพบว่าคนที่มาเยือนมีจำนวนที่ผิดแปลกไป
นิกายโลหิตต้องมีสมาชิกทั้งหมด 7 คน นอกจากเหวินเฟยเฉินที่อยู่เดิม ศิษย์อีกคนที่อยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณจนถึงโซ่ตรวของเซี่ยหนิงฉางฆ่าตาย ดังนั้นจึงเหลือพวกเขาทั้ง 4 คน
ฮึม เผชิญหน้ากับเจ้าทำไมต้องให้ผู้นำเหวินและนายน้อยลงมือล่ะ !! คนที่กล่าวพูดคนแรกมีอายุที่ไม่มากนัก อายุของเขาประมาณ 24-25 ยังถือว่าเป็นชายหนุ่มแรกรุ่น
นิกายโลหิต ฮ่าฮ่า ทำได้เพียงรวมหัวกัน หยางไค่กล่าวสบทด้วยเสียงที่ขุ่นเคือง
ใบหน้าของชายหนุ่มประกายด้วยความไร้ปราณี : เผชิญหน้ากับคนที่ไร้ฝีมืออย่างเจ้า ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว !!
แม้ว่าเขาจะถูกปิดผนึกจากโซ่ตรวนจนพลังความแข็งแกร่งลดลงไปกว่าครึ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไรพลังความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในเขตแดนผสานลมปราณยังดำรงอยู่ เมื่อลงมือขึ้นมา จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณ แล้วทำไมเขาจะไม่สามารถรับมือกับหยางไค่ได้ล่ะ ?
คำกล่าวไร้ความหมาย ถ้าเก่งจริงก็ข้ามาทดสอบสิ !! หยางไค่กล่าวด้วยความเย้ยหยัน
เขาก็สามารถสัมผัสได้ว่า พลังความแข็งแกร่งของกลุ่มคนเหล่านี้ลดลงอย่างมาก ไม่เหมือนความกดดันที่มีมาในตอนแรก นอกจากนั้นพลังลมปราณของเขายังเคลื่อนไหวอย่างไม่มีเสถียรภาพ พลังความแข็งแกร่งของคนทั้ง 3 ที่เข้ามาในตอนแรกไม่แตกต่างจากนู่วหล่างมาก แต่ก็มิได้แข็งแกร่งกว่านู่วหล่างไปมากเท่าไหร่ คนที่มาสุดท้าย เทียบกับนู่วหล่างไมได้เลย
1 ต่อ 1 หยางไค่มั่นใจได้ว่ะสามารถเอาชนะ เพียงแค่กำจัดคนแรกออกไปก่อน จากนั้นจึงจัดการคนอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ง่ายดายสำหรับเขา
เจ้าเด็กบ้า ดูซิว่าข้าจสั่งสอนเจ้าอย่างไร ? ในที่สุดชายหนุ่มคนนั้นก็ตกหลุมพรางจนได้ ยังมิทันที่จะกล่าวจบอเขาได้พุ่งเข้ามาข้างหน้าแล้ว