ตอนที่ 101 กระหายการต่อสู้
ตอนที่ 101 กระหายการต่อสู้
เสียงตะโกนที่ยาวเหยียดดังขึ้น หยางไค่แสดงออกอย่างป่าเถื่อน เสมือนสัตว์ป่าที่กระหายเลือด เสียงของเขาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและสะท้อนไปทั่วหุบเขา
เศษสวะแห่งนิกายโลหิต เข้ามาซิ เข้ามาต่อสู้กับข้า !!
นี้คือการส่งสัญญานเพื่อเรียกร้องการต่อสู้ และยังเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดและรุนแรงอย่างสุดขีด
ข้าอยู่ที่นี้ ข้ากำลังรอพวกเจ้า
เขาไม่รู้ว่าหากหยุดการต่อสู้จะเกิดอะไรขึ้นกับเขา เพราะอย่างไรก่อนที่นู่วหล่างจะตายเขาได้ส่งสัญญาณต่อกลุ่มคนแห่งนิกายโลหิต ภายในหุบเขาเป็นรูปทรงวงกลมและมีระยะทางเพียง 10 ลี้เท่านั้น กลุ่มคนเหล่านั้นต้องได้ยินอย่างแน่นอน และพวกเขากำลังวิ่งเข้ามา
แต่ขณะนี้สิ่งที่ปลอดภัยที่สุดคือการออกจากพื้นที่แห่งนี้ เขาต่อสู้ทั้งหมด 3 ครั้งติด ฆ่าคนทั้ง 5 คน พลังทางด้านจิตวิญญาณและพละทางด้านร่างกายของเขาสูญเสียไปเป็นจำนวนมาก ร่างกายยังได้รับบาดเจ็บไม่น้อย เขาจะเผชิญหน้าโดยตรงกับกลุ่มคนแห่งนิกายโลหิตได้อย่างไร ?
ออกจากพื้นที่แห่งนี้ รอฟื้นคืนความแข็งแกร่ง จากนั้นจึงหาโอกาสโจมตี เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
แต่หยางไค่ไม่สามารถออกไปได้ และเขาไม่มีทางที่จะออกไป !! เพราะหยางไค่ในตอนนี้ พละกำลังความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มระดับจนอยู่ในขั้นสูงสุด เมื่อเขาออกจากพื้นที่บริเวณนี้ จิตใจของเขาจะมีความคิดที่ต้องการละทิ้งการต่อสู้เกิดขึ้น เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้น ความอดทนที่ไร้พ่ายจะสามารถใช้งานได้อีกต่อไปได้อย่างไร ? เมื่อไม่มีการช่วยเหลือจากความอดทนที่ไร้พ่าย เขาก็เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 4 เท่านั้น
หยางไค่ต้องการเพิ่มความกล้าหาญในการต่อสู้ !! เขาต้องการจะใช้พลังความแข็งที่อยู่ในขั้นสูงสุดสร้างความตื่นตะลึงแก่กลุ่มคนแห่งนิกายโลหิต !!
แน่นอนว่าสิ่งที่เขากระทำทุกอย่างเพื่อให้พวกเขาละทิ้งความสนใจต่อเซี่ยหนิงฉาง เพื่อให้เซี่ยหนิงฉางมีเวลาที่จะฟื้นฟูพลังความแข็งแกร่งของตนเองโดยปราศจากการรบกวนจากคนอื่นๆ
กลุ่มคนแห่งนิกายโลหิต ไม่สามารถเทียบได้กับศิษย์แห่งหอวายุพิรุณที่อ่อนแอ พวกเขาส่วนใหญ่เป็นยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณ ในช่วงเวลาปกติ ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในเขตแดนนี้สามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ในตอนนี้ พวกเขาถูกโซ่ตรวนผลึกน้ำแข็งนพเก้ากดทับพลังลมปราณที่แท้จริง ร่างกายของพวกเขาเหลือพลังความแข็งแกร่งที่ไม่มากเท่าใด
ในขณะที่หยางไค่ตะโกนส่งสัญญาน เซี่ยหนิงฉางลืมตาอย่างกะทันหัน ในที่สุดหัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวลก็สามารถผ่อนปรนลงอย่างมาก
เขายังไม่ตาย! เขายังไม่ตาย!
เซี่ยหนิงฉางเกือบร้องไห้จากความกังวลใจ
นางเป็นกังวลความปลอดภัยของหยางไค่มาโดยตลอด นางกลัวว่าหยางไค่ออกไปแล้วจะไม่กลับมาอีก และทิ้งให้ตัวนางให้อยู่ที่นี้คนเดียว
พลังความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับต่ำ แต่ต้องเผชิญหน้ากับคนจำนวนมากมาย เขาจะสามารถต้านทานได้อย่างไร ?
หลังจากที่หยางไค่ออกไป เซี่ยหนิงฉางรู้สึกผิดตลอดเวลา นางควรจะรั้งให้เขาอยู่ที่นี้ต่อไป ไม่ควรปล่อยให้เขาออกไปเลย แต่ไม่ว่าจะเป็นตอนนั้นหรือตอนนี้ สภาพของนางไม่สู้ดีนัก หากว่าหยางไค่ต้องการจะออกไป ตนเองก็มิอาจที่จะห้ามเขาได้
เป็นเพราะตนเองต้องการมายังสถานที่แห่งนี้ จึงถูกผลักดันให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับภัยอันตรายถึงชีวิต เซี่ยหนิงฉางรู้สึกผิดอย่างยิ่ง หญิงสาวที่มีจิตใจบริสุทธ์ โยนความผิดทุกอย่างให้แก่ตนเอง นางไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะหยางไค่จึงทำให้กลุ่มคนแห่งนิกายโลหิตและหอวายุพิรุณติดตามาถึงสถานที่แห่งนี้
แต่ในความเป็นจริง ทุกสิ่งทุกอย่างเกดขึ้นจากหยางไค่
อย่างไรก็ตามเซี่ยหนิงฉางในตอนนี้รู้สึกโล่งใจอย่างยิ่ง ศิษย์น้องของตนเองยังปลอดภัย และเสียงตะโกนของเขายังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความกล้าหาญ ความต้องการต่อสู้
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าหยางกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งใด แต่สิ่งที่เซี่ยหนิงฉางต้องทำคือการฟื้นฟูพลังความแข็งแกร่งของตนเอง จากนั้นจึงกลับไปช่วยเขา และต้องช่วยเขาให้ได้ !!
อีกด้านของหุบเขา เหวินเฟยเฉินที่กำลังทำลายโซ่ตรวจที่ผนึกเขาไว้จากพลังการป้องกันของหล่งฮุยได้ยินเสียงตะโกนของหยางไค่อย่างชัดเจน
เสียงตะโกนที่เขาได้ยิน ทำให้เหวินเฟยเฉินขมวดคิ้ว พลังทางด้านจิตวิญญาณถูกทำลาย ทำให้เขากระอักเลือดออกมา
ไอ่สัตว์เดรฉาน ! เหวินเฟยเฉินเกรี้ยวโกรธ ในช่วงเวลาที่สำคัญ เขาถูกเสียงของหยางไค่ขัดขวาง ส่งผลให้เขาได้รับบาดเจ็บภายใน
ผู้นำเหวิน !! การทำลายโซ่ตรวนผนึกเป็นอย่างไรบ้าง ? หล่งฮุยกล่าวถามด้วยความกังวลใจ
เหวินเฟยเฉินส่ายหัวอย่างช้าๆ : มิอาจทำลายได้ ตราผนึกนี้เหนือกว่าความสามารถของข้า และไม่รู้ว่าหญิงสาวนางนั้นเป็นศิษย์ของใคร เพราะนางสามารถสร้างตราผนึกแห่งค่ายกลที่วิเศษ
โซ่ตรวนทั้งหมด 3 เส้น ไม่เพียงผนึกพลังลมปราณที่อยู่ในเส้นชีพจรลมปราณ แต่มันยังผนึกจุดตันเถียนของเขา ทำให้พลังความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้อยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณขั้นที่ 3 เท่านั้น เมื่อสักครู่เขายังได้รับบาดเจ็บจากเสียงของหยางไค่ ทำให้พลังความแข็งแกร่งของตนเองลดลงอย่างมาก
เหวินเฟยเฉินโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด เขาโกรธแค้นจนต้องการจับหยางไค่และหญิงสาวคนนั้นมาฆ่าซ้ำไปซ้ำมา !! ตัวเขาเองเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นที่ 5 แต่กลับถูกศิษย์รุ่นน้องกระทำจนเป็นเช่นนี้ เขาไม่เคยได้รับความอับอายและความอัปยศเช่นนี้มาก่อนเลย
ผู้นำเหวินไม่ต้องเป็นห่วง ไอ่เด็กคนนั้นกล้าที่จะเปิดเผยร่องรอยของตนเอง ข้าคิดว่าในเวลานี้เขาคงตายไปแล้ว หล่งฮุยค่อนข้างมั่นใจ และยังแสะยิ้มที่มุมปาก
เหวินเฟยเฉินมิได้กล่าวตอบ เพราะเขารับรู้ความหมายของเสียงตะโกนของหยางไค่ มันไม่ใช่เสียงตะโกนที่ไร้ซึ่งหนทาง แต่มันเป็นเสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยแรงกระตุ้น ความตื่นเต้น และความกระหายที่จะต่อสู้
แต่ว่า เขาอยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 4 เท่านั้น เขาจะตะโกนอย่างบ้าคลั่งเช่นนั้นทำไม ?
แม้ว่าเหวินเฟยเฉินจะรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง แต่เขาไม่ได้คิดมาก เพราะหยางไค่เป็นสัตว์เดรฉาน เขาต้องตายอยู่ที่นี้เพียงสถานเดียว
ภายในหุบเขาทุกคนล้วนมีความคิดที่แตกต่างกัน แต่ภายนอกหุบเขากลับมีชายชราคนหนิ่งบินผ่านเข้ามาอย่างกะทันหัน
ชายชราคนนี้กำลังหายใจอย่างหนักหน่วง พลังลมปราณในร่างกายเคลื่อนไหวอย่งผันผวนแต่มันถูกซ่อนอยู่ภายในโดยไม่ถูกปลดปล่อยออกมา ทำให้ผู้อื่นไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังความแข็งแกร่งของเขา ความว่องไวของเขารวดเร็วอย่างถึงที่สุด เพียงพริบตาเขาบินผ่านระยะทางกว่า 100 ลี้
ใบหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและความกังวลใจ เขาเงยหน้ามองสีของท้องฟ้า และรู้สึกผิดอย่างมาก
ไม่ดีแล้ว ไม่ดีแล้ว มีบางอย่างผิดพลาด ศิษย์รักของข้า เจ้าอย่าเปิดใช้งานค่ายกลก่อนเวลาที่สมควรเป็นอันขาด ชายชราบินผ่านไปและกล่าวพึมพำอย่างต่อเนื่อง
ชายชราคนนี้ คือเม้งวู่หยาแห่งหอแลกเปลี่ยนวิเศษ !!
เม้งวู่หยางรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก ในค่ำคืนนั้นเขาเกลี้ยกล่อมศิษย์รักของตนเองอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้นางมายังสถานที่แห่งผลึกน้ำแข็งนพเก้า เพราะอย่างไรก็ตามเขตแดนลมปราณแท้จริงไม่จำเป็นต้องหลอมรวมผลึกน้ำแข็งนพเก้า และเซี่ยหนิงฉางยังว่านอนสอนง่ายเชื่อฟังเขาและสัญญาณกับเขาแล้วด้วย
นั่นทำให้เม้งวู่หยารู้สึกดีใจและมีความสุข เซี่ยหนิงฉางยังได้เตรียมอาหารและเหล้าชั้นดีให้แก่เขา ระหว่างที่เม้งวู่หยารับประทานอาหารและดื่มเหล้าเขาได้กล่าวสิ่งที่ไม่ดีของหยางไค่ เพื่อให้ศิษย์รักของตนเองอยู่ห่างจากหยางไค่ให้มากที่สุด
เพราะเม้งวู่หยาดูออกว่าศิษย์ของตนเองค่อนข้างเป็นห่วงหยางไค่ แม้ว่ามันจะไม่ใช้ความรักระหว่างหนุ่มสาว แตมันเป็นความรักที่ต้องการปกป้องดูแล แต่ไม่ใช่สิ่งที่ดี เม้งวู่หยาจึงต้องการตัดความรู้สึกของศิษย์รักของตนเอง
หลายปีที่ผ่านมา ศิษย์รักของเขาค่อนข้างเรียบร้อยและเชื่อฟัง เม้งวูหยางรักและห่วงแหนนางเสมือนสมบัติวิเศษของเขา คอยปกป้องดูแลไม่ห่าง เพราะนางมีจิตใจที่บริสุทธุ์มาก นางไม่เข้าใจความชั่วร้ายในจิตใจของมนุษย์แม้แต่น้อย
เม้งวู่หยากังวลอย่างมาก !! หากว่าหยางไค่มีเจตนาร้าย ล่อลวงศิษย์รักของเขาล่ะ เมื่อหนุ่มสาวมีความรักจะกล่าวเป็นคนโง่เขลาและตาบอด หากศิษย์ของตนเองตกหลุมพรางนั้น ทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องยากอย่างแน่นอน
ดังนั้นเม้งวูหยาจึงต้องแบกหน้าที่ไร้ยางอายของตนเองมาที่นี้ แม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึกผิด แต่ปากของเขากล่าวว่าสิ่งที่ไม่ดีของหยางไค่ กล่าวว่าเขาเป็นคนที่บ้ากามตัณหาในกาม ไม่ว่าเรื่องไม่ดีเช่นไรเขาจะโยนให้หยางไค่ทั้งหมด เพื่อที่จะทำให้เขาเป็นคนชั่วที่ผิดศีลธรรมไปโดยปริยาย
ก่อนหน้านี้เม้งวู่หยาเคยกล่าวเตือนต่อเซี่ยหนิงฉางอย่างจริงจังว่า ศิษย์รัก คนประเภทนี้ ไม่ควรเคารพเขา ต้องอยู่ให้ห่างจากเขามากที่สุด !!