ตอนที่ 100 กลิ่นอายแห่งปีศาจ
ตอนที่ 100 กลิ่นอายแห่งปีศาจ
ในขณะที่กำลังวางแผนฆ่าหยางไค่ หยางไค่หยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด เขากำลังขมวดคิ้วครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่าง
ในเวลาต่อมา เสียงแห่งการเคลื่อนไหวดังแว่วเข้ามา ท่ามกลางความมืดแสงแห่งเปลวเพลิงกำลังปะทุและประกายอย่างโชกโชน ซึ่งทำให้นู่วหล่างตื่นตะลึงและสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อจ้องมองออกไป ทันใดนั้นเขามองเห็นแสงแห่งเปลวเพลิงที่โหมกระหนำออกมาจากร่างกายของหยางไค่
นั่นไม่ใช่เปลวเพลิง แต่เป็นพลังลมปราณที่เข้มข้นและแข็งแกร่งจนสามารถก่อกำเนิดขึ้นมาได้ ความร้อนของเปลวเพลิงลุกลามไปทั่วบริเวณ ทันใดนั้นความร้อนของพลังลมปราณได้แพร่กระจายไปทั่วหุบเขา ซึ่งทำให้ความเยือกเย็นแห่งพลังหยินที่ครอบคลุมหุบเขาไม่สามารถรวมตัวกันได้อีก
ใบหน้าของหยางไค่ถูกเปลวเพลิงแห่งพลังลมปราณครอบคลุมจนมิอาจเห็นใบหน้าที่แท้จริง กล้ามเนื้อของเขากระตุกไปมาอย่างรุนแรง มองออกไปเสมือนว่ามันกำลังสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง
หมัดของเขาเต็มไปด้วยเลือด ช่องท้องมีบาดแผลจากการโจมตีด้วยกระบี่เป็นทางยาวประมาณ 1 ชุ่น และยังมีเลือดสีแดงฉานไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นภาพที่น่าสยดสยอง ดวงตาทั้งคู่ของเขายังแดงก่ำ เสมือนดวงตาของสัตว์ปีศาจที่เปล่งประกายด้วยความกระหายเลือดและความโหดเหี้ยมที่ไร้ขีดจำกัด
กลิ่นอายแห่งปีศาจ !!
ใบหน้าของนู่วหล่างแสดงออกด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด เขาก้าวถอยหลังออกไปหลายก้าวและตะโกน : ปีศาจที่กระหายเลือด !!
เขาคิดว่าหยางไค่ไม่สามารถควบคุมพลังลมปราณที่อยู่ในร่างกาย ทำให้พลังลมปราณกลืนกินความคิดและจิตใต้สำนึกของเขา
แต่ว่า เรื่องเช่นนี้จะปรากฏเฉพาะผู้ที่อยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณเป็นต้นไป ? เขาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มขึ้นสูงสุด เรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาได้อย่างไร ?
ปีศาจที่กระหายเลือด !! หยางไค่เอียงศีรษะจ้องมอง แม้ว่าสายตาของเขาจะน่าหวาดกลัวแต่มันเต็มไปด้วยความเยือกเย็น มันไร้ซึ่งร่องรอยที่สูญสิ้นสติความคิด ทันใดนั้นหยางไค่กล่าวด้วยเสียงที่โหดเหี้ยม : มีตาหามีแววไม่ !!
ในขณะที่กล่าว พลังลมปราณที่โหมกระหน่ำออกมาได้หายไปในทันที มันหายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงพลังลมปราณหยางที่แดงก่ำซึ่งกำลังปกคลุมหมัดทั้ง 2 ข้างของเขาอย่างพลุ่งพล่าน
มองออกไป เสมือนว่าหมัดของกำลังโหมกระหน่ำด้วยเปลวเพลิงที่ร้อนแรง แม้ว่าลมวายุจะพัดผ่านมา เปลวเพลิงก็มิได้ดับมอด แต่มันยังโหมกระหน่ำด้วยความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
เจ้ายังมีสติ เจ้ายังรู้สึกตัว ? นู่วหล่างจ้องมองหยางไค่ด้วยความสงสัย เขาต้องการหาเศษเสี้ยวแห่งความเป็นมนุษย์ในสายตาของหยางไค่ แต่จากดวงตาที่แดงก่ำของเขา มองไม่เห็นเศษเสี้ยวแห่งความเป็นมนุษย์แม้แต่น้อย มันเหลือไว้เพียงความบ้าคลั่งความหิวกระหายและเจตนาแห่งการฆ่าที่รุนแรงของปีศาจที่โหดเหี้ยม
ไม่ควรเป็นเช่นนี้ !! มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นปฏิกิริยาของปีศาจที่หิวกระหาย ดวงตาของเขาไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ ไร้ซึ่งความเมตตา แต่ทำไมเขาถึงสามารถคิดแยกแยะได้ ?
เจ้าพูดมาซิว่าข้ามีหรือไม่มี !! หยางไค่ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวทีละก้าว ยิ่งทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับนู่วหล่างใกล้ชิดกับมากขึ้น ใบหน้าของนู่วหล่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เขาไม่คาดคิดว่าความว่องไวของหยางไค่จะถึงขั้นนี้
นู่วหล่างก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันเขาได้พุ่งกรงเล็บออกไป เพื่อที่จะหยุดการก้าวเดินของหยางไค่
หยางไค่พุ่งหมัดที่โหมกระหน่ำด้วยเปลวเพลิงออกไป มันได้ปะทะกับกรงเล็บของนู่หล่างอย่างรุนแรง
คา ฉาก เสียงปะทะดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทุรนทุรายออกมาจากปากของนู่วหล่าง ร่างกายของเขาบินกระเด็นออกไปกระแทกลงพื้นดิน หลังจากนั้นความเจ็บปวดจากนิ้วมือทั้ง 5 แผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจ เมื่อมองดูเขาพบว่านิ้วมือทั้ง 5 ของเขาบิดเบี้ยวและไม่สามารถที่จะใช้งานได้อีก
มันเต็มไปด้วยแผลพุพองจากความร้อนและกระดูกนิ้วมือของเขายังหักทั้งหมด
ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีพลังลมปราณที่บ้าคลั่งบุกรุกเข้าไปในร่างกายของเขา มันได้แทรกซึมเข้าสู่เส้นชีพจรลมปราณและเลือดเนื้อหนังทั่วร่างกายของเขา
นู่วหล่างไม่กล้าที่จะรอช้า เขารีบพุ่งมือทุบไปที่แขนอีกครั้งของเขาเพื่อสกัดกั้นพลังลมปราณที่กำลังจะแทรกซึมเข้ามา
เมื่อเขาเพิ่งเสร็จสิ้นการกระทำนี้ แสงประกายระยิบระยับปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา เขาเงยหน้ามอง หยางไค่ได้พุ่งเข้าที่ด้านข้างของเขา แสงแห่งเปลวเพลิงที่ลุกโชนบนหมัดทั้ง 2 ข้างประกายส่องสว่างอย่างชัดเจน
นู่วหล่างจะกล้าโจมตีต่อสู้อีกต่อไปได้อย่างไร ? จนถึงตอนนี้ เขาจึงตระหนักอย่างชัดเจนว่าพลังความแข็งแกร่งแห่งเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณขั้นที่ 1 ไม่สามารถเอาชนะหยางไค่ที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 4
เมื่อใช้พละกำลังทั้งหมดจนหมด นู่วหล่างรีบก้าวถอยหลังเพื่อถอยห่างออกไป ในขณะเดียวกันเขาได้ส่งเสียงร้องเสมือนเสียงนกหวีด ภายในเสียงร้องยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ซึ่งกำลังดังสะท้อนไปทั่วหุบเขา
แสงแห่งเปลวเพลิงเปล่งประกายที่พื้นของหยางไค่ ความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวของเขาเพิ่มขึ้นจนตัวเขาเองยังประหลาดใจ ร่างกายของเขาเปรียบเสมือนเงาร่างที่พุ่งประชิดด้านหลังของนู่วหล่าง ก่อนที่เขาจะพุ่งหมัดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ปังปังปัง .
นู่วหล่างถูกโจมตีไปหลายหมัด จนเขาไม่มีพละกำลังที่จะต่อต้าน เขาถูกโจมตีจนศีรษะโอนเอนตาค้างไปมา สติสัมปชัญญะเริ่มที่จะเลือนหาย
หลังจากที่วิ่งหนีได้ 50 ก้าว นู่วหล่างจึงเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่สามารถหลบหนีจากการโจมตีของหยางไค่ ทันใดนั้นนิสัยของเด็กหน่มจึงพรั่งพรู่ออกมา ทันใดนั้นเขาหยุดวิ่งอย่างกะทันหัน ใบหน้าแสดงออกอย่างเคร่งขรึมและกล่าวตะโกนด้วยเสียงที่ดังสนั่น : หยางไค่ทำไมเจ้าต้องรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า !! กรงเล็บอินทรีเมฆา !! ไปตายซะ !!
มันเป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของนู่วหล่าง ทันใดนั้นพลังลมปราณทั้งหมดของร่างกายถูกปลดปล่อยออกมาและพุ่งประสานไปที่กรงเล็บอินทรีเมฆา สองมือของเขาพุ่งออกไปที่หน้าอกของหยางไค่เพื่อต้องการที่จะฉีกหน้าอกของหยางไค่ให้เป็น 2 ส่วน
พลังลมปราณทั้งหมดของเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด แต่ในเวลานี้หยางไค่มิกล้าที่จะประมาท เขาสัมผัสและรับรู้ได้ถึงเจตนาการฆ่าที่มีอำนาจพลังที่ยิ่งใหญ่ซึ่งซ่อนอยู่ในกรงเล็บอินทรีเมฆาของเขา ซึ่งทำให้การแสดงออกของหยางไค่ยังเปลี่ยนแปลงด้วยความเคร่งขรึมในทันที
หากเขาสามารถจับกุมหยางไค่ หน้าอกของหยางไค่ต้องถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างแน่นอน
ในช่วงเวลาที่สำคัญ หยางไค่ไม่โน้วตัวไปด้านข้าง และพุ่งหมัดที่โหมกระหน่ำด้วยเปลวเพลิงออกไปที่ใบหน้าของนู่วหล่าง
ทั้งสองต่างเดิมพันชีวิตของตนเองในต่อสู้ครั้งนี้ การโจมตีในครั้งนี้ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นการโจมตีครั้งสุดท้าย และเป็นการต่อสู้ที่ชี้ความเป็นความตายต้องมีใครคนหนึ่งที่ต้องตายไปในครานี้ !!
ปัง !!
หมัดของหยางไค่พุ่งชนกับใบหน้าของนู่วหล่าง ทันใดนั้นอวัยวะของเขาบิดเบี้ยวอย่างกะทันหัน ร่างกายของนู่วหล่างสั่นสะท้านด้วยพละกำลังที่ยิ่งใหญ่ และลอยกระเด็นออกไป พลิกตลบหลายตลบบนกลางอากาศและพุ่งกระแทกลงไปที่พื้นดินอย่างรุนแรง
ชู่วววา !!
กรงเล็บของนู่วหล่างพุ่งตะครุบไปที่หน้าอกของหยางไค่อย่างจริงจัง เขาคิดว่าหน้าอกของหยางไค่ต้องถูกฉีกออกจนอวัยวะภายในไหลออกมา แต่ในความเป็นจริง เพียงสร้างรอยแผลของกรงเล็บทั้ง 10 นิ้วเท่านั้น
ในช่วงเวลาที่สำคัญ หยางไค่ตัดสินหันไปด้านข้าง แต่เพราะมือหนึ่งของนู่วหล่างถูกโจมตีจนหักทั้งหมด การปลดปล่อยกระบวนท่า กรงเล็บอินทรีเมฆาทั้ง 2 ข้างจึงมีความหนักหน่วงและความแข็งแกร่งที่ไม่เท่ากัน มีหนักมีเบา การหลบไปด้านข้างของหยางไค่ เพราะต้องการผ่อนปรนความหนักหน่วงความรุนแรงในการโจมตี ทำให้กรงเล็บของทั้ง 2 ของเขาไม่สามารถออกแรงที่เท่ากัน ซึ่งเป็นการทำลายการโจมตีของเขาด้วย
การตัดสินใจทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่หยางไค่ต้องการตามสัญชาตญานที่ป่าเถื่อนของเขา และมันยังเป็นความสามารถในการตอบสนองต่อการโจมตี ในการต่อสู้ไม่มีเวลาให้ตัดสินใจมากมาย แต่ไม่อาจที่จะไม่กล่าวว่าการตัดสินใจเช่นนี้เป็นการทำลายกระบวนท่าการโจมตีของคู่ต่อสู้ที่วิเศษอย่างไร้ฐิติ
สถานการณ์การต่อสู้ได้สงบลง การต่อสู้ครั้งสุดท้ายชี้ชะตาความพ่ายแพ้และชัยชนะ หยางไค่หอบหายใจอย่างหนักหน่วงกลิ่นอายแห่งปีศาจจะปกคลุมไปทั่วร่างกาย แต่นู่วหล่างเสมือนสุนัขตายตัวหนึ่งที่คลานอยู่บนพื้น ใบหน้าของเขาปกคลุมไปด้วยเลือด และจ้องมองหยางไค่ด้วยความโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
แม้จะกลายเป็นวิญญาณ ข้าก็ไม่มีวันที่จะปล่อยเจ้าไป !!! นู่วหล่างกลืนเลือดที่กระอักออกมา และกล่าวด้วยสุ้มเสียงที่เกลียดชัง
หยางไค่ลดสายตามองที่เขา ก่อนจะยกเท้าและเหยียบไปที่นู่วหล่างอย่างรุนแรง
ฮ่าฮ่า กลุ่คนแห่งนิกายโลหิตได้ยินเสียงสัญญานของข้า .พวกเขา .จะมาฆ่า ยังมิทันที่นู่วหล่างจะกล่าวจบ ลำคอของเขาถูกบดขยี้จากฝ่าเท้าของหยางไค่ ทำให้ชีวิตของเขาจบลงในทันที
กลุ่มคนแห่งหอวายุพิรุณทั้ง 5 คน ตายทั้งหมด !!
หยางไค่ยืนนิ่งอยู่กับที่ เขากำลังสัมผัสความร้อนแรงแห่งความกระหายการต่อสู้ ใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างเยือกเย็นและบิดเบี้ยว เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดแผนการที่บ้าคลั่งได้ก่อกำเนิดจากหัวใจของเขา