ตอนที่ 93 วันที่ 7 เดือน 7 การรวมตัวของพลังหยิน
ตอนที่ 93 วันที่ 7 เดือน 7 การรวมตัวของพลังหยิน
การโจมตีของเหวินเฟยเฉินไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะฆ่า แต่เขาต้องการหยุดยั้งการหลบหนีของเซี่ยหนิงฉางเท่านั้น
ปฏิกิริยาตอบสนองของเซี่ยหนิงฉางรวดเร็วอย่างมาก แม้ว่านางจะถูกผลักออกมาจากหยางไค่ แต่เมื่อเหวินเฟยเฉินโจมตีด้วยฝ่ามือเซี่ยหนิงฉางหันตัวกลับมาและปะทะกับฝ่ามือของเหวินเฟยเฉินอย่างรุนแรง เซี่ยหนิงฉางรับพละกำลังการโจมตีของเหวินเฟยเฉิน และลอยตัวลงไปยืนเคียงข้างหยางไค่อย่างแผ่วเบา
อ้า !! เมื่อหยางไค่มองเห็นภาพเหตุการณ์เหล่านี้ เขาถอนหายใจด้วยความหวาดกลัว ฝ่ายตรงข้ามีมียอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริง ยิ่งทำให้พวกเขาแข็งแกร่ง พวกเขามีแผนการล่วงหน้า ครั้งนี้ดูเหมือนพวกเขาคงจะไร้ซึ่งหนทางการหลบหนีแล้วจริงๆ
ผู้นำเหวิน จับหญิงสาวคนนั้นมาให้ข้า หากว่านางกล้าต่อต้าน .. หลงฮุ่ยเยิ้มอย่างโหดเหี้ยม : แม้จะต้องทำลายแขนขาของนางก็มิเป็นไร อย่าทำให้ใบหน้าของนางเสียโฉมก็พอ !! ข้าอยากเห็น ใบหน้าที่อยู่ภายใต้การปิดบังของผ้าคลุมหน้าว่าจะงดงามสักเพียงใด !!
เหวินเฟยเฉินยิ้มเบาๆ : นายน้อยหล่งโปรดวางใจ ข้าจะไม่ปล่อยให้นางหนีไปอย่างแน่นอน !!
เดิมทีเขายังกังวลว่าระหว่างการต่อสู้หากเขาเผลอทำร้ายเซี่ยหนิงฉางหล่งฮุ่ยต้องกล่าวตำหนิเขา แต่ในเมื่อเขากล่าวว่าสามารถทำลายแขนขาของนางได้ เหวินเฟยจึงไม่มีเรื่องให้กังวลอีก
นายน้อยของตะกูลหล่งคนนี้ มีความทะเยอะทะยานที่สูง แต่เขายังรู้ขีดจำกัดของตนเอง เขารู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหญิงสาวคนนี้ หากสามารถทำทลายแขนขาของนาง จะเป็นการปกป้องตัวเองอีกจากนางด้วย
เสียงการโต้ตอบของพวกเขาได้ยินโดยหยางไค่และเซี่ยหนิงฉางอย่างชัดเจน ดวงตาของทั้งสองจึงประกายด้วยความเกรี้ยวโกรธและความเกลียดชัง
เหวินเฟยเฉินหัวเราะและกล่าวด้วยเสียงที่ชัดเจน : แม่นางน้อย เจ้าได้ยินคำพูดของนางน้อยแล้วใช่ไหม หากเจ้ายอมโดยไม่ขัดขืน ข้าสัญญว่าจะไม่ทำร้ายเจ้า แต่หากเจ้าคิดที่จะต่อต้าน อย่ากล่าวโทษข้าน้อยที่ต้องลงมืออย่างโหดเหี้ยม !
เซี่ยหนิงฉางกล่าวคำราม : ไม่มีทาง
ดีดีดี !! เหวินเฟยเฉินหัวเราะอย่างเยือกเย็น : เจ้ารนหาเรื่องเอง !!
สิ้นเสียงคำกล่าว ร่างกายของเหวินเฟยเฉินลอยตัวพ่งุสูงขึ้นเสมือนเหยี่ยวที่มีความว่องไว ฝ่ามือทั้งสองยืนออกมาหมุนวนอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นพลังความแข็งแกร่งของยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงกำลังพุ่งออกมาอย่างรุนแรง เสียงแห่งฝ่ามือเปรียบเสมือนเสียงแห่งพายุและภายในของเสียงยังเต็มไปด้วยเสียงคำรามของพยัคฆ์ที่โหดเหี้ยม ฝ่ามือที่พุ่งออกมากลายเป็นภาพเงาศีรษะของพยัคฆ์ที่ดุร้าย มันแยกเขี้ยวคำรามและพุ่งโจมตีไปที่เซี่ยหนิงฉาง
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่ซ่อนอยู่ในฝ่ามือ การแสดงออกของเซี่ยหนิงฉางเปลี่ยนแปลงในมันที สองมือที่ขาวเนียนดุจหิมะเริ่มมีการเคลื่อนไหว มือทั้งสองของนางเริ่งร่าบนกลางอากาศเซี่หนิงฉางแตะไปที่อัญมณีสีน้ำเงินที่อยู่บนหน้าผากและชี้ไปยังลมพายุที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางได้แตะไปที่อัญมณีสีน้ำเงินที่อยู่บนหน้าผากของนาง อีกครั้งทันใดนั้นได้ปรากฏเกราะป้องกันที่พุ่งออกมาจากอัญมณีสีน้ำเงิน และพลังลมปราณที่อยู่ภายในกร่างกายยังได้ปะทุออกมาอย่างรุนแรง
แม้ว่าพลังการโจมตีของเซี่ยหนิงฉางจะรุนแรง แต่ก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากเหวินเฟยเฉิน แต่มันสามารถบั่นทอนความเร็วในการโจมตีของศีรษะพยัคฆ์จนหมดสิ้น
หลังจากนั้น การโจมตีด้วยศีรษะพยัคฆ์ได้โจมตีมายังด้านหน้าของเซี่ยหนิงฉาง
ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อหยางไค่รู้สึกตัวและตอบสนองกับสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็สายไปแล้ว
เงาร่างของศีรษะพยัคฆ์ได้พ่งโจมตีเซี่ยหนิงฉางอย่างต่อเนื่อง เพียงแค่มองดูก็สามารถคาดเดาได้ว่ามันต้องโจมตีจนนางได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ทันใดนั้น อัญมณีสีน้ำเงินบนหน้าผากของนางได้สร้างระลอกคลื่นวงกลมที่ลึกลับและน่าอัศจรรย์ หลังจากที่ระลอกคลื่นวงกลมได้เปล่งประกายออกมา ทันใดนั้นม่านแสงที่มีรูปทรงครึ่งวงกลมได้เปล่งประกายออกมาทันที มันเปรียบเสมือนเกราะป้องกันลักษณะครึ่งวงกลมที่ปกคลุมและปกป้องพวกเขาทั้งสองเอาไว้
ในที่สุดการโจมตีของเหวินเฟยเฉินได้พุ่งไปหาเซี่ยหนิงฉางจนสำเร็จ แต่เมือศีรษะพยัคฆ์ที่สง่างามเหล่นั้นพุ่งปะทะกันม่านแสงที่เปล่งประกาย ทันใดนั้นได้มีเสียงการปะทะที่รุนแรงเกิดขึ้น จากนั้นศีรษะพยัคฆ์ได้มลายหายไปจนหมดสิ้น
เซี่ยหนิงฉางยืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับตัว ใบหน้าของนางแสดงออกอย่างสง่างาม
เมื่อเหวินเฟยเฉินลอยตัวมาถึงพื้นดิน ดวงตาของเขาประกายด้วยความรู้สึกที่ตื่นตะลึง เขากล่าวด้วยเสียงที่ตื่นตกใจอย่างถึงที่สุด : สมบัติวิเศษระดับฟ้าสวรรค์ !!
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา ดวงตาของทุกคนต่างประกายลุกโชนด้วยความต้องการครอบครอง โดยเฉพาะหล่งฮุยดวงตาของประกายด้วยความปราถนาและความต้องการอย่างน่าเกลียดยิ่งกว่าใคร
ว่าไงน่ะ ? หล่งฮุยหันเหความสนใจของตนจากร่างกายของเซี่ยหนิงฉาง เขาหันหน้ากล่าวถามเหวินเฟยเฉินด้วยสายตาที่สั่นเครือ : ผู้นำเวหิน เมื่อสักครู่ ท่านกล่าวว่าอะไร ?
ใบหน้าของเหวินเฟยเฉินสั่นสะเทือน ดวงตาประกายด้วยความโลภ เขากลืนน้ำลายและกล่าวตอบ : สมบัติวิเศษระดับฟ้าสวรรค์ !! มันสามารถป้องกันการโจมตีจากข้าอย่างง่ายดาย มันต้องเป็นสมบัติระดับฟ้าสวรรค์อย่างแน่นอน !!
เรื่องจริง ? หล่งฮุยรู้สึกตื่นเต้นเกินบรรยาย เขาไม่คาดคิดว่า การที่เขาติดตามหยางไค่มาเพื่อกำจัดเขาในครั้งนี้โดยเต็มไปด้วยแผนการที่ล้มเหลวหลายครั้ง กลับทำให้เขาได้ครอบครองหญิงวาม และยังได้รับสมบัติวิเศษระดับฟ้าสวรรค์ !! นอกจากนั้น ยังเป็นสมบัติวิเศษแห่งการป้องกัน มันเป็นสิ่งที่ล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งใด
สมบัติวิเศษระดับฟ้าสวรรค์ เป็นสิ่งที่ล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งใด ในนิกายโลหิตมีเพียง 1 ชิ้นเท่านั้นและมันยังอยู่ในการครอบครองของหุ่หมั่นประมุขแห่งนิกายโลหิต
หากว่าเขานำสมบัติชิ้นนี้มอบให้แก่ปู่ของเขา หากเป็นเช่นนี้อำนาจของปู่ของหล่งฮุยจะเพิ่มขึ้นอีก 1 ระดับ แม้แต่หู่หมั่นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
ยึดมันมา เอามันมาให้ได้ ต้องเอามันมาให้ได้ !! หล่งฮุยกล่าวตะโกนด้วยความตื่นเต้นและหื่นกระหาย : ผู้นำเหวิน หากว่าท่านสามารถแย่งสมบัติชิ้นนั้นมาได้ ตำแหน่งรองประมุขแห่งนิกายโลหิตในภายภาคหน้าจะเป็นของเจ้า !!
เมื่อเหวินเฟยเฉินได้ยินเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกหึกเหิมและกล่าวขอบคุณอย่างรวดเร็ว : ขอบคุณความเมตตาจากนายน้อย !!
แม้ว่าคำพูดจะกล่าวออกมาเป็นเช่นี้ แต่เหวินเฟยเฉินทราบดี การจะทำลายเกราะป้องกันแห่งสมบัติระดับฟ้าสวรรค์ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เพราะการโจมตีของเขาเมื่อสักครู่ไม่มีผลต่อเซี่ยหนิงฉางแม้แต่น้อย เหวินเฟยเฉินก็รู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างถึงที่สุด
แต่โชคดีที่ว่า สาวน้อยคนนั้นมีพลังความแข็งแกร่งอยู่ในระดับที่ไม่สุงมาก นางไม่สามารถรักษาเกราะป้องกันได้นานอย่างแน่นอน เพียงแค่พวกเขาโจมตีอย่างต่อเนื่อง ต้องมีโอกาสที่จะทำลายม่านแสดงที่ปกป้องพวกเขาได้แน่
ลงมือ !! เมื่อคิดหาวิธีการได้เช่นนี้ เหวินเฟยเฉินกล่าวออกคำสั่งด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาได้พุ่งฝ่ามือออกไป ทันใดนั้นแสงรูปวงกลมได้พุ่งโจมตีไปที่ม่านแสงของเซี่ยหนิงฉาง ยอดฝีมือแห่งนิกายโลหิตต่างแสดงทักษะการโจมตีที่พวกเขาได้ร่ำเรียนมาอย่างรุนแรงและโหดเหี้ยม
แสงแห่งการโจมตีพุ่งปะทะกับม่านแสงของเซี่ยหนิงฉางอย่างต่อเนื่อง แต่เซี่ยหนิงฉางและหยางไค่ที่ถูกคุ้มครองปกป้องโดยม่านแสงกลับปลอดภัยและไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ทุกการโจมตีของพวกเขาต่างถูกป้องกันจากม่านแสงแห่งสมบัติระดับฟ้าสวรรค์จนหมดสิ้น
สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้หยางไค่มองเห็นโอกาสในการหลบหนี ดวงตาของประกายด้วยแสงแห่งความหวัง จิตใจของเขาคิดหาวิธีอย่างรวดเร็ว เขาต้องหาช่องทางหลบหนีก่อนที่ม่านแสงนี้จะถูกทำลาย
ศิษย์น้องเจ้ากลัวหรือไม่ ? เซี่ยหนิงฉางกล่าวถามอย่างฉับพลัน
เอ๋ ? หยางไค่หันหน้ามองไปที่เซี่ยหนิงฉาง
พวกเราอาจต้องตาย เจ้ากลัวหรือไม่ ?
กลัวอะไร เจ้าก็อย่ากลัวล่ะ !! หยางไค่กล่าวตอบ และจ้องมองไปที่หล่งฮุ่ยอย่างเย็นชา หากสามามารถจับตัวหล่งฮุ่ยได้ พวกเขาก็จะสามารถมีเงื่อนไขในการเจรจาต่อรองได้
แต่ การที่จะทำลายการปิดล้อมของยอดฝีมือแห่งนิกายโลหิตเพื่อจับตัวหล่งฮุยคงเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง แม้ว่าคนที่ลงมือจะเป็นเซี่ยหนิงฉางก็ไม่สามารถที่จะกระทำได้
ข้าไม่กล้ว !! เซี่ยหนิงฉางยิ้มให้แก่หยางไค่อย่างอ่อนโยน : พวกเขายังไม่รู้ว่าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับสิ่งใด !!
หยางไค่ตกใจกับคำพูดของนาง ยังไม่ทันที่จะเข้าใจในสิ่งที่น่ากล่าว ทันใดนั้นสีของเมฆฟ้าและหุบเขาได้เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
ได้เวลา !
วันที่ 7 เดือน 7 พลังหยินรวมตัว !! สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่รวมตัวของผลึกน้ำแข็งนพเก้า ทันใดนั้นรัศมีความเยือกเย็นแห่งพลังหยินพุ่งออกมาจากชั้นผิวดินอย่างกะทันหัน เมื่อไอ่เย็นแห่งพลังหยินไหลเวียนเคลื่อนไหว เสมือว่าพื้นดินของโลกได้มีมือปริศนาที่น่าหวาดกลัวพุ่งขึ้นอย่างะทันหัน มันค่อยๆไต่ตัวขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นภาพที่น่าสยดสยองต่อผู้ที่พบเจอ
เพียงพริบตา อุณหภูมิของหุบเขาลดลงถึงจุดต่ำสุดอย่างรวดเร็ว ความเยือกเย็นได้ไหลผ่านกระดูกภายในร่างกายซึ่งทำให้เหล่าผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นสั่นสะท้านด้วยความเหน็บหนาว
ยอดฝีมือแห่งนิกายโลหิตที่กำลังโจมตีเซี่ยหนิงฉาง เมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งที่แปลกประหลาด พวกเขารีบเปลี่ยนพลังลมปราณเพื่อต่อต้านพลังหยินที่แผ่ซ่านเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
พลังหยินที่ปกคลุมไปทั่วหุบเขาแม้จะทำให้พวกผู้คนรู้สึกไม่สบายตัว แต่มันไม่ได้มีความสามารถในการฆ่า เพียงแค่ใช้พลังลมปราณในการต่อต้านก็ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตราย ศิษย์แห่งหอวายุพิรุณยังสามารถที่จะต่อต้านได้ แล้วศิษย์แห่งนิกายโลหิตจะไม่สามารถต่อต้านได้อย่างไร แต่เมื่อเป็นเช่นนี้เป็นเวลานานโดยที่พวกเขายังอยู่ตรงนี้ พลังลมปราณของพวกเขาต้องสูญสิ้น เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาจะตายจากความหนาวเย็นที่ตรึงแช่พวกเขาเอาไว้
ผ่านไปเพียงชั่วครู่ หุบเขาทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยพลังหยิน !! ทันใดนั้นเซี่ยหนิงฉางเริ่มมีการเคลื่อนไหว ร่างกายของนางอ่อนช้อย เสมือนกำลังร่ายรำ ทันใดนั้นนางได้เคลื่อนไหวสองมือด้วยลักษณะที่แปลประหลาด ก่อนจะแบ่งพลังลมปราณที่อยู่ในร่างกายออกเป็นหลายส่วนและกระจายมันออกไปทั่วสารทิศ