ตอนที่ 90 เป้าหมาย
ตอนที่ 90 เป้าหมาย
หุบเขาที่อยู่ตรงหน้ามีขนาดใหญ่มหึมา ครอบคลุมพื้นที่รอบๆเป็นรูปวงกลมกว่า 10 ลี้ และมันยังเป็นหุบเขาทีมีรูปร่างทรงกลมที่สมบูรณ์และโดดเด่นที่สุด
หยางไค่ที่ยืนอยู่ข้างหุบเขาลดศรีษะลงมองเบื้องล่างของหุบเขา เขาพบกว่าหุบเขามีความลึกจากตำแหน่งปัจจุบันที่ตอนเองยืนประมาณ 30 จ้าง เบื้องล่างของหุบเขามีสีเขียวขจีที่ให้ความรู้สึกอันเขียวชอุ่มไม่ต่างจากป่าที่อยู่ภายใน นอกจากนั้นภายในหุบเขายังงดงามไร้ฐิติซึ่งเป็นทัศนียภาพที่น่าหลงใหลอย่างยิ่ง
เซี่ยหนิงฉางก้มมองกำไลข้อมือสีเขียวมรกตของตนอย่างพิถีพิถัน ผ่านไปชั่วครู่ถึงจึงกล่าตอบด้วยเสียงที่พึงพอใจ : โชคดีอย่างมาก ไม่มีสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งอยู่ที่นี้
ในขณะกล่าวนางถอนหายใจด้วยความโล่งอก ระหว่างทางที่เดินทางเข้ามา นางสามารถหลบเลี่ยงจากสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งซึ่งอยู่ในเขตแดนระดับสูง หากว่ามีสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งและเป็นอันตรายต่อพวกเขาดำรงอยู่ภายในหุบเขาแห่งนี้ เมื่อถึงเวลามีเพียงการต่อสู้กับพวกมันเท่านั้น เพราะจุดหมายปลายของพวกเขาคือสถานที่แห่งนี้
สถานที่แห่งนี้ดูธรรมดาสามัญอย่างมาก หยางไค่ขมวดคิ้งและกล่าวเปรย
เพียงเพราะยังไม่ถึงเวลา เซี่ยหนิงฉางยิ้มอย่างอ่อนโยน : หากไม่ใช่เพราะวันที่ 7 เดือน 7 ในปีหนึ่ง ทีข้าและท่านอาจารย์ต้องเดินทางผ่านสถานที่แห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเราอาจไม่สามารถค้นพบสถานที่ลึกลับแห่งนี้ได้ และตอนนั้นนั้นเอง ที่อาจารย์ตัดสินให้ข้าปรุงกลั่นผลึกน้ำแข็งนพเก้า
แต่ทำไมเขาถึงตัดสินใจไม่ให้เจ้าปรุงกลั่นในช่วงเวลาสำคัญ ? นอกจานั้น เจ้าก็ไม่ไดกล่าวบอกแก่ข้า ว่าข้าจะช่วยพวกเจ้าเพื่อที่จะได้รับผลึกน้ำแข็งนพเก้าได้อย่างไร ?
ในช่วง 2-3 วันที่พวกเขาเร่งฝีเท้าในการเดนิทาง หยางไค่ไม่มีเวลาครุ่นคิดในจุดนี้ แต่ตอนนี้พวกเขาเดนิทางมาถึงจุดหมายเป้าหมายทาง ตัวเขาเองไม่สามารถทำตัวไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องนี้ได้อีกต่อไป หากเมื่อถึงช่วงเวลาที่สำคัญเมื่อผลึกน้ำแข็งนพเก้าปรากฏออกมา แล้วเขาไม่รู้ว่าจะลงมืออย่างไร คงเป็นการทำลายแผนการสำคัญของพวกเขาอย่างแน่นอน
ดังนั้นจึงต้องถามให้ละเอียดและชัดเจน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการลงมือ
เมื่อถึงเวลาข้าจะบอกเจ้า เซี่ยหนิงฉางไม่ได้กล่าวอธิบายเช่นเคย
จิตใจของหยางไค่เต็มไปด้วยความสงสัย แต่ไม่ได้กล่าวถามต่อไป เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างลึกลับและมีเงื่อนงำ ก่อนหน้านั้นปฏิกิริยาของเหรัญญิกเม้งได้สร้างความสงสัยที่ไม่เข้าใจให้แก่หยางไค่ แต่เมื่อสัญญาว่าจะช่วยพวกเขา เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็ต้องช่วยเหลือย่างสุดความสามารถก็เพียงพอแล้ว
เจ้ามานี้สิ เซี่ยหนิงฉางกวักมือเรียกหยางไค่
หยางไค่มองนางด้วยแววตาที่แปลกใจ : มีอะไร ?
ข้าจะพาเจ้าลงไป เซี่ยหนิงฉางกล่าวตอบในขณะที่กระพริบดวงตาที่กลมโตของนางอย่างน่าหลงใหล : มันสูงมากน่ะ
ข้าลงไปเองได้ หยางไค่กล่าวปฏิเสธเซี่ยหนิงฉาง มันเป็นเรื่องที่น่าขำยิ่งนัก ตัวเขาเป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่ง จะให้หญิงสาวพาเขาลงไปได้อย่างไร ? มันน่าอึดอัดใจยิ่งนัก
หลังจากที่กล่าวจบ เขาพุ่งไปข้างหน้ากระโดดลงไปในทันที ภายใต้เสียงกรีดร้องของเซี่ยหนิงฉาง หยางไค่พุ่งลงไปเบื้องล่างราวกับอุกกาบาตที่พุ่งลงมาจากท้องฟ้าโดยร่างกายของเขากระแทกกับกิ่งไม้และพื้นหญ้าที่อยู่เบื้องล่าง
เซี่ยหนิงฉางตกใจอย่างรุนแรง ความแข็งแกร่งของหยางไค่ไม่สูงมาก เขากระโดดลงไปเช่นนี้จะมีชีวิตรอดกลับมาได้อย่างไร ? เซี่ยหนิงฉางรีบตามหยางไค่ลงไปตามร่องรอยเดิมของหยางไค่ เพื่อช่วยเขาในช่วงเวลาที่วิกฤติ
ความเร็วของการร่วงสู่เบื้องล่างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อระยะห่างระหว่างเขาห่างจากพื้นดินประมาณ 10 จ้าง หยางไค่เตะลงไปที่พื้นดินอย่างกะทันหัน ปัง !! เสียงกระแทกดังสนั่น หยางไค่เตะลงไปที่ก้อนหินที่อยู่ข้างๆ อาศัยแรงต้านนี้เพื่อลดแรงกระแทกต่อตนเอง จากนั้นหยางไค่ตีลังกาม้วนตัวลงสูพื้นดินหลายครั้ง ซึ่งทำให้เขาสูญเสียพละกำลังไปไม่น้อย การเคลื่อนไหวของเขาเสมือนลูกธนูที่พุ่งสู่พื้นดินอย่างรวดเร็ว
ปัง !! เมื่อถึงพื้นดินด้านล่าง สองขาของหยางไค่โค้งวนไปมา เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ และเศษดินฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
เซี่ยหนิงฉางลอยตัวมายังข้างกายของหยางไค่อย่างรวดเร็ว
คนหนึ่งเสมือนนางเซียนที่ลงมาจากสวรรค์ อีกคนเสมือนอุกกาบาติที่พุงลงมาจากท้องฟ้า ทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความรู้สึกที่แตกต่างที่มิอาจอธิบกายออกมา
แต่ไมว่าอย่างไร พวกเขามาถึงเบื้องล่างโดยปลอดภัย
ผิวหนังภายนอกของหยางไค่กระตุกอย่างรุนแรง สองขาของเขาสั่นเทาและเต็มไปด้วยรอยถลอกจากกิ่งไม้
เซี่ยหนิงฉางเม้มปาก กลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ จากความสามารถในการคาดเดากับสิ่งที่มองเห็น เมื่อสักครู่ ศิษย์น้องของตนเองคงถูกได้รับบาดเจ็บและความเดือดร้อนที่ไม่น้อย
ระดับความสูงถึง 30 จ้าง ด้วยความสามารถของเขตแดนลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 4 ในการกระโดดลงไปจากระดับความสูงขนาดนี้ การที่เขาถึงเบื้องล่างอย่างปลอดภัย ถือเป็นเรื่องที่โชคดีและน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง
เซี่ยหนิงฉางแกล้งทำเป็นมองไปรอบๆ และกล่าว : วันนี้เป็นวันที่ 5 ยังเหลือเวลา 2 วันจึงจะถึงวันที่ 7 ข้าต้องจัดเตรียมบางสิงบางอย่าง ศิษย์น้องเจ้ารอข้าอยู่ที่นี้ เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่มีอันตรายใดๆเลย
ใบหน้าของหยางไค่แสดงออกอย่างขึงขัง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเงียบๆ
เซี่ยหนิงฉางจึงออกไปจากที่นี้ แต่หน้ายังหันมากล่าวเตือนด้วยความไม่วางใจต่อหยางไค่อีกครั้ง : ข้าต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการเตรียมบางสิ่งบางอย่าง เจ้าอย่าวิ่งไปไหนล่ะ ไม่เช่นนั้นข้าจะหาเจ้าไม่เจอ
หยางไค่พยักหน้าต่อคำสั่งนั้นอย่างแผ่วเบา ใบหน้าแสดงออกด้วยความเย็นชา
เมื่อรอจนกระทั่งเงาหลังของเซี่ยหนิงฉางหายลับจากสายตา หยางไค่จึงนั่งลงบนพื้นดิน นวดไปที่สองขาที่เจ็บปวดของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
แม้ว่าล่วงสู่เบื้องล่างจะสามารถลดความเร็วจากการพุ่งกระโดดลงมา แต่ช่วงเวลาที่สำคัญนั้นก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างมาก
หลังจากนั้น ความเจ็บปวดอาการชาค่อยหายไป หยางไค่ไมได้หยุดพัก แต่เริ่มตรวจสอบลักษณะของพื้นที่โดยรอบ แม้ว่าเซี่ยหนิงฉางจะกล่าวว่าที่นี้ปลอดภัยไร้ซึ่งอันตราย แต่การตรวจสอบสอบอย่างละเอียดก็มิใช่เรื่องที่เสียหายแต่อย่างใด
หลังจากที่ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน หุบเขาแห่งนี้ไร้ซึ่งอันตรายอย่างที่เซี่ยหนิงฉางกล่าวไว้
เมื่อรอจนกระทั่งบ่ายของวันที่ 2 เซี่ยหนิงฉางจึงกลับมาหาหยางไค่ที่หุบเขาแห่งนี้อีกครั้ง
แม้ว่าไม่รู้ว่านางไปเตรียมสิ่งใด แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดขาวของนาง หยางไค่รู้ได้ในทันที ว่าการเตรียมบางสิ่งบางอย่างของนางต้องสูญเสียพลังจิตวิญญานและพลังลมปราณไปไม่น้อย
ข้าจะฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณและพลังลมปราณ รอจนกระทั่งเที่ยงคืนขอวันนี้ ผนึกน้ำแข็งนพเก้าจะรวมตัวในตำแหน่งพลังงานที่เข้มข้น เมื่อดวงอาทติย์ขึ้นจากขอบฟ้า พวกเราต้องค้นหาผลึกน้ำแข็งนพเก้ให้เจอ จากนั้นจึงเก็บมันมาให้ได้ หากล่วงเลยเวลาที่เหมาะสมของมัน มันจะซ่อนตัวอีกครั้ง เซี่ยหนิงฉางกล่าวเตือนอย่างกังวล ก่อนจะน้ำขวดยาจากถุงและกลืนกินมันเข้าไป จากนั้นนางได้นั่งลงบนพื้นดินและหลับตาเพื่อฟื้นฟูพลังของตนเอง
หยางไค่ยืนอยู่ข้างๆนาง ค่อยดูแลปกป้องนางโดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
บริเวณหุบเขาใกล้เคียง ห่างออกไปหลายลี้ กลุ่มคนแห่งนิกายโลหิตและหอวายุพิรุณต่างพักผ่อนด้วยความเหนื่อยล้า
การที่พวกเขาติดตามหยางไค่และเซี่ยหนิงฉางเข้ามาในเทือกเขาวายุทะมึน เป็นสิ่งที่สร้างความสูญเสียให้แก่พวกเขาอย่างยิ่ง
เดิมทีมีกลุ่มคนทั้งหมด 17-18 คน แต่เมื่อเดินทางมาถึงจุดนี้ เหลือกลุ่มคนเพียง 13 คน คนอื่นๆต้องสูญเสียชีวิตจากการโจมตีของสัตว์ปีศาจอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มคนของนิกายโลหิตเหลือสมาชิกทั้งหมด 7 คน พวกเขาสูญเสียศิษย์คนหนึ่งที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณ เหลือศิษย์ที่อยู่ในเขตแดนผสาลมปราณ 3 คนที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลที่มากมาย แม้แต่เหวินเฟยเฉินยังมีร่องรอยบาดแผลที่ยาวกว่า 1 คืบ ส่วนศิษย์ที่เหลืออีก 2 คนที่อยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณต่างอยู่ในสภาวะที่เหนื่อยล้าเหลือทน
กลุ่มคนของหอวายุพิรุณเหลือเพียง 6 คนเท่านั้น นอกเหนือจากนู่วหล่างที่อยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณขั้นที่ 1 ศิษย์ที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแรกรเริ่ม 4 คนและศิษย์ที่อยู๋ในเขตแดนกายาเริงอารมณ์ที่โชคดี เขาได้รบความตกใจจากความหวาดกลัว จนตอนนี้ที่เหมือนคนบ้าที่ไร้ซึ่งสติของตนเอง
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์มีเพียงคนเดียวที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่ยังไม่มีการสูญเสีย นั้นก็คือหล่งฮุย
ฐานะของเขาพิเศษกว่าใคร ทุกครั้งที่มีการต่อสู้ เขาจะได้รับการปกป้องจากคนอื่นๆ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บาดเจ็บแม้แต่น้อย
หลังจากที่ไล่ติดตามมาหลายวัน ในที่สุดก็ตามพวกเขาจนทัน หล่งฮุยสูญสิ้นความอดทน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเอาแต่ใจ : ผู้นำเหวิน เรายังจะไล่ตามพวกเขาต่อไปหรือไม่ ?หากยังไล่ตามต่อไป ข้าเกรงว่าความสูญเสียจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ เมื่อถึงเวลานั้นท่านปู่สืบสวนเรื่องนี้ขึ้นมา ใครจะเป็นผู้ที่รับผิดชอบความผิดในครั้งนี้ ?
เหวินเฟยเฉินเกรี้ยวโกรธอย่างรุนแรง เขาทราบดีว่าหล่งฮุยต้องการโยนความผิดในครั้งนี้ให้แก่เขา ในใจเขาคิดว่าหากไม่ต้องการทำดีต่อเขา ตัวเขาเองคงไม่ตัดสินใจทำเช่นนี้ หากรู้ตั้งแต่แรกว่าการเดินทางในครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตรายที่มากมาย เขาจะสูญเสียพละกำลังของตนเองเพื่อทำเช่นนี้ทำไม ? หากเป็นเช่นนี้เขาคงฆ่าหยางไค่ตั้งแต่อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆนั้นแล้ว
แม้ว่าจิตใจของเขาจะคิดเช่นนี้ แต่เหวินเฟยเฉินยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ : ไม่ต้องไล่ตามอีกต่อไป ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถึงจุดหมายปลายทาง หุบเขาที่อยู่ด้านหน้าคือเป้าหมายของพวกเขา