ตอนที่แล้วตอนที่ 88 กลิ่นหอมที่คุ้นเคย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 90 เป้าหมาย

ตอนที่ 89 บุพผาโลหิตสุริยัน


ตอนที่ 89 บุพผาโลหิตสุริยัน

หลังจากที่เดินทางในเทือกเขาวายุทะมึน หยางไค่รู้สึกแปลกใจอย่างประหลาดเพราะระหว่างทางพวกเขาไม่เจอกับสัตว์อสูรที่เป็นอันตรายแม้แต่น้อย

เดิมที่จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความวิตกกังวล เพราะเทือกเขาวายุทะมึนเต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่น่าเป็นอันตรายต่อพวกเขาเป็นจำนวนมาก จากพลังความแข็งแกร่งของเขา หากว่าพบเจอกับสัตว์อสูร เขาคงเป็นภาระให้แก่เซี่ยหนิงฉางอย่างแน่นอน

แต่เซี่ยหนิงฉางมีการเตรียมตัวมาอย่างดี และไม่รู้ว่านางใช้วิธีการใดในการหลบเลี่ยงจากสัตว์อสูรที่อยู่ในเทือกเขาวายุทะมึนแห่งนี้

เส้นทางของพวกเขามันจะเปลี่ยนไปโดยไม่มีความแน่นอน บางครั้งมุ่งหน้าไปทิศตะวันออก บางครั้งมุ่งหน้าไปทิศตะวันตก เหมือนว่าพวกเขากำลังเดินทางอ้อมเทือกเขา อ้อมไปอ้อมมา และถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย บางครั้งพวกเขาจะเจอกับสัตว์อสูรที่อยู่ในขั้นที่ 2-3 แต่พวกมันต่างเซี่ยหนิงฉางจัดการจนวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อสำรวจอย่างละเอียดกว่าครึ่งวัน หยางไค่จึงเข้าในในสิ่งที่เซี่ยหนิงฉางกระทำ เซี่ยหนิงฉางสามารถตรวจสอบการดำรงอยู่ของสัตว์อสูรที่น่าหวาดกลัวด้วยกำไลข้อมือสีเขียวมรกตที่ลึกลับของนาง

เมื่อใดที่ศิษย์พี่ตัวน้อยนางนี้สัมผัสได้ว่ามีสัตว์อสูรที่น่าหวาดกลัวอยู่ด้านหน้า กำไลข้อมือสีเขียวมรกตของนางจะเปล่งประกายรัศมีแสงสีเขียวมรกตที่ออกมาอย่างรุนแรง

ที่ผ่านมานางไม่เคยสวมใส่กำไลสีเขียวมรกตนี้ จากร่างกายของนางมีเพียงอัญมณีสีน้ำเงินที่ประดับอยู่บนหน้าผากของนางเท่านั้น ดังนั้น กำลังไลข้อมือนี้น่าจะเป็นสิ่งที่นางเตรียมเอาไว้เป็นพิเศษสำหรับการเดินทางในครั้งนี้

มันต้องเป็นสมบัติที่วิเศษอย่างแน่นอน !! หยางไค่ก็พอมีแววตาที่แข็งแกร่ง สมบัติวิเศษชิ้นนี้ต้องเป็นเหรัญญิกเม้งที่เป็นคนมอบให้แก่นาง

เบื้องหลังของเหรัญญิกเม้งเป็นอย่างไร? ยิ่งคิดยิ่งทำให้หยางไค่ไม่เข้าใจ เขาเป็นเพียงเหรัญญิกแห่งหอแลกเปลี่ยนวิเศษ แต่กลับสามารถรับศิษย์ที่มีร่างกายวิเศษเช่นเซี่ยหนิงฉาง และยังมอบสมบัติวิเศษให้แก่นาง กำไลข้อมือนี้เป็นสิ่งที่คนธรรมดาสามัญมิอาจครอบครอง แม้ไม่รู้ว่ามันอยู่ในระดับไหน แต่จากการคาดเดาของหยางไค่มันต้องเป็นสมบัติวิเศษที่อยู่ในระดับปฐพี สมบัติที่อยู่ในระดับนี้ ในหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวเป็นสิ่งที่พบเห็นได้น้อย

ขณะที่หยางไค่และเซี่ยหนิงฉางสามารถเดินทางเข้าไปในเทือกเขาได้อย่างง่ายดาย แต่กลุ่มคนแห่งนิกายโลหิตทีไล่ตามพวกเขากลับได้ความเดือดร้อนในการต่อสู้กับสัตว์อสูรจำนวนมากมาย

หลายวันที่ผ่านมา พวกเขาผ่านการต่อสู้ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่มากกว่า 10 ครั้ง หากว่าพลังความแข็งแกร่งของศิษย์แห่งนิกายโลหิตเหล่านี้อยู่ในระดับต่ำ พวกเขาคงกลายเป็นอาหารของสัตว์อสูรเหล่านี้อย่างแน่นอน

แม้ว่าเหวินเฟยเฉินจะอยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นที่ 5 แต่ต่อนนี้สถานการณ์ของเขาไม่สู้ดีนัก เมื่อสักครู่พวกเขาพบเจอกับสัตว์อสูรขั้นที่ 5 ระดับสูงสุด ขั้นที่ 5 ระดับสูงสุด เสมือนมนุษย์ที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นสูงสุด มันเหนือกว่าระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาหลายขั้น

สงครามการต่อสู้ที่ยากลำบากเกิดขึ้นในทันที แม้ว่าพวกเขาจะสามารถเอาชนะสัตว์อสูร แต่ว่ากลุ่มคนแห่งนิกายโลหิตกลับต้องเสียยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณไป 1 คน

เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ทำให้เหวินเฟยเฉินเกรี้ยวโกรธอย่างมาก

การเดินทางในครั้งนี้มีคนของนิกายโลหิตจำนวน 8 คน คนที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงมีเพียงเหวินเฟยเฉินคนเดียวเท่านั้น รองลงไปมีศิษย์ 4 คนที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณ ที่เหลือต่างอยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณ และหล่งฮุยมีความแข็งแกร่งที่อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด ซึ่งอยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณขั้นที่ 1 เท่านั้น

เดิมทีพวกเขาคิดว่าตราบใดที่พวกเขาเดินตามหลังหยางไค่และเซี่ยหนิงฉาง พวกเขาไม่ต้องพบเจอกับอันตรายที่ยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาไม่มีทางล่วงรู้เลยว่าพวกเขาทั้งสองใช้

วิธีการใดในการหลีกเลี่ยงกับเหล่าสัตว์อสูรที่ดุร้าย แต่กลับเป็นพวกเขาที่ต้องพบเจอกับสงครามที่ต้องสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่

และตอนนี้พวกเขายังสูญเสียยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณ !! นั่นเป็นเหตุผลที่เหวินเฟยเฉินเกรี้ยวโกรธเช่นนี้

ในเมื่อพวกเขาดำเนินแผนการมาถึงขั้นนี้ พวกเขาสูญเสียกลุ่มคนของพวกเขาไป 1 คน แล้วจะยอมแพ้กลางทางเช่นนี้ได้อย่างไร ?

หลังจากที่พวกเขาพักผ่อนสักครู เหวินเฟยเฉินกล่าวอย่างไม่เกรงใจต่อนู่วหล่าง : ไปข้างหน้า พวกเราต้องเดินทางต่อไป !!

นู่วหล่างมองไปที่พื้นดินที่ถูกทิ้งให้ร้างโดยไม่ตั้งใจ ทันใดนั้นจิตใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อสักครู่นิกายโลหิตสูญเสียยอดฝีมือไป 1 คน แล้วกลุ่มคนแห่งหอวายุพิรุณที่อ่อนแอเช่นพวกเขาจะมีชีวิตรอดออกมาอย่างปลอดภัยได้อย่างไร ?

ศิษย์สาวก 2 คนจากหอวายุพิรุณถูกสัตว์อสูรระดับ 5 กลืนกินเข้าไปในท้อง เหลือเพียงแขนอีกครึ่งหนึ่งที่หลงเหลืออยู่บนพื้นดิน

ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมเขารู้สึกแปลกๆต่อกลุ่มคนแห่งนิกายโลหิตในค่ำคืนนั้น กลุ่มคนแห่งนิกายโลหิตจะมีจิตใจดีที่ตั้งใจพาพวกเขาไปหาหยางไค่ได้อย่างไร ? ดูเหมือนว่าพวกกำลังให้กลุ่มคนแห่งหอวายุพิรุณเป็นเกราะป้องกันอันตรายให้แก่พวกเขา !!

แม้ว่าจะเข้าใจอย่างชัดเจนในจิตใจ แต่ก็มิกล้าที่จะเอ่ยปากกล่าวถาม และมิกล้าที่จะต่อต้าน ! บนเส้นทางข้างหน้า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะโชคดีและมีชิวิตรอดอย่างปลอดภัย แต่หากต่อต้านในตอนนี้ มีเพียงความตายที่รอพวกเขาอยู่ตรงหน้า

นู่วหล่างและศิษย์แห่งหอวายุพิรุณเดินอยู่ด้านหน้าด้วยใบหน้าที่ซีดขาว ด้านหลังมีเหวินเฟยเฉินที่ค่อนสั่งการ มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ไปทิศตะวันตกในบางครั้ง และไม่ไดสูญเสียการติดตามหยางไค่และเซี่ยหนิงฉาง

แต่ทันใดนั้น หยางไค่ที่กำลังเดินตามเซี่ยหนิงฉางได้หยุดก้าวเท้าอย่างกะทันหัน เขาหันหน้ามองไปทิศทางอื่นๆ ดวงตาประกายด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นและสนุกสนาน

เกิดอะไรขึ้น ? เซี่ยหนิงฉางหันหน้ากล่าวถาม และหยุดก้าวเดินเช่นเดียวกัน

ตรงนั้นมีอันตรายหรือไม่ ? หยางไค่ชี้ไปทิศทางอื่นๆ

น่าจะไม่มีอันตราย ข้าไม่รู้สึกถึงร่องรอยของสัตว์อสูร เซี่ยหนิงฉางก้มหน้ามองกำไลสีเขียวมรกตของตนเอง

พวกเราเดินไปตรงนั้นสักครู่ หยางไค่มุ่งหน้าไปโดยไม่รีรอ

แม้ว่าเซี่ยหนิงฉางไม่รู้ว่าหยางไค่รู้สึกสนุกสนานด้วยเหตุผลใด แต่นางก็เดินตามเขาไป

เมื่อเดินออกไปไม่ถึง 100 จ้าง เซี่ยหนิงฉางรู้สึกถึงไอ่ร้อนที่กระทบกับผิวของตนเอง มันร้อนจนทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำ เมื่อเธอลดสายตาลงมอง พบว่าพื้นดินด้านล่างถูกปกคลุมด้วยพลังหยาง และยังเต็มไปด้วยต้นบุพผาสีแดงน้อยใหญ่จำนวนมากมาย

จำนวนของบุพผามีจำนวนไม่น้อย และยังมีลักษณะที่แตกต่างกับมากกว่า 10 ชนิด

และหยางไค่กำลังเด็ดบุพผาพวกนั้นอย่างรวดเร็วโดยไร้ซึ่งความปราณี

ผ่านไปชั่วครู๋ หลังจากที่หยางไค่เก็บบุพผาสีแดงเหล่านั้นจนเสร็จสิ้น เขาได้กล่าวออกมา : เจ้ารู้ไหมว่าพวกมันคืออะไร ?

บุพผาโลหิตสุริยัน ส่วนผสมที่อยู๋ในขั้นปฐพีระดับต่ำ ที่แท้เจ้ามาที่นี้เพื่อสิ่งเหล่านี้ เซี่ยหนิงฉางกล่าวถามด้วยความอยากรู้

ขั้นปฐพีระดับต่ำ !! หยางไค่ขมวดคิ้ว : ก็ไม่เลว !

เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังหยางที่ซ่อนอยู่ในบุพผาเหล่านี้ ซึ่งไม่น้อยไปกว่าผลไม้สามสรุยันเลย เมื่อสักครู๋เพราะต้นกำเนิดพลังหยางที่อยู่บนหน้าอกเกิดปฏิกิริยาอย่างกะทันหัน ทำให้หยางไค่มาถึงสถานที่แห่งนี้

สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ภายในของเทือกเขาวายุทะมึน สมบัติล้ำค่าแห่งฟ้าสวรรค์คงดำรงอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เขาเดินทางเข้ามาในครั้งเพราะต้องการช่วยเหลือเซี่ยหนิงฉาง ดังนั้นหยางไค่จึงไม่วิ่งพล่านไปทั่วทิศทางเพื่อตามหาสมบัติวิเศษ

หากเขาทำเช่นนั้น คงจะเป็นการสูญเสียเวลาและก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรง

แต่เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงพลังงานหยางที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เขาจึงไม่สามารถละทิ้งมันไปได้

ให้ข้าช่วยปรุงกลั่นมันให้กลายเป็นเม็ดยาหรือไม่ ? เซี่ยหนิงฉางกล่าวถาม

ยังไม่ต้อง รอจนถึงช่วงค่ำคืนในขณะที่เราพักผ่อนก็ได้

วิธีปรุงกลั่นของศิษย์พี่ตัวน้อยน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง แต่การปรุงกลั่นต้องสูญเสียพลังลมปราณ เมื่อเดินทางอยู่ภายในเทือกเขาที่เต็มไปด้วยไปอันตราย หยางไค่คิดว่าการระมัดระวังตัวเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด การไม่สูญเสียพลังลมปราณเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

ก็ได้ เซี่ยหนิงฉางพยักหน้า : เราอยู่ไม่ไกลจากสถานที่แห่งนั้น เราเดินทางอีกประมาณ 3 วันก็สามารถไปถึงจุดมุ่งหมายของพวกเรา และเวลายังเหลือมากพอ

และไม่รู้เป็นเพราะโชคชะตาหรือเหตุผลอื่นๆ หลายวันที่พวกเขาเดินทาง ต้นกำเนิดพลังหยางของหยางไค่ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบโต้มาโดยตลอด แต่หลังจากที่พบเจอกับบุพผาโลหิตสุริยัน ระยะห่างเพียง 1 วัน ทำให้หยางไค่พบเจอบุพผาโลหิตสุริยันอีกครั้ง

แต่คราวนี้โชคไม่ได้เหมือนครั้งที่แล้ว บุพผาโลหิตสุริยันเหล่านี้ มีสัตว์อสูรที่อยู่ในเขตแดนระดับที่ 3 เฝ้าปกป้อง

เขาจึงต้องให้เซี่ยหนิงฉางลงมือจัดการกับสัตว์อสูรเหล่านั้นโดยไม่มีทางเหลือ หลังจากที่สัตว์อสูรเหล่านั้นวิ่งหนีออกไป หยางไค่จึงสามารถเก็บเกี่ยวบุพผาโลหิตสุริยันเหล่านี้ได้

ในวันนี้ ทั้งสองเดินเข้ามาในป่าลึกที่เงียบสงัดจนมาถึงหุบเขาขนาดยักษ์ และเซี่ยหนิงฉางยังกล่าวถอนหายใจอย่างโล่งอก : ศิษย์ พวกเรามาถึงแล้ว !!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด