ตอนที่ 88 กลิ่นหอมที่คุ้นเคย
ตอนที่ 88 กลิ่นหอมที่คุ้นเคย
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เหยียดหยามของหล่งฮุย เหวินเฟยเฉินจึงกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : ฆ่าหยางไค่ จับหญิงสาว เป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ต้องให้คนเหล่านั้นเข้ามาแทรกแซง แต่ว่านายน้อยหล่ง หยางไค่และหญิงสาวคนนั้นต้องการเข้าไปในเทือกเขาวายุทะมึน พวกเขาต้องเตรียมพร้อมสำหรับอันตรายที่อยู่ในหนทางข้างหน้า แต่พวกเขาไม่เหมือนพวกเรา แม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเรามิได้อ่อนแอ แต่ในเทือกเขาวายุทะมึนเต็มไปด้วยภัยอันตรายที่มากมาย ยังไม่ต้องกล่าวถึงสัตว์ปีศาจที่มีความแข็งแกร่งในระดับสูง เพียงแค่สรรพสิ่งที่มีพิษก็เป็นกักดักที่ร้ายแรงตามธรรมชาติ มันเพียงพอที่จะบั่นทอนกำลังคนของเรา แต่หากมีคนเดินทางออกไปเพื่อเปิดทาง พวกเราก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับภัยอันตรายนี้
เมื่อหลุ่งฮุยฟังคำกล่าวของเหวินเฟยเฉินจนจบ จึงเจ้าใจว่าเหวินเฟยเฉินกำลังวางแผนทำสิ่งใด เขาต้องการใช้กลุ่มคนแห่งหอวายุพิรุณเป็นเกราะป้องกัน เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่ซ่อนอยู่ข้างหน้า
อืม ผู้นำเหวินคิดวางแผนอย่างรอบคอบ ข้าละเลยจุดนี้ไปโดยมิทันคิด หล่งฮุยพยักหน้าเบาๆ
นายน้อนหล่งเป็นผู้มีพรสวรรค์โดยธรรมชาติ แต่ยังอ่อนประสบการณ์ในการท่องใต้หล้าเท่านั้น นายน้อยหล่งยังมีจิตใจที่เป็นศีลธรรม ดังนั้นจึงไม่ได้คิดถึงจุดนี้ เหวินเฟยเฉินหัวเราะเบาๆ
วิธีการที่จะจัดการกับศิษย์แห่งหอวายุพิรุณ พวกเขาทั้งสองต่างรู้ดีอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องกล่าวอะไรอีก แต่หญิงสาวที่ชื่อเซี่ยหนิงฉางอายุยังน้อยแต่การบ่มเพาะพลังอยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นสูงสุด ดังนั้นเบื้องหลังของนางต้องมีผู้สนับสนุที่ทรงพลังและมีอำนาจคอยสั่งสอน การจะเผชิญหน้ากับบุคคลเช่นนี้ ต้องไม่สร้างความเคืองโกรธให้เขา ต้องกำจัดอย่างถอนรากถอนโคน ดังนั้นศิษย์แห่งหอวายุพิรุณทุกคนต้องตายทั้งหมด
หลังจากเตรียมความพร้อมในการเดินทาง กลุ่มคนแห่งนิกายโลหิตจึงนอนหลับพักผ่อนด้วยความเหน็ดเหนื่อย
วันรุ่งขึ้นของวันที่ 2 หยางไค่และเซี่ยหนิงฉางเคลื่อนไหวตามการคาดการณ์ของเหวินเฟนเฉิน พวกเขาออกเดินทางจากหมู่บ้านเล็กๆ และมุ่งสู่เทือกเขาวายุทะมึนทันที
หลังจากที่พวกเขาทั้งสองเดินทางออกไปกว่าครึ่งวัน กลุ่มคนของนิกายโลหิตและหอวายุพิรุณจึงติดตามพวกเขาไป ความแข็งแกร่งของเซี่ยหนิงฉางมิได้อ่อนแอ หากติตตามพวกเขาไปในระยะประชั้นชิดนางจะรู้ตัวอย่างแน่อน แต่หากติดตามในระยะทางที่ห่างไกลอาจจะไม่เจอร่องรอยของพวกเขา ดังนั้นระยะเวลาครึ่งวันจึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด เหวินเฟยเฉินเต็มไปด้วยประสบการณ์ในการท่องใต้หล้าเป็นระยะเวลาหลายปี เขาจึงมีความเชี่ยวชาญในการติดตามที่ค่อนข้างเยี่ยมยอด
เมื่อเข้าสู่ทือกเขาวายุทะมึน ความรวดเร็วในการเดินทางของเซี่ยหนิงฉางและหยางไค่เริ่มลดลงเรื่อยๆ
เมื่อไม่มีเสียงฝีเท้าของม้าระยะห่างของพวกเขาทั้งสองเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น พวกเขาทั้งสองจึงพูดคุยและสนทนากันมากขึ้น เพียงระยะเวลาแค่ 1 วันความสัมพันธุ์ของพวกเขาเริ่มคุ้นเคยและสนิทสนมกันมากขึ้น
ในยามค่ำคืน หยางไค่และเซี่ยหนิงฉางค้นหาต้นไม้ใหญ่ได้ 1 ต้น จากนั้นทั้งสองจึงปืนขึ้นไปบนลำต้นเพื่อนอนหลับพักผ่อน
แม้ว่ากิ่งของต้นไม้จะไม่กว้างมาก แต่ทั้งสองต่างนั่งชิดกับกิ่งไม้ เหลือไว้เพียงช่องว่างขนาดเล็ก ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้หยางไค่สูดกลิ่นกายที่หอมหวานของเซี่ยหนิงฉางได้
ศิษย์พี่ตัวน้อย หลังจากที่เริ่มสนิทสนิม หยางไค่และนางไม่มีความรู้สึกเหินหางเหมือนเช่นเคย แม้แต่การกล่าวเรียกก็เปลี่ยนไปตามความคุ้นเคย เพราะเซี่ยหนิงฉางรู้สึกว่าเซี่ยหนิงฉางยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ โดยเฉพาะดวงตากลมโตของนางเต็มไปด้วยความใส่ซื้อความไร้เดียงสาโดยไม่มีมลทินแม้แต่น้อย แม้แต่การพูดจากของนางยังเต็มไปด้วยความน่ารักและสง่างาม
ศิษย์พี่ก็คือศิษย์ ทำไมต้องมีคำว่าตัวน้อยด้วยล่ะ ? เซี่ยหนิงฉางรู้สึกไม่พอใจ
ถุงผ้าของท่านมีสิ่งใดอยู่ภายใน ? หยางไค่ไมได้สนใจคำกล่าวถามของนาง แต่ชี้ไปที่ถุงผ้าที่อยู่ข้างๆ
คำถามนี้ทำให้หยางไค่อึดอัดใจมาตลอด ดังนั้นจึงทำให้เขาไม่สบายใจและต้องการที่จะรู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ภายใน
ถูงผ้านี้ !! เซี่ยหนิงฉางถูกคำกล่าวถามเบี่ยงเบนคำถามก่อนหน้านี้อย่างง่ายดาย ก่อนที่นางจะกอดมันไว้เสมือนสมบัติที่ล้ำค่า : เป็นส่วนผสมต่างๆที่ท่านอาจารย์เตรียมไว้ให้ข้า เพราะถึงตอนนั้นเจ้าสามารถครอบครองผลึกน้ำแข็งนพเก้า ข้าจะสามารถปรุงกลั่นมันในทันที ผลึกน้ำแข็งนพเก้าเป็นของที่วิเศษหากไม่ปรุงกลั่นมันภายใน 1 ชั่วยาม มันจะค่อยสลายและมลายหายไปในทันที
เป็นเช่นนี้ หยางไค่พยักหน้าด้วยความเข้าใจ
ศิษย์น้อง !! เซี่ยหนิงฉางกล่าวเรียกด้วยความสนิทสนม
ว่าอย่างไร ?
ข้ามีคำถามหนึ่งต้องการถามเจ้า
ดีเลย ข้าก็มีคำถามที่ต้องการคำตอบจากท่านเช่นเดียวกัน หยางไค่ยิ้มอย่างอบอุ่น
พวกเราทั้งสองตอบด้วยความจริงและตรงไปตรงมาได้ไหม ?
ได้สิ !!
ข้าจะถามก่อน เซี่ยหนิงฉางกล่าวอย่างรวดเร็ว
ถามมาซิ หยางไค่หัวเราะ : ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่โกหกศิษย์พี่ตัวน้อย
เซี่ยหนิงฉางเม้มริมฝีปาก หันหน้ามองหยางไค่และลังเลสักครู่ก่อนจะกล่าวถาม : ข้าได้ยินมาจากท่านอาจารย์ ตอนที่ท่านอาจารย์ขอความช่วยเหลือจากเจ้าเจ้ายังลังเลและปฏิเสธเขาโดยทุกวิถีทาง แต่เมื่อเจ้ารู้ว่าคนที่ต้องการความช่วยเหลือคือข้า ทำไมเจ้าจึงตอบตกลงอย่างรวดเร็ว ?
ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ ? หยางไค่หันหน้าจ้องมองเซี่ยหนิงฉาง
เมื่อตามองตาจ้องมองซึ่งกันและกัน ใบหน้าของเซี่ยหนิงฉางแดงก่ำ ระยะห่างใกล้กันอย่างมาก ทำให้นางหันหน้าออกไปและกล่าวด้วยความเอียงอาย : ข้าไม่แน่ใจ แต่ท่านอาจารย์บอกว่าเจ้ามีเจตนาร้าย ให้ข้าระวังตัวเจ้าจากด้วย ?
เหรัญญิกเม้งกล่าวเช่นนี้ ? หยางไค่รู้สึกเคืองโกรธ
อืม เซี่ยหนิงฉางกล่าวนินทางอาจารย์ของตนเองอย่างหมดจน โดยไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด
ตาเฒ่าคนนี้ !! หยางไค่เคืองโกรธและรู้สึกไม่พอใจ เหรัญญิกเม้งคิดว่าตนเองเป็นคนอย่างไร ?
แล้วทำไมเจ้าจึงตอบตกลงโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ?
หยางไค่เหลือบตามองนาง ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : สิ่งที่อาจารย์ของเจ้ากล่าวไว้นั่นถูกต้อง ข้ามีเจตนาร้ายต่อเจ้า ดังนั้นข้าจึงตอบตกลงอย่างง่ายดาย !!
ขณะที่หยางไค่หัวเราะ เขาค่อยๆขยับเข้าใกล้เซี่ยหนิงฉาง
เซี่ยหนิงฉางตกใจกับการกระทำของหยางไค่ ก่อนจะเขยิบถอยหลัง และดูเหมือนว่านางจะคิดอะไรได้ ก่อนจะกล่าวด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่ดุดัน : ศิษย์น้อง เจ้าสู้ข้าไม่ได้
คำกล่าวนี้เป็นความจริง หากหยางไค่ยังทำตัวที่โง่เขล่าและไร้ซึ่งความยำเกรงเช่นนี้ต่อไป เขาคงจะถูกนางทุบตีจนกระเด็นลงจากต้นไม้
แม้ว่าเซี่ยหนิงฉางจะไร้เดียงสาและน่าทะนุทะนอม แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเผชิญหน้ากับนางได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเก็บรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ ใบหน้าของหยางไค่แสดงออกด้วยความจริงจังก่อนจะหยิบขวดยาออกมาจากถุงผ้าและลูบมันเบาๆ : เพราะสิ่งนี้ !!
เซี่ยหนิงฉางรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจ นางลดศีรษลงมอง มองเห็นเพียงขวดยาสมานโลหิต ขวดยารักษาบาดแผลภายนอกของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว
ทันใดนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนได้ผุดออกมาจากจิตใต้สำนึก เซี่ยหนิงฉางปิดปากของงนางด้วยความตกใจ นางจ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่ไร้เดียงสา นางไม่คาดคิดเลยว่า เขายังคงเก็บขวดยาสมานโลหิตไว้กับตัวเสมอ
หยางไค่หัวเราะเบาๆ : ใครทำดีต่อข้า ข้าหยางไค่ยังคงสามารถมองเห็นมัน ข้าเข้าสู่สำนักเป็นเวลากว่า 3 ปี ยาสมานโลหิตขวดนี้เป็นสิ่งแรกที่ข้าสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความห่วงใย
เจ้ารู้ได้อย่างไร ....... เซี่ยหนิงฉางจ้องมองด้วยความไม่เชื่อ ยาสมานโลหิตขวดนี้เป็นสิ่งที่เขาให้ไว้แก่หยางไค่ แต่ตอนนั้นเขาหมดสติสลบไปโดยไม่รู้ตัว ?
หยางคไค่ขมวดคิ้วไปมา : มีคำกล่าวหนึ่งที่เรียก ว่ากลิ่นหอมของหญิงสาวที่คุ้นเคย!
ทันใดนั้นใบหน้าของเซี่ยหนิงฉางแดงก่ำ
แต่หัวใจของนางกลับผ่อนคลาย ที่แท้ เพราะยาสมานโลหิตที่มีค่าเทียบเท่ากับแต้มแห่งชัยชนะจำนวน 10 แต้ม ทำให้เขาตกลงช่วยตนเองโดยไม่ลังเล ดูเหมือนว่าท่านอาจารย์จะกล่าวผิดไปอย่างมาก
ถึงคราวที่เจ้าต้องถาม เมื่อคลายข้อสงสัยในใจ เซี่ยหนิงฉางมิกล้าที่จะกล่าวถามมากไปกว่านี้ ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหัน
หยางไค่เก็บยาสมานโลหิตเข้าไปในถุงผ้าและจึงกล่าวถาม : เหตุผลที่เหรัญญิกไม่มากับพวกเราคงไม่ใช่เพราะความเจ็บป่วยของเขาใช่ไหม?
เซี่ยหนิงฉางบิดตัวไปมาและกล่าวด้วยความเขิลอาย : ข้าวางยาทำให้เขาหมดสติไป
หยางไค่ตะลึง ก่อนจะหัวเราะอย่างมีความสุขโดยไม่สามารถหยุดได้
เจ้าขำอะไร เซี่ยหนิงฉางรู้สึกโกรธและรู้สึกอับอาย : คืนนั้นเขากล่าวบอกข้าว่าไม่ต้องเดินทางค้นหาผลึกน้ำแข็งนพเก้าอย่างกะทันหัน ข้าไม่มีทางเลือกจึงต้องวางยาทำให้เขาหมดสติ
หยางไค่ยังคงหัวเราะต่อไป เซี่ยหนิงฉางทนไม่ได้จึงตีเขาไป 2-3 ครั้ง หลังจากที่ตีเขาไปเซี่ยหนิงฉางตระหนักว่าการกระทำนี้ค่อนข้างสนิทสนมมากเกินไป ทันใดนั้นนางจึงรู้สึกผิดที่พลาดพลั้งกระทำเช่นนี้ออกไป
ข้าจะพักผ่อนแล้ว เจ้าหัวเราะกับตัวเองไปเลย เซี่ยหนิงฉางอับอายที่จะอยู่ที่นี้ต่อไป นางจึงกระโดดไปยังกิ่งไม้อีกก้าน โดยไม่สนใจหยางไค่อีกต่อไป