บทที่ 41 - ฉันยังต้องเลื่อนอาชีพไปขั้นสอง (4) [อ่านฟรีวันที่ 07/09/61]
บทที่ 41 - ฉันยังต้องเลื่อนอาชีพไปขั้นสอง (4)
ยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมาและเดินเข้าไปชำแหละแมงป่องทั้งๆที่ยังถูกชายหญิงคู่นี้มองอยู่
"อ่า คราวนี้ฉันก็ถูกเมินอีกแล้ว!?"
"สกิลการชำแหละของเขาน่าทึ่งจริงๆ"
ผู้หญิงได้สลดลงไปส่วนผู้ชายได้อุทานออกมา
ในขณะเดียวกันยูอิลฮานก็ได้คิดถึงวิธีการเข้าสังคมในขณะที่ชำแหละอยู่
ในตอนนี้เองเสียง 'โคลก' ของท้องได้ดังออกมา เสียงนี้ได้ดังออกมาจากหญิงสาวไม่ใช่ตัวยูอิลฮาน
"ฉันขอโทษนะ ฉันก็แค่คิดว่าการกินก้าม... มันน่าอร่อยนะ"
"ว้าว นี่เธอคิดแบบนี้ทั้งๆที่เพิ่งจะเกือบถูกเจ้ามอนสเตอร์นั่นฆ่ามาเนี้ยนะ"
เมื่อเห็นทั้งสองคนนี้ต่างหิวโหย ยูอิลฮานก็ได้เผลอตอบกลับไปโดยสัญชาตญาณ
"ให้ฉันย่างมันให้ไหม?"
"ย่างๆ!"
คำพูดนี้ของยูอิลฮษนได้ทำให้ท่าทางของหญิงสาวกลายเป็นสดใสและเธอได้หยักหน้าทันที ผู้ชายได้แสดงออกมาเหมือนกับจะพูดว่าที่นี่คงมีแต่เขาสินะที่เป็นคนปกติ
ยูอิลฮานได้ชำแหละจนเสร็จและเก็บเอาป่องแข็งๆไป และเก็บเข็มพิษที่แมงป่องไม่มีโอกาสได้ใช้มา ในตอนนี้นายูนาได้กระโดดเข้ามาหาเขาและยืนอยู่ข้างหน้าเนื้อแมงป่องที่ถูกซ้อนกันอยู่ หลังจากนั้นเธอก็ได้รวบมือเข้าด้วยกัน
"ทำให้พิษหายไปจากเนื้อพวกนี้ ย่าห์"
"นั่นเวทย์งั้นหรอ!?"
[พิษได้หายไป]
ในตอนนี้แสงสีชมพูอ่อนได้ปกคลุมกองเนื้อก่อนจตะหายไป สิ่งที่เกิดขึ้นคือพิษของเนื้อแมงป่องได้หายไปแล้ว
[พลังนี่น่าทึ่งจริงๆ ฉันได้ยินมาว่าเธอได้รับพรจากเทพธิดาแห่งความงาม แต่ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอมันน่าทึ่งมาก]
"แผล๊บ ฉันรู้อยู่แล้วว่าคนสวยไม่ใช่คนดี"
แน่นอนว่าทุกๆคนเมื่อเลเวลอัพก็จะพัฒนาไปดียิ่งขึ้น แต่ว่ามันจะต่างกับคนที่ได้รับพรจากเทพธิดามาก! ยูอิลฮานได้โกรธขึ้นมากับความไม่สมเหตุสมผลนี้เหมือนอย่างเคยเสมอมา
"คุณช่วยเราเอาไว้แถมยังเอาแมงป่องมาทำอาหารให้อีก ขอบคุณนะคะ!"
ยังไงก็ตามสาวสวยคนนี้ได้ขอบคุณเขาด้วยรอยยิ้มที่สดใสจนทำให้เขาโกรธเธอไม่ลง แถมเธอก็ดูจะไม่ใช่คนที่เลวร้ายเลย แต่แน่นอนยูอิลฮานก็ยังไม่อยากไปข้องเกี่ยวกับเธอมากนัก
"นายูนา ฉันบอกเธอกี่รอบแล้วว่ามันจะเกิดการเข้าใจผิดขึ้นได้นะถ้าหากว่าเธอยังทำตัวเป็นมิตรกับคนที่เพิ่งเจอกันแบบนี้!"
"แต่พวกเราก็เคยต่อสู้ด้วยกันใน LA แล้วนะ นอกไปจากนี้เฟย์ต้าก็บอกว่าเขาเป็นคนดี!"
"เฮ้อ... ยังไงก็ตามขอบคุณนะที่ช่วยยูนาไว้"
"โอเค"
ยูอิลฮานได้หยักหน้าและหยิบเอาตะแกรงหัวใจโลหะออกมาก่อนที่จะเริ่มวางเนื้อแมงป่องใส่ตะแกรง แต่แล้วจากนั้นหญิงสาวก็ได้เข้ามาบอกกับเขาว่าเธอจะช่วยและทำให้ขาต้องตกใจ
เลเวลของสกิลการเข้าสังคมของเข้ามันเป็นยังไงกัน!? ตัวเขาที่เป็นผู้โดดเดี่ยวเพราะไม่มีสกิลการเข้าสังคมแบบนี้เลย ตัวเขาในตอนนี้ได้รู้สึกอึดอัดทันที
"ว้าว ตะแกรงสวยดีจัง นี้มันก็คือเจ้าสิ่งที่แทงก้ามแมงป่องเมื่อตะกี้นี้ใช่ไหม? ดีจังเลย!"
"นายใช่ตะแกรงแทงกล้ามแมงป่องงั้นหรอ? แถมนายยังถึงขนาดตัดหัวของมันได้ในทันทีอีกด้วย นี่มัน...."
ผู้ชายคนนี้ได้ระแวงยูอิลฮานเล็กน้อยซึ่งแตกต่างไปจากผู้หญิง แต่ว่ายูอิลฮานก็คิดว่านี่คือปฏิกิริยาตามปกติ นอกไปจากนี้ยูอิลฮานก็ยังคิดไม่ได้ต่างไปจากชายคนนั้น ตัวเขาก็คิดว่าสองคนนี้เป็นคนน่าสงสัยเช่นกัน
แถมยูอิลฮานยังสงสัยมากด้วย นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในดันเจี้ยนเขาก็ได้ต่อสู้แต่กับโทรลล์จนกระทั่งเมื่อกี้นนี้ แต่ว่าคนพวกนี้ไปเจอแมงป่องได้ยังไงกัน!
[ไม่ใช่ว่านั่นมันเป็นเพราะแมงป่องหาคุณไม่เจอหรอ?]
"เงียบน่า มันไม่ใช่ ขอร้องล่ะบอกฉันทีว่ามันไม่ใช่"
ยูอิลฮานได้ใส่เกลือลงไปบนเนื้อที่กำลังย่างยู ไม่นานนักกลิ่นที่หอมยิ่งกว่าเนื้อของโทรลล์ก็ส่งกลิ่นออกมา แม้แต่ชายหนุ่มที่มองดูอยู่ก็ยังเข้ามาใกล้ๆกองไฟเพราะกลิ่นหอมนี้
"คุณมีแม้แต่สกิลทำอาหาร!?"
"อืม ฉันมีอยู่ แต่ว่านี่ก็แค่การย่างเกลือ"
ทั้งสองคนได้เริ่มหิวในทันทีที่กลิ่นโฉยออกมา
เนื่องจากว่าเขาได้เติมเต็มท้องไว้ด้วยเนื้อโทรลล์?แล้วทำให้เขากินเพียงชิ้นเดียวและส่งเนื้อที่เหลือให้กับสองคนนี้ แต่ว่ารสชาติที่น่าทึ่งนี้มันได้ทำให้เขาประทับใจ
"ฉันยังจะต้องฆ่าแมงป่องในดันเจี้ยนนี้ด้วยแล้ว"
[ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณจะพูดแบบนี้]
แมงป่องย่างได้กลายเป็นไเทมยอดฮิตและหมดไปในเวลาแค่ 10 นาที ยังไงก็ตามในขณะที่ยูอิลฮานกำลังทำความสะอาดตะแกรงของเขา นายูนาก็เดินเข้ามา
"อยู่คนเดียวคุณไม่เบื่อหรอ? สนใจมาปาร์ตี้กับเราไหม?"
"ไม่"
"โอเค การเดินไปต่อพร้อมสาวสวยอย่างฉันมันคือความสุขของตัวเองนะ"
"ไม่"
"โอ้ว! พี่ชาย ฉันถูกปฏิเสธในทันทีเลยอะ! ขนาดฉันสวยแบบนี้แล้วนะ!"
"สำหรับเธอก็ดีแล้วนี่"
คังฮาจินได้หัวเราะออกมาก่อนจะก้มหัวให้กับยูอิลฮานอย่างสุภาพ
"ฉันต้องขอบคุณแทนยูนาด้วยนะ ยังไงก็ตามมันมีคำกล่าวไว้ว่าอย่าไว้ใจคนในดันเจี้ยน ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะอยู่กับทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์และต่อให้คนๆนั้นเป็นคนช่วยชีวิตฉันก็ตาม ฉันขอโทานะแต่ว่าพวกเราต้องไปแล้ว สำหรับในตอนนี้พวกเราก็คงไม่มีอะไรตอบแทนแต่ถ้าหลังจากนี้คุณติดต่อมาที่เบอร์นี้ ฉันก็ยินดีจะตอบแทนคุณ"
ยูอิลฮานได้เห็นด้วยกับความจริงที่ว่าอย่าเชื่อใจใครในดันเจี้ยน แน่นอนว่าเขาก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในต่างโลกดังนั้นเขาก็เลยไม่รู้ว่ามันเป็นจริงมากแค่ไหน
ยูอิลฮานได้รับเอาบัตรมาอย่างเย็นชา ชื่อบริษัทที่เขาเหมือนจะเคยเห็นมาก่อนและก็ชื่อคังฮาจิน ไม่สิ นามบัตรนี่มันดูคุ้นมาก
ใช่แล้ว นี่มันเป็นนามบัตรใบเดียวกับที่จักรพรรดินีคังมิเรย์ให้เขามานี่
ถึงแม้ว่าจะมีประกายบางอย่างในหัวเขาอยู่พักหนึ่ง แต่ยูอิลฮานที่เชื่อมั่นว่าเขาจะไม่ไปข้องเกี่ยวกับคนพวกนี้อีกทำให้เขาเมินเฉยมัน
"โอเค"
เขาได้ตอบออกไปแค่นี้ แต่ว่ายูอิลฮานก็ไม่ได้มีแผนอะไรจะไปติดต่อขอรางวัลจากคนพวกนี้แน่ บางทีคนๆนี้ก็อาจจะรู้ด้วยซ้ำไป เขาอาจจะแค่ต้องการทำตัวเป็นคนที่ไม่เห็นแก่ตัวเท่านั้นเอง ยูอิลฮานรู้สึกตลกมากๆเมื่อเขาได้รู้สิ่งที่ชยคนนี้คิด ชายคนนี้ที่ยืดหยิ่งต่อหน้าหญิงสาวนี่มันดูน่ารักนิดๆ
ยูอิลฮานได้หัวเราะในทันทีที่ได้นามบัตรมาโดยไม่คิดซ่อนเลยแม้แต่นิด
จากนั้นนายูนาก็ได้กระโดดเข้ามาหาเขาอีกครั้ง เมื่อเขาได้เห็นภูเขาขนาดมหึมาสองลูกเขาได้ปิดตาลงไปในทันที เธอคนนี่มีเรือนร่างที่กระตุ้นความปรารถนาทางเพศโดยไม่เว้นแม้แต่คนที่เคยเผชิญหน้ากับตัวตนระดับสูง สมแล้วที่เธอเป็นคนที่ได้รับพรจากเทพธิดาแห่งความงาม
"ฉันด้วย! โทรมาหาฉันได้ทุกเวลาเลยนะ หลังจากเราได้สิ่งที่ต้องการแล้วเราก็จะกลับไปที่เกาหลี"
"นายูนา!"
"กรี๊ดดด! ต่อให้ฉันพูดแบบนี้มันก็ไม่มีปัญหานี่"
นามบัตรของนายูนาก็ยังเหมือนกันกับของคังฮาชิน ยูอิลฮานได้เก็บนามบัตรที่เธอส่งมาลงไปในกระเป๋าขณะที่มองดูนายูนาถูกคังฮาจินลากไปด้วย จากนั้นเขาก็บ่นขึ้น
"เอาเถอะ พวกเราจะต้องได้เจอกันในอันเจี้ยนอีกแน่นอน"
[หยุดทายอนาคตได้แล้ว]
"นั่นก็เพราะว่าฉันวางแผนที่จะตามหลังพวกนั้นไปไง"
[นั่นยิ่งแย่เลย!]
"ถ้าหากว่าฉันอยากจะฆ่าแมงป่องฉันก็ไม่มีทางเลือกนี่"
[อ๊า น่าสงสารจริงๆ]
ตามจริงแล้วในตอนที่เธอได้คิดว่าเขาน่าสงสาร เธอก็ยังคิดว่าเขาน่ารักนิดๆอีกด้วย แต่ว่านี่เป็นความลับ
ยูอิลฮานไม่ได้ตามสองคนนี้ไปทันที เขาไม่ได้รู้ว่าสกิลปกปิดตัวตนของเขามันใช้งานอีกครั้งตอนไหนและยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้จะสู้กับมอนสเตอร์ตัวไหน เขาได้วางแผนที่จะทำการหัตถกรรมมานาให้เสร็จ
หลังจากที่เงาของคังฮาจินกับนายูนาได้หายไปจนสุดสายตาแล้วเขาก็ได้นั่งลงไปและเตรียมเริ่มงาน แน่นอนว่ามันไม่จำเป็นต้องมีการตีเหล็กที่นี่ สิ่งที่เขจำเป็นต้องทำก็คือใช้ร่างกาย วัตถุดิบและหินพลังเวทย์
"ฉันควรทำสินะ"
[ทำอะไร?]
"หินพลังเวทย์คลาส 3 ไง"
มีของอยู่สามอย่างที่เขาจำเป็นต้องเสริมพลัง เกราะของเขา the pile bunker และกระสุน
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับหินพลังเวทย์ในดันเจี้ยนหัวใจโลหะ แต่ว่าใน LA ที่เกิดการล้นของพลังและการฆ่าโทรลล์ที่นี่มันทำให้เขาได้หินพลังเวทย์คลาส 2 เป็นจำนวนมากจริงๆ เขาถึงขนาดที่ใช้มันกับการเสริมพลังกระสุนที่ใช้แล้วทิ้งอย่างไม่ลังเล
แต่ปัญหาคือเขามีหินพลังเวทย์คลาส 3 แค่อันเดียว ถ้าหากว่าเป็นคนอื่นก็คงจะบอกว่าแค่นี้ก็ดีแล้ว ไม่สิ คนอื่นๆไม่ควรจะมารู้เรื่องนี้
"ฉันตัดสินใจแล้ว"
สิ่งที่เขาหยิบขึ้นมาคือชุดเกราะ เนื่องจากเกราะของเขามันอยู่ในระดับตำนานแล้ว เขาก็เลยคิดว่าเขาน่าจะพัฒนามันขึ้นไปได้มากที่สุดถ้าหากใช้หินพลังเวทย์คลาส 3 และมันก็ยังเป็นหินพลังเวทย์จากเสือดาวที่เชี่ยวชาญการปกปิดตัวตนอีกด้วย ไม่ใช่ว่าเอิลต้าเคยบอกไว้หรอว่าผลที่ออกมามันจะแตกต่างกันไปตามเอกลักษ์ของหินพลังเวทย์ที่ใช้ในระหว่างหัตถกรรมมานา
เดิมทีเขาก็ต้องการจะทำให้มันมีหนามพุ่งออกมาจากทั่วทั้งเกราะ แต่เนื่องจากว่าตอนนี้เขาต้องการพลังโจมตีในทีเดียวทำให้เขาตัดสินใจที่เพิ่มประสิทธิภาพของตัวเกราะเองมากกว่าที่จะไปสนในฟังก์ชั่นเสริม
เอกลักษณ์ของเกราะของตัวเกราะนั่นมีอยู่แล้วและเอกลักษณ์ของหินพลังเวทย์ของเสือดาวเงา รวมไปถึงเอกลักษณ์ของตัวยูอิลฮานเอง ทั้งสามอย่างนี้เข้ากันมากๆ เอิลต้ารู้สึกคาดหวังกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นมามาก
แน่นอนว่าถ้าหากเธอพูดออกไปดังๆยูอิลฮษนจะต้องเศร้าใจแน่
"ฟู่"
ยูอิลฮานได้ปิดตาลงไป หัตถกรรมมานาของเขาที่ซึ่งได้พัฒนามาเกือบจะถึงเลเวล 30 จากการทำเควสสวรรค์ได้ใช้งานและทำให้เกราะกับหินพลังเวทย์เรืองแสงขึ้นมา
'อย่างอื่นทุกๆอย่างโอเครแล้ว ต้องการแค่ลึกลับมากขึ้น รุนแรงมากขึ้น พลังที่เหมาะสมกับเส้นทางที่ฉันเดิมไป'
พลังของหินพลังเวทย์ได้ถูกชักนำไปโดยยูอิลฮาน พลังระหว่างหินพลังเวทย์และชุดเกราะได้เชื่อมสัมพันธ์กันโดยสมบูรณ์ บตัวของยูอิลฮานเองก็ยังสัมพันธ์กันด้วยทำให้เกิดการสั่นของพลังขึ้น
แสงสีดำได้ดูดแสงทั้งหมดจากรอบๆเพื่อเพิ่มขนาดให้กับตัว จากนั้นมันก็ได้หายไปราวกับไม่เคยมีอยู่
[เกราะเต็มตัวทมิฬของเสือดาวเงา 'แข็ง' 'สั่นสะเทือน']
[ระดับ - ตำนาน]
[พลังป้องกัน - 5,300]
[ออฟชั่น -
1.พลังป้องกันเพิ่มขึ้น 40%
2.พลังโจมตีในตอนที่โจมตีศัตรูโดยไม่ตั้งตัวเพิ่มขึ้น 50%]
[ความทนทาน - 2,700/2,700]
[ชุดเกราะนักซุ่มโจมตีที่ทำขึ้นเพื่อให้ผู้เดินในเงา การเคลื่อนไหวที่มั่นคงและลึกลับเหมือนอย่างเสือดาวที่ล่าเหยื่อในความมืดมิด]
"เสร็จแล้ว"
ยูอิลฮานได้อุทานออกมาอย่างยินดีในตอนที่ได้ตรวจสอบออฟชั่นของมัน เมื่อเห็นว่าเขาได้ในสิ่งที่ต้องการ เขาก็รู้สึกอิ่มเอมใจโดยที่ไม่ต้องกินอะไรเลย
[นั่นมันก็เพราะคุณเพิ่งกินอาหารไป]
"ถ้างั้นฉันก็น่าจะไปเสริมพลังของ pile bunker ต่อ"
เขาไม่ได้สนใจเสียงเอิลต้าเลย เอิลต้าก็สงสัยว่าเขาจะเสริมพลังของ pile bunker ยังไงทำให้เธอไม่มีเวลาไปบ่นเขา มันเป็นไปตามแผน
[หัตถกรรมมานาได้นำผลลัพธ์ที่ดีกว่าที่คุณคาดเอาไว้ก็จริง แต่ถึงแม้นั้นคุณคิดว่าคุณจะสามารถไปฆ่ามอนสเตอร์คลาส 3 ได้ในทีเดียวงั้นหรอ? ในเมื่อคุณได้ยืนยันถึงพลังของเสือดาวเงาแล้ว ถ้างั้นคุณก็น่าจะคำนวณได้ใช่ไหมล่ะ?]
"แน่นอน ฉันก็บอกเธอตลอดนี่ว่าทุกๆสิ่งอยู่ในการคำนวณของฉัน"
[หยุดพูดเล่นแล้วมาพูดดีๆได้แล้ว]
เอิลต้าได้พูดขึ้นโกรธๆเล็กน้อย แต่ว่าเขาก็รู้ว่าเธอกำลังรอดูผลงานของเขาอยู่ทำให้ยูอิลฮานได้ถามเธอหลังจากยิ้มออกมา
"เอิลต้า เธอรู้ไหมล่ะว่าเมื่อไหร่ที่มนุษย์จะแข็งแกร่งที่สุด?"
[ฉันไม่รู้หรอก บางทีก็อาจจะเป็นในตอนที่ปกป้องสิ่งสำคัญหรอ?]
"คุณตอบผิด"
ยูอิลฮานได้หยิบเอา pile bunker ขึ้นมาและหยิบหินพลังเวทย์คลาส 2 ออกมาสามก้อนก่อนประกาศออกมา
"มันคือก่อนที่จะตาย มนุษย์จะแข็งแกร่งที่สุดแค่ในตอนก่อนจะตาย"
และยูอิลฮานก็คิดว่าสิ่งของมันก็เป็นเหมือนๆกัน
นี่จริงเป็นเหตุผลที่เขาได้สร้างอาวุธที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว อาวุธที่จะพังลงไปเมื่อเขาได้ใช้มัน