EG บทที่ 179 เริ่มการถ่ายทำ (อ่านฟรี)
เฝิงหยู่เหลือบตามองบนเมื่ออู่จื้อกางถามเขาว่าจะหาใครมาถ่ายทำโฆษณาให้? ตลอดสองวันที่ผ่านมาที่พวกเขาสองคนไปสตูดิโอด้วยกันไม่ได้ทำให้เขารู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยหรอ? พวกเขาไปทั้งออกัสเฟิรส์ทฟิล์มสตูดิโอและปักกิ่งฟิล์มสตูดิโอ ทีมงานจากทั้งสองสตูดิโอนี้จะไม่สามารถ่ายทำโฆษณาให้ได้งั้นหรอ?
แม้ว่าตาเฉินหัวล้านจะไม่เห็นด้วยกับสัญญา 8 ปี แต่เขาก็ตกลงเซ็นสัญญาระยะเวลา 3 ปีแทน และจะไม่เข้าร่วมงานโปรโมทสินค้าใดๆ ทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม เขาจะถ่ายโฆษณาให้ 4 ตัว และค่าตัวของเขาก็น้อยกว่าจูซือเหมา แต่เฝิงหยู่ก็ยอมจ่ายให้เขา 400,000 หยวน เขาได้ยินมาว่าถ้าไม่ใช่เพราะตาเฉินหัวล้านกำลังอยากหาเงินทุนไปสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขา เขาอาจจะไม่รับงานนี้ก็ได้
แน่นอนว่าเฝิงหยู่ต้องเพิ่มค่าตัวให้อีก 50,000 หยวนและตาเฉินหัวล้านถึงจะยอมตกลงรับผิดชอบเรื่องการถ่ายทำโฆษณาให้ โดยที่เขาเป็นคนจัดการเรื่องอุปกรณ์การถ่ายทำและทีมงานทั้งหมด
สถานที่ถ่ายทำกำหนดไว้ที่เมืองปิงเนื่องจากรถจักรยานยนต์ก็ยังจอดอยู่ที่เมืองปิง และเราต้องใช้รถจักรยานยนต์เป็นอุปกรณ์หลักในการประกอบฉาก
สามวันต่อมา เฝิงหยู่กลับมาที่เมืองปิงก่อน จูซือเหมาและคนอื่นๆ ที่เหลือจะเดินทางมาถึงในคืนวันศุกร์ด้วยรถไฟและจะกลับในเย็นวันอาทิตย์ ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่องานของพวกเขาด้วย
ในที่สุดเฝิงหยู่ก็เข้าใจว่าทำไมหลิวต้าชิ่งถึงลาออกจากวงการและไปทำธุรกิจส่วนตัว ชีวิตที่อยู่ภายใต้บริษัทนี้มันบีบบังคับมากเกินไป แค่มาถ่ายโฆษณายังเป็นปัญหาเลย
......
“อะไรนะ? คุณยังจะมาเรียกเก็บค่าโฆษณาจากผมอีกหรอ? ผมให้คุณไปตั้ง 5 ล้านแล้วไม่ใช่หรอ?”
“นั่นมันค่าช่วงโฆษณาที่สถานีโทรทัศน์ครับ คุณคิดว่าดาราพวกนี้มาทำงานให้เราฟรีๆ หรือไงครับ? เอางี้ เป็นเพราะความผิดผมเองที่ไม่ได้พูดอธิบายให้คุณฟังอย่างชัดเจน งั้นผมขอแค่ 500,000 หยวนพอ ที่เหลือผมออกเอง” เฝิงหยู่แสดงทีท่า “ลำบากใจ”
“ตั้ง 500,000 หยวน? คุณคิดว่ากำลังขอเงิน 50 หยวนหรือไง? คุณไปจ้างดาราที่ไหนมาถ่ายโฆษณา? ทำไมค่าตัวถึงได้แพงขนาดนี้?”
“จูซือเหมา หลิวต้าชิ่ง และตาเฉินหัวล้านครับ คุณบอกผมทีสิว่ามีคนไหนที่ไม่โด่งดังบ้าง?” เฝิงหยู่พูดพ้อมกับกระดิกนิ้วบนโต๊ะและพูดด้วยน้ำเสียงเน้นย้ำ
“แต่ก็ไม่น่าจะแพงขนาดนี้ มันก็แค่โฆษณา เงินเดือนคนพวกนั้นเท่าไหร่กัน? ทำไมถึงกล้าคิดค่าตัวแพงขนาดนี้?” หลี่หมิงเต๋อถามอย่างโมโห
“ก็พวกเขาเป็นดารา มีผลงานทางทีวี และก็มีอิทธิพลจากการที่เป็นคนดัง คุณอยากลองเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็ได้หรือว่าผู้จัดการหลี่อยากจะถ่ายโฆษณานี้เองก็ได้นะ แล้วลองดูสิว่านอกจากเมืองปิงแล้ว โฆษณานี้จะส่งผลให้มีคนมาซื้อรถจักรยานยนต์สักคันหรือเปล่า?” เฝิงหยู่เจาะจงพูดตรงๆ
“สรุปคุณจ่ายไปทั้งหมดเท่าไหร่?” หลี่หมิงเต๋อถาม
“สองล้านห้าหมื่นหยวนครับ ถ้าคุณไม่เชื่อผม ลองถามพวกเขาเองตอนที่พวกเขาเดินทางมาถึงเมืองปิงก็ได้”
“อะไรนะ? สองล้านกว่าหยวน?” หลี่หมิงเต๋อตกใจมาก เด็กคนนี้ใช้เงินสิ้นเปลืองอีกแล้ว เขายอมรับเรื่องที่จะใช้ดารามาถ่ายโฆษณาให้ แต่มันก็ไม่ควรจะแพงขนาดนี้
2.05 ล้านหยวน ต้องขายรถจักรยานยนต์กี่คันถึงจะคุ้มกับจำนวนเงินนี้?
“ผมเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และบริษัทเครื่องจักรก็ถือหุ้นแค่บางส่วนเท่านั้น ผู้จัดการหลี่ คุณอย่ามาแกล้งแหย่ให้ผมหัวเสียเลย” เฝิงหยู่เริ่มแสดงทีท่าโมโห
“โอเค โอเค แต่ผมจะให้เงิน 500,000 หยวนหลังตรุษจีนนะ เพราะงบประมาณของปีนี้แทบไม่เหลือแล้ว”
“ได้ครับ ผมจะไม่คิดดอกเบี้ยด้วย ใครให้ผมมาเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทเครื่องจักรกันนะ โอเคตกลงตามนี้ครับ เดี่ยวเราค่อยมาเซ็นสัญญากัน พรุ่งนี้พวกเขาจะเดินทางมาถึงเมืองปิงเพื่อถ่ายทำโฆษณา เราต้องเตรียมรถจักรยานยนต์สามคันให้พวกเขาคนละคัน คุณคงไม่ขี้เหนียวกับเรื่องแค่นี้ใช่มั้ยครับ?”
เฝิงหยู่ไม่ได้รีบร้อนที่จะเอาเงิน 500,000 หยวน อันที่จริงเขาได้กำไรจากค่าโฆษณาครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว เขาจ่ายไปสองล้านกว่าหยวนแต่ไม่ใช่แค่หนึ่งปี เพราะในอนาคตเขาจะเรียกเก็บค่าโฆษณาจากบริษัทเครื่องจักรทุกปี!
รถจักรยานยนต์อีกสามคันหรอ? แต่หลี่หมิงเต๋อก็พูดอะไรมากไม่ได้เพราะเขาผลัดการจ่ายเงิน 500,000 หยวนไปเป็นปีหน้า ถ้าเขาปฏิเสธคำร้องขอนี้อีก เฝิงหยู่โมโหกระโดดถีบเขาแน่นอน
“ได้ ตกลงตามนั้น! ถ้าคุณไม่สามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่กำหนดไว้ในปีหน้า เราจะดำเนินการตามสิ่งที่ระบุไว้ในสัญญา!” หลี่หมิงเต๋อเตือนเฝิงหยู่
..........
“เชิญพักผ่อนตามสบายนะครับ ผมเตรียมห้องเอาไว้ให้พวกคุณแล้วอยู่ที่เรือนรับรองแขกของบริษัทเครื่องจักร แม้ว่าสภาพต่างๆ ของที่นี่จะสู้ที่ปักกิ่งไม่ได้ แต่ผมรับรองว่าห้องสะอาดและเรียบร้อยดีครับ” เฝิงหยู่ไปรับพวกเขาสามคนด้วยตัวเองซึ่งประกอบด้วยดาราโฆษณาสามคน ตากล้องหนึ่งคน และผู้ช่วยหนึ่งคน รวมทั้งหมด 5 คน
“ไม่เป็นไรครับ พวกเราไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้น เริ่มถ่ายทำโฆษณาตัวแรกกันก่อนได้เลยครับ จะได้ไม่เสียเวลา” ตาเฉินหัวล้านพูด
เฝิงหยู่มองหลิวต้าชิ่ง ซึ่งเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่ม เธอก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เฝิงหยู่ซึ่งเป็นคนเดียวที่จ่ายเงินทุกอย่างก็ไม่คัดค้านเหมือนกัน แถมดีสำหรับเขาด้วยซ้ำที่จะได้ถ่ายทำโฆษณาให้เสร็จโดยเร็วที่สุด เพราะเขาอาจจะมีเวลาเหลือมาถ่ายโฆษณาที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อเตรียมกระตุ้นตลาดก่อน
ทุกคนไปที่สถานที่ถ่ายทำ และเมื่อเขาเห็นเฝิงหยู่ขับรถแลนด์โรเวอร์ จูซือเหมาและคนอื่นๆ ก็ถึงกับอึ้ง หลิวต้าชิ่งรู้สึกอิจฉาเฝิงหยู่ เธอสาบานกับตัวเองว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องได้ขับรถนำเข้าแบบนี้บ้าง!
สถานที่ถ่ายทำอยู่ไม่ไกลจากโรงงานรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นถนนที่ได้รับการปรับปรุงสภาพเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้สภาพถนนตอนนี้ยังใหม่มาก อู่จื้อกางไปที่โรงงานเพื่อให้พนักงาน 2 คนขี่รถจักรยานยนต์สองคันมาที่สถานที่ถ่ายทำ
รถจักรยานยนต์คันหนึ่งสีแดง ส่วนอีกคันสีน้ำเงิน หมวกกันน็อคก็ใช้สีที่สว่างสดใส
จูซือเหมาสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนัง แม้ว่าตอนนี้อากาศจะหนาวเย็นมาก แต่เขาก็ไม่บ่นสักคำ เขาสวมหมวกกันน็อคและเดินตรงไปที่รถจักรยานยนต์
อุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายทำถูกจัดเตรียมเรียบร้อย ตาเฉินหัวล้านตะโกนว่า “แอคชั่น” และพวกเขาก็เห็นจูซือเหมาค่อยๆ ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาช้าๆ
“คัท! จูนายขับช้าเกินไป เร่งเร็วกว่านี้อีกหน่อย ขับแบบนี้ดูไม่ออกเลยว่ารถแรงขนาดไหน” ตาเฉินหัวล้านตะโกน
“ผมเพิ่งเรียนขี่รถจักรยานยนต์ ผมไม่กล้าขี่เร็วมาก อีกสักพักก็ต้องเบรกแบบสไลด์แล้ว” จูซือเหมาเพิ่งเรียนขี่รถจักรยานยนต์ก่อนที่เขาจะเดินทางมาที่นี่ ก่อนหน้านี้เขาขี่จักรยานยังไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ
ขณะที่จูซือเหมากำลังฝึกเร่งความเร็ว สักพักลมก็พัดมาอย่างแรง
อุณหภูมิในเดือนธันวาคมที่เมืองปิงต่ำมาก นักแสดงสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นและตอนนี้ก็เริ่มมีลมเย็นพัดมา เฝิงหยู่แนะนำให้พักกองถ่ายก่อนจนกว่าลมจะหยุด
“ไม่ได้ครับ ถ้าสมมติเกิดมีหิมะตกหลังจากลมหยุดพัดล่ะจะทำยังไง? ผมว่ายิ่งมีลมยิ่งดีเสียอีก เพราะลมจะพัดผ้าพันคอของหลิวต้าให้ปลิวอย่างสวยงาม ดูดีขึ้นกล้องมาก” ตาเฉินหัวล้านปฏิเสธเสียงแข็งสำหรับคำแนะนำของเฝิงหยู่
หลิวต้าชิ่งพูดเสริม “ไม่เป็นไรค่ะผู้จัดการเฝิง ฉันทนอากาศแบบนี้ได้สบายมาก ฉันเคยถ่ายละครที่ต้องทำให้ดูเหมือนเป็นฤดูร้อนในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง ตอนนั้นหนาวกว่านี้อีกค่ะ”
การถ่ายทำดำเนินต่อไป ในที่สุด จูซือเหมาก็เร่งความเร็วได้ ถนนเส้นนี้เป็นทางตรงและพื้นผิวถนนก็อยู่ในสภาพที่ดีมาก และไม่มีรถรอบข้างเลย ทำให้เขาคลายกังวลลงไปบ้าง แต่เมื่อเขาขี่มาถึงจุดที่หลิวต้าชิ่งยืนอยู่ เขากลับเบรกแบบสไลด์ไม่ได้
สำหรับผู้เริ่มต้น เทคนิคการขี่แบบนี้ค่อนข้างน่ากลัว เฝิงหยู่เห็นว่าตอนนี้เวลาผ่านไปแล้วเกือบหนึ่งชั่วโมง แต่พวกเขายังถ่ายทำฉากแรกไม่เสร็จเลย เขารู้สึกกังวลเล็กน้อย ด้วยความเร็วแบบนี้ พวกเขาอาจจะไม่สามารถ่ายโฆษณาทั้งสี่ตัวให้เสร็จทันได้ แถมยังมีโฆษณาที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์อีก
“คุณจูครับ เดี๋ยวผมแสดงวิธีการเบรกแบบสไลด์ให้คุณดู” เฝิงหยู่เดินไปหยิบหมวกกันน็อคมาจากจูซือเหมา เขาสวมหมวกกันน็อคและไม่สนเสียงคัดค้านของคนอื่นๆ เขาเร่งเครื่องขี่ออกไป
“ทำไมคุณไม่ห้ามผู้จัดการเฝิงล่ะ?” จูซือเหมายังยืนงงอยู่ เฝิงหยู่เร่งเครื่องขี่ออกไปเรียบร้อยแล้ว เขามองไปที่อู่จื้อกางอย่างเป็นกังวล
เฝิงหยู่ยังเด็กอยู่มาก และถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา พวกเขาจะต้องรู้สึกแย่มาก
อู่จื้อกางเคยเห็นเทคนิคการขี่รถจักรยานยนต์ของเฝิงหยู่มาก่อนเมื่อตอนที่รถจักรยานยนต์คันแรกผลิตออกจากโรงงาน เฝิงหยู่เป็นคนทดสอบด้วยตัวเอง เขาขี่ได้ดีกว่าคนอื่นๆ ในโรงงานเสียอีก
พอจูซือเหมาพูดจบ เฝิงหยู่ก็ขี่กลับมาแล้ว เขาไม่ได้ชะลอรถเลยตอนที่ขี่เข้ามาหาพวกเขา เมื่อเฝิงหยู่อยู่ห่างจากพวกเขาประมาณ 10 เมตร เขาก็ชะลอรถเล็กน้อยและเบรกแบบสไลด์อย่างสวยงามตรงหน้ากล้องพอดี
เฝิงหยู่ถอดหมวกกันน็อคและยิ้มให้หลิวต้าชิ่งที่ยืนตะลึงอยู่ “ให้ผมไปส่งมั้ยครับ?”