EG บทที่ 178 การจ้างคนดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ตอน 2 (อ่านฟรี)
รถจักรยานยนต์ไม่ได้เหมือนสินค้าปลอมทั่วไป และจูซือเหมารู้สึกว่าเขาควรพิจารณารับงานนี้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังต้องขอดูโครงเรื่องของโฆษณาก่อน ถ้าเป็นแนวตลกโปกฮา เขาไม่มีวันรับงานแน่นอน!
เฝิงหยู่หยิบบทโฆษณาที่เขาเตรียมมาและยื่นให้จูซือเหมา “โฆษณาตัวแรกก็จะเป็นคุณที่สวมหมวกกันน็อคและขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วไปตามทางด่วน และคุณก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่มีผ้าพันคอปกคลุมใบหน้ากำลังโบกรถอยู่ข้างทาง จากนั้นคุณก็หยุดรถและถอดหมวกกันน็อคข้างๆ เธอ”
“โฆษณาตัวที่สองก็จะเป็นผู้หญิงที่ถอดผ้าพันคอซึ่งปกคลุมใบหน้าของเธออยู่ออก ผู้หญิงคนนี้ก็คือหลิวต้าชิ่ง คุณส่งหมวกกันน็อคให้เธอ และเธอก็ขึ้นมานั่งซ้อนท้ายคุณและโอบเอวคุณจากด้านหลัง จากนั้นคุณก็ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปพร้อมกับเธอ”
“โฆษณาตัวที่สามจะเป็นหลิวต้าชิ่งที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนในชนบท แต่คราวนี้จะเป็นคุณที่โบกรถอยู่ข้างทางแทน เธอจะหยุดรถและส่งหมวกกันน็อคให้คุณ”
“โฆษณาตัวที่สี่ก็จะเป็นคุณทั้งสองคนที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปตามท้องถนนด้วยกัน ในขณะเดียวกันคุณทั้งสองคนก็หันมายิ้มให้กัน”
จูซือเหมาขมวดคิ้ว “เนื้อหาของโฆษณาทั้งสี่ตัวนี้ถือว่าสอดคล้องกันดี ว่าแต่ไม่มีบทพูดเลยหรอครับ?”
“มีครับ มีบทพูดตอนที่คุณถามเธอว่าจะไปไหน และตอนที่เธอถามคุณว่าจะไปไหน คุณทั้งสองคนไม่จำเป็นต้องพูดถึงรถจักรยานยนต์เลยครับ เพราะว่าจะมีตัวหนังสือโฆษณาขึ้นในช่วงสามวินาทีสุดท้ายของโฆษณาครับ”
ความคิดสร้างสรรค์ของเฝิงหยู่ในโฆษณาครั้งนี้มาจากโฆษณาไซลิทอลในยุคอนาคต ซึ่งโฆษณาดังกล่าวเป็นเรื่องราวที่แบ่งออกเป็น 4 ตอน วิธีนี้จะช่วยสร้างความรู้สึกประทับใจให้กับผู้ชม ซึ่งดีกว่าพวกโฆษณาที่เอาแต่พูดชื่อยี่ห้อซ้ำไปซ้ำมาตลอดทั้งโฆษณา
“คุณจูครับ คุณคิดว่าบทโฆษณานี้เป็นยังไงครับ? คุณอยากจะเปลี่ยนแปลงส่วนไหนหรือเปล่าครับ?”
“ใช่ครับ ผมว่าตอนแรกที่ผมต้องขี่รถจักรยานยนต์ไปตามทางด่วนมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คนปกติที่ไหนจะไปเดินอยู่ตามทางด่วน? ลองเปลี่ยนเป็นถนนนอกเมืองจะดูเป็นจริงมากกว่านะครับ ส่วนตอนสุดท้ายที่เราขี่รถจักรยานยนต์ไปด้วยกันอาจจะใช้สถานที่เป็นทางด่วนแทนได้ สีของเสื้อผ้าของก็ต้องเข้ากับสีของรถจักรยานยนต์คุณด้วย แต่สีของหมวกกันน็อคต้องต่างออกไป.....”
จูซือเหมาคนนี้เป็นมืออาชีพจริงๆ และความคิดของเขาก็ชัดเจน เขาแก้ไขรายละเอียดเล็กน้อยบางส่วนในบทโฆษณาของเฝิงหยู่ เมื่อเฝิงหยู่ฟังในสิ่งที่จูซือเหมาพูดอธิบายมา เขาก็รู้สึกว่ามันมีเหตุผลจริงๆ
“คุณจูครับ ผมพูดมาแบบนี้แปลว่าคุณตกลงรับงานโฆษณาชิ้นนี้ใช่ไหมครับ? ถ้างั้นคุณคิดค่าตัวสำหรับการโฆษณาครั้งนี้เท่าไหร่ครับ? เราอยากจะทำสัญญาระยะยาว คุณอยากจะเซ็นสัญญากับเรากี่ปีดีครับ?”
เฝิงหยู่คิดเอาไว้ว่าน่าจะทำสัญญาไปจนถึงสิ้นศตวรรษนี้ ก่อนที่ตาเฉินหัวล้านจะฟ้องร้องสถานี CCTV ทั้งสองคนนี้ก็กลายเป็นดาราที่มีค่าตัวสูงสุดของประเทศจีนแล้ว แต่ตอนนี้ค่าตัวของพวกเขายังไม่สูงมากขนาดนั้น ถ้าเขาสามารถเซ็นสัญญาได้มากกว่า 5 ปี ก็จะดีมาก ถ้าจูซือเหมาอยากได้สัญญา 10 ปี เฝิงหยู่ก็ยอมจัดให้!
“กี่ปี? โอ้ คุณอยากให้ผมทำงานด้วยเป็นเวลาสองสามปีเลยหรอครับ? ถ้างั้นคุณคิดว่ากี่ปีดีครับถึงจะเหมาะสม?”
เฝิงหยู่คิดสักพัก เมื่อถึงตอนที่จูซือเหมาและตาเฉินหัวล้านถูกแบนจากสถานี CCTV โฆษณาของเขาก็ไม่สามารถออกอากาศที่สถานี CCTV ได้อีก แม้แต่สถานีอื่นอีกสองปีก็คงไม่ได้แล้วเหมือนกัน ถ้างั้น 8-9 ปีก็น่าจะเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างเหมาะสม
“8 ปีเป็นยังไงครับ?”
จูซือเหมาตกใจมาก เขาไม่เคยได้ยินสัญญาการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาและสินค้าที่มีระยะเวลานานถึง 8 ปีมาก่อน!
“คุณแน่ใจหรอครับว่า 8 ปี?”
“แน่นอนครับ พรีเซ็นเตอร์สินค้า 8 ปี และทุกๆ ปีคุณต้องถ่ายโฆษณาให้เราอย่างน้อยหนึ่งตัวและถ่ายโฆษณาที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ให้เราด้วย นอกจากนี้ คุณต้องออกงานเพื่อโปรโมทสินค้าให้เราอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ผมยังไม่ค่อยแน่ใจเรื่องราคาในวงการนี้ คุณลองเสนอราคาให้ผมได้เลยครับ”
“100,000 หยวนต่อปีโอเคมั้ยครับ?” จูซือเหมาเสนอราคา เขารู้สึกว่า 100,000 หยวนเป็นจำนวนเงินที่สูงมากแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นดาราชื่อดัง แต่เขาได้ยินมาว่าดาราจากทางภาคใต้คิดค่าตัวสูงมากสำหรับการโฆษณาและเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่ค่าจ้างโดยเฉลี่ยปัจจุบันในกรุงปักกิ่งอยู่ที่ประมาณ 2,000 หยวนต่อปีเท่านั้น ราคานี้ถือว่าสูงกว่าค่าจ้างโดยเฉลี่ยถึง 50 เท่าเลยทีเดียว
เฝิงหยู่จำได้ว่าดาราในสมัยชาติที่แล้วของเขาคิดค่าตัวหลายสิบล้านสำหรับการเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า และนั่นเป็นราคาที่มากกว่าค่าจ้างโดยเฉลี่ยต่อปีเกินกว่า 200 เท่า ราคาที่จูซือเหมาเสนอมานั้นสมเหตุสมผลมาก
“ไม่มีปัญหาครับ สำหรับงานโปรโมททุกงานที่คุณเข้าร่วม คุณจะได้รับซองแดงเพิ่มเติมต่างหากด้วย” เฝิงหยู่รู้ว่าอัตราค่าตัวของดาราสำหรับการโฆษณาจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในอีกสองปีข้างหน้า ถึงตอนนั้น จูซือเหมาจะต้องรู้สึกว่าเขาถูกเอาเปรียบ และอาจจะเกิดปัญหาในการทำงานร่วมกันได้ ดังนั้นเฝิงหยู่จึงตัดสินใจใช้วิธีการให้ซองแดงเพื่อชดเชยแทน
“คุณจะเริ่มถ่ายโฆษณาเมื่อไหร่ครับ? ช่วงนี้ผมยังต้องเตรียมการแสดงละครสั้นสำหรับงานกาล่าฤดูใบไม้ผลิ ผมอาจจะยังไม่ค่อยมีเวลามากนัก”
“ไม่เป็นไรครับ การถ่ายทำโฆษณาจะใช้เวลาไม่นานนัก ผมได้ติดต่อทีมงานถ่ายทำไว้แล้ว แค่ 2 วันก็น่าจะถ่ายทำเสร็จแล้วครับ โอ้ จริงสิ ผมอยากให้คุณช่วยแนะนำคู่หูของคุณที่เล่นละครสั้นให้ผมรู้จักหน่อยได้มั้ยครับ? พอดีผมอยากให้เขาไปถ่ายโฆษณาและเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าให้เราสักหน่อย”
เฝิงหยู่จำได้ว่าปีนี้จะเป็นปีที่ละครสั้นเรื่อง “ตัวเอกและตัวประกอบ” จะโด่งดังมากที่สุดซึ่งนำแสดงโดยสองคนนี้ ถ้าเขาถ่ายทำโฆษณาอีกตัวที่คล้ายคลึงกัน ก็จะต้องเป็นที่นิยมมากแน่นอน!
“พอดีวันนี้เขามีไข้ เลยพักผ่อนอยู่ที่บ้านครับ เดี๋ยวผมช่วยถามให้ดีมั้ยครับ?”
“ดีเลยครับ งั้นพรุ่งนี้ผมจะเอาสัญญามาให้เซ็น และเราสามคนจะได้คุยเรื่องรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยกัน”
.......
หลังจากที่ออกจากออกัสเฟิรส์ทสตูดิโอ เฝิงหยู่ก็รีบไปที่ปักกิ่งฟิล์มสตูดิโอต่อทันที หลิวต้าชิ่งกำลังรอเขาอยู่ หลิวต้าชิ่งค่อนข้างเซ็นซิทีฟกับเรื่องเงินมากกว่า และเธอก็ฉลาดมากด้วย เฝิงหยู่ตัดสินใจใช่ค่าตัวของจูซือเหมามากดราคาค่าตัวของหลิวต้าชิ่ง
“คุณหลิวครับ ตัวจริงคุณสวยกว่าในทีวีเสียอีก”
“ขอบคุณค่ะที่ชม ผู้จัดการเฝิง เรามาเข้าเรื่องแบบไม่ต้องอ้อมค้อมกันเลยดีกว่าค่ะ ฉันได้ยินมาว่าคุณอยากให้ฉันไปถ่ายโฆษณาให้คุณใช่มั้ยคะ?” หลิวต้าชิ่งรีบถามอย่างกระตือรือร้น
“ใช่แล้วครับ ดาราชายที่ร่วมแสดงด้วยจะเป็นจูซือเหมา และอาจจะมีตาเฉินหัวล้านเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นี่ครับบทโฆษณา คุณลองอ่านดูก่อนก็ได้ครับ”
เมื่อหลิวต้าชิ่งได้ยินชื่อจูซือเหมา เธอก็ไม่กล้าดูถูกเฝิงหยู่อีกเลย แม้แต่ตาเฉินหัวล้านก็จะมาร่วมถ่ายโฆษณานี้ด้วยหรอ? สองคนนี้เป็นนักแสดงที่มีค่าตัวสูงที่สุดในประเทศจีนตอนนี้
สินค้าในโฆษณานี้ก็คือรถจักรยานยนต์และผู้ชายก็เหมาะที่จะเล่นโฆษณาตัวนี้มากกว่าผู้หญิง เธอรู้สึกว่าเธอคงได้เงินไม่มากจากการถ่ายโฆษณาตัวนี้
“บทโฆษณาใช้ได้เลยค่ะ ดูออกเลยว่าน่าจะเคยมีการปรับแก้ไขมาก่อนแล้ว ฉันขอถามหน่อยนะคะว่าถ้าฉันตอบตกลง ฉันจะได้ค่าตัวเท่าไรคะ?” หลิวต้าชิ่งถามตรงประเด็น เธอไม่ใช่คนช่างเลือกบทอยู่แล้ว สิ่งที่เธอห่วงคือเงินมากกว่า
“คุณหลิวครับ จากมุมมองของผู้ชมในประเทศจีน คุณคิดว่าระหว่างคุณกับจูซือเหมาใครดังกว่ากันครับ?” เฝิงหยู่ไม่ได้พูดถึงค่าตัว แต่กลับถามคำถามเธอ
แม้ว่าหลิวต้าชิ่งจะเพิ่งได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมมา แต่เธอก็ไม่กล้าพูดว่าตัวเธอนั้นโด่งดังกว่าจูซือเหมา ภาพยนตร์เรื่อง “คาวบอย” ของจูซือเหมาได้รับกระแสตอบรับดีกว่าภาพยนตร์ของเธอ ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงสองปีที่ผ่านมา จูซือเหมาได้แสดงละครสั้นในงานกาล่าฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่ดึงดูดผู้ชมได้จำนวนมาก นี่คือสถานะปัจจุบันของจูซือเหมาในตอนนี้
“ฉันยังห่างจากสองคนนั้นเล็กน้อยค่ะ” คำตอบของหลิวต้าชิ่งน่าประทับใจมาก
อะไรนะ? คุณหมายความว่าถ้าไม่มีสองคนนี้ คุณก็จะดังกว่าจูซือเหมางั้นหรอ? จูซือเหมามีข้อได้เปรียบก็คือรูปร่างหน้าตาของเขา แม้ว่าหลิวต้าชิ่งจะสวยหน้าตาดี แต่ผู้ชมที่เป็นผู้หญิงหลายคนกลับรู้สึกอิจฉาในรูปร่างหน้าตาของเธอและไม่ชอบเธอ ซึ่งต่างจากจูซือเหมาเพราะผู้ชมทั้งหญิงและชายต่างก็ชื่นชอบเขา
“จูซือเหมาตกลงเซ็นสัญญา 8 ปีกับราแล้วครับ เขาได้ค่าตัวเป็นเงินจำนวน 100,000 หยวนต่อปี ทั้งหทดก็เท่ากับ 800,000 หยวน สัญญาที่ผมเตรียมมาให้คุณหลิวก็มีมูลค่า 800,000 หยวนเหมือนกันครับ แต่ระยะเวลาสัญญาจะเป็น 10 ปี ซึ่งรวมโฆษณาทางทีวีและโฆษณาที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ด้วย ทุกปีคุณจะต้องเข้าร่วมงานโปรโมทสินค้าหนึ่งครั้ง แน่นอนครับว่าคุณจะได้รับซองแดงเมื่อคุณเข้าร่วมงาน...”
เฝิงหยู่พูดเงื่อนไขสัญญาทั้งหมดและหลิวต้าชิ่งก็ตั้งใจฟังอย่างละเอียด มีเงื่อนไขหลายข้อที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่เฝิงหยู่ก็บอกว่าเขาสามารถจ่ายเงิน 800,000 หยวนทั้งก้อนให้เธอได้ทันที ประเด็นนี้ทำให้หลิวต้าชิ่งหูผึ่งทันที 800,000 หยวน! เงินจำนวนนี้ทำให้เธอไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไปแล้ว
เธอตกลงเซ็นสัญญาทันที!