ตอนที่ 178 ความเย่อหยิ่ง (FREE)
เจ้าหน้าที่หลวงเกรงกลัวชายหนุ่มคนนั้น?
มันอาจจะเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด อย่างไรก็ตามถ้าหากว่านามสกุลของชายคนนั้นคือ หนานกง แล้วล่ะก็มันก็สามารถอธิบายทุกอย่างได้อย่างชัดเจน
อัจฉริยะที่สามารถเทียบได้กับ ฉือ กูเหยียน
เขาเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเซี่ย หนานกง เฮา
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือ หนานกง มู่ น้องชายของ หนานกง เฮา
...
ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว กลับไปหาม้าป่ามังกรหิมะของพวกเขา ขณะที่กำลังจับบังเหียนอยู่นั้น ก็รู้สึกได้ถึงฝีกเท้าจำนวนมากตรงถนน ส่วนใหญ่กำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน
ทิศทางนั้นเป็นเส้นทางที่ตรงไปยังโรงเรียนหลวง
วันนี้เป็นวันประกาศผลการทดสอบ บรรยากาศในเทมืองเหยียนนั้นตึงเครียดเป็นอย่างมาก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีผลต่อ ฟาง เจิ้งจือ เลยแม้แต่น้อย เขามักจะปล่อยตัวไปตามธรรมชาติ
ในทำนองเดียวกันนั้น เหยียน ซิว เองก็ ไม่ได้แสดงท่าทีเคร่งเครียดอะไร เขาสงบจิตสงบใจของตนเอง หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบด้านปัญญา เขาก็พยายามอย่างมาก
ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว เดินเข้าไปยังประตูของโรงเรียนหลวง พวกเขาพยายามยืดหัวขึ้นมองไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะสามารถเห็นได้ ทุกอย่างถูกปิดกั้นเอาไว้อย่างสมบูรณ์
ใกล้ๆโรงเรียนหลวงนั้น เต็มไปด้วยผู้คนที่ยืนออกันอยู่
ฟาง เจิ้งจือ เริ่มสกิดใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขาจำได้ว่าผู้เข้าร่วมการทดสอบไม่ได้มีมากขนาดนี้
คนเหล่านี้มาจากที่ไหนกัน?
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง ก็เริ่มสังเกตเห็นว่านอกจากเหล่าผู้เข้าร่วมการทดสอบแล้วมีพวกเจ้าหน้าที่หลวงในชุดเครื่องแบบมากมายปะปนกันอยู่
มีกระทั่งพ่อค้าที่ผ่านมาดูว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การประกาศผลการทดสอบนั้นส่งผลอย่างมากต่อโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าหน้าที่หลวงในอนาคตของผู้เข้าร่วมการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ หรือแม้แต่ผู้คนต่างก็เฝ้าดูเหตุการณ์กันอย่างไม่ใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน ฟาง เจิ้งจือ กลับฮัมเพลงเบาๆและมีท่าทีที่ผ่อนคลาย และกำลังมองหาสถานที่ว่างๆสำหรับการยืนรอฟังผล
อย่างไรก็ตามฝูงชนเริ่มสังเกตเห็นเขาและ เหยียน ซิว แล้วนินทาอยู่ห่างๆ
ฟาง เจิ้งจือ งุนงงเล็กน้อย เขาจำได้ว่าก่อนที่จะเข้าสอบการทดสอบด้านปัญญา เขากับ เหยียน ซิว นั้นยังไม่ตกเป็นเป้าสายตาขนาดนี้
อย่างไรก็ตามในวันนี้ ...
ดูเหมือนเป็นคนพิเศษ
แน่นอนว่าตลอด 3 วันที่ผ่านมาเขาไม่รับรู้เลยว่าได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาของเหล่าฝูงชนไปเสียแล้ว ตั้งแต่ตรอกถนนเล็ก ตามทางเดินหรือในราชวัง ทุกคนต่างก็รู้จักและพูดถึงเขากันทั้งนั้น
เขาได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้นมา ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีไหนก็ตาม หรือจะเขียนคำตอบมั่วๆก็ตาม ก็ปฏิเสธความจริงที่เกิดขึ้นข้อนี้ไม่ได้ ว่าเขาได้ทำลายสถิติที่ไม่มีใครสามารถทำได้มาก่อนในตลอดระยะเวลาหลาย 1000 ปีที่ผ่านมานี้
ทุกคนต่างหันไปมองพร้อมๆกัน สายตาจับจ้องไปที่เขา
"นั่นมัน ฟาง เจิ้งจือ ?!"
"ในที่สุดเขาก็มา เจ้าคิดว่า เขาจะแสดงท่าทียังไงเมื่อรู่ว่าตัวเองหลุดโผจากกลุ่ม? "
"ข้าคิดว่าเขาคงจะไม่หลุดจากกลุ่มหรอก เป็นถึงผู้ชนะการทดสอบทั้งสองที่เมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์ เขาคงจะไม่ปล่อยให้ตัวเองหลุดไปอยู่ในกลุ่มที่ 2 หรอกใช่ไหม?
"เจ้าไม่ได้ยินเรื่องที่ท่านรัฐมนตรีพิจารณาหรืออย่างไร?"
"เจ้าหมายถึงประโยคที่ว่า 'คุณภาพมากกว่าปริมาณ' น่ะรึ?"
"ใช่แล้ว ถ้า ฟาง เจิ้งจือ พยายามตอบอย่างจริงจังในการทดด้านปัญญาล่ะก็ เขาอาจจะมีโอกาสได้อยู่ในกลุ่มที่ 2 แต่น่าเสียดายที่เขาทำข้อสอบทั้งหมด 6 ชุด เขาคงจะเขียนตอบแบบลวกๆไปเรื่อย จนไม่มีเวลาแม้แต่ได้ตรวจสอบคำตอบเลยด้วยซ้ำ"
"สายตาขอพี่ตัง ช่างเฉียบคม ข้าประทับใจจริง!"
ผู้คนต่างเริ่มถกเถียงกันไปมา พวกเขาต่างจ้องมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ เพื่อรอดูสีหน้าของเขาเมื่อได้รู้ว่าตัวเองไม่ติดในกลุ่ม ความตั้งใจที่เกิดจากความริษยาล้วนๆ
มันเหมือนกับว่าคนที่เคยสวมเสื้อผ้าอยู่ แล้วจู่ๆวันหนึ่งมีคนสวมอีกอย่าง การกระทำที่ชวนเชื่อมันทำให้เขาถอดชุดเดิมออกแล้วแสวงหาสิ่งใหม่ๆตามที่เห็น
สุดท้ายคนพวกนี้ก็จะมอมเมาตามที่เชื่อหรือไม่ก็จมน้ำลายตัวเองในที่สุด
นอกจากนี้การกระทำของ ฟาง เจิ้งจือ ในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการไปทำลายความเชื่อที่ถูกปลูกฝังกันมาอย่างยาวนานเท่านั้น เขาได้บดขยี้ประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ด้วยปลายเท้าของเขาเองเลย
เขาทำอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครในอาณาจักรเซี่ยทำได้มาก่อน
สามารถทำข้อสอบทั้ง 6 ชุดเสร็จภายในเวลา 4 ชั่วโมง
ถ้าสิ่งนั้นเป็นเรื่องจริงล่ะก็ มันไม่ได้หมายความว่าเขาอยู่ในระดับที่สูงกว่าเท่านั้น แต่เขาเทียบเท่าได้กับ ฉือ กูเหยียน และ หนานกง เฮา เลยไม่ใช่หรือ?
ไม่ว่าจะเป็นรอบก่อนหน้าที่ ฉือ กูเหยียน ได้เป็นผู้ชนะของการทดสอบทั้งสอง หรือรอบก่อนนั้นที่ หนานกง เฮา ได้ตำแหน่งผู้ชนะของกลุ่มในการทดสอบระดับจักรพรรดิ ก็ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนเลย
ไม่มีใครทำใจเชื่อได้ลงว่าความสำเร็จนี้มันจะเป็นไปได้
นอกจากนี้ยังเป็นความสำเร็จของชาวภูเขาที่ไม่เคยแม้แต่ได้เข้าไปยังหอแห่งเต๋า มันยิ่งทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเชื่อได้
ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่สายตาพวกนั้นและรู้สึกสับสน แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดความวุ่นวายขึ้น
ชายหนุ่มที่สวมชุดจีนโบราณ และหญิงสาวทั้งสองในชุดกระโปรงสีเขียวและแดง บังคับให้ฝูงชนเปิดทางไปยัง ฟาง เจิ้งจือ
ด้วยเหตุนี้มันทำให้บางคนถูกผลักออก บางคนก็ล้มไปนอนกับพื้น
ดังนั้นการโต้แย้งกันไปมาราวกับนรกแตกก็ได้เริ่มขึ้น
"ตาของเจ้าอยู่ที่ไหนกัน?!"
"ขาขา ... ขาของข้า!"
"อ้าา นังนี่กล้าดียังไงเอาก้นมาทับใบหน้าของข้า!"
"..."
ฟาง เจิ้งจือ สับสนมากเมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่มคนนั้น เขาพยายามนึกในใจว่าจะรู้สึกยังไงถ้ามีหญิงสาวมานั่งทับบนใบหน้า
ดังนั้นเขาจึงเริ่มมองหาที่มาของเสียงนั่น
ยังไงก็ตาม ...
น่าเสียดายที่มีบางอย่างมาบังเอาไว้ และยังมีอีกสองคนยืนขนาบข้าง
ซู ตงหลิน และหญิงสาวที่สะพายดาบไว้ที่หลังทั้ง 2 คน
พวกนางช่างดูงดงามและอ่อนโยน เป็นการยากที่จะเดาอายุของพวกนาง ที่หลังของพวกนางสะพายดาบเอาไว้เป็นเอกลักษณ์อันชัดเจน
"นั่นคือผู้ดูแลดาบ" เหยียน ซิว พูด สายตาของเขาไม่ได้จดจ้องไปที่ ซู ตงหลิน ฟาง เจิ้งจือ เองก็เช่นกัน พวกเขาจ้องมองไปที่หญิงงามทั้งสอง
ความรู้สึกถูกมองข้ามนั้นทำให้ ใบหน้าของ ซู ตงหลิน พลันมืดมนในทันที ใบหน้าที่ซีดขาว
"งั้นเจ้าคงจะเป็น ฟาง เจิ้งจือ ใช่หรือไม่?" ซู ตงหลิน เปิดปาก
"มีอะไร?" ฟาง เจิ้งจือ ได้ยินคำถามนั้นและหันไปมอง ซู ตงหลิน ด้วยความรำคาญเล็กน้อย
ซู ตงหลิน เห็นความหงุดหงิดเกิดขึ้นบนใบหน้าของ ฟาง เจิ้งจือ มันเหมือนกับหัวใจของเขาถูกเหยียบย่ำไม่เป็นชิ้นดี
"เจ้ารู้หรือไม่ว่า คนแบบไหนที่ข้าเกลียดที่สุด? มันคือชีวิตอันต่ำต้อยเช่นเจ้า ที่แสวงหาชื่อเสียงและเกียรติยศโดยมักง่าย ข้าแตกต่างจากคนเช่นเจ้าโดยสิ้นเชิง ข้าพึ่งพาความสามารถของตัวเอง และอีกไม่นาน ชื่อของข้าจะถูกตราเอาไว้บนหินศิลา ที่ซึ่งเจ้าไม่มีวันจะได้เห็นชื่อตัวเองอยู่! " ซู ตงหลิน จ้องมอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความเย่อหยิ่ง
เขาไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อ ฟาง เจิ้งจือ แต่ตลอด 3 วันที่ผ่านมา มีแต่ชื่อของเขาที่ถูกพูดถึง
เขาคิดว่าหลังจากการทดสอบจบลง เขาจะถูกพูดถึง ถูกชื่นชม แต่ชื่อของเขากลับไม่มีใครพูดถึง
เขาจะทนกับความรู้สึกแบบนี้ได้อย่างไร?
ฟาง เจิ้งจือ ไม่เข้าใจความคิดของ ซู ตงหลิน เขารู้สึกว่าทุกอย่างกำลังเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน มีใครบางคนที่จู่ๆก็ปรากฎตัวขึ้นแล้วโอ้ออวดถึงความสามารถของตัวเองนั้นดีกว่า ฟาง เจิ้งจือ
"เจ้าเคยได้ยินคำพูดนี้หรือไม่?" ฟาง เจิ้งจือ ไม่ตอบ ซู ตงหลิน และถามกลับไป
"อะไรกัน?"
"30 ปีตะวันตก อีก 30 ปีตะวันออก(เป็นสำนวนจีน)"
"เจ้ากำลังจะบอกว่า เจ้ายังเด็กและยังมีเวลาอีกมากในช่วงชีวิตของเจ้ารึ?" ซู ตงหลิน ประเมิณเขาต่ำเกินไป
"ไม่ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้านั้นเหมือนชายฝั่งด้านตะวันตก ส่วนเจ้าก็เป็นด้านตะวันออก ถ้าเจ้าต้องการชนะข้าอีก 30 ปีก็ยังไล่ตามไม่ทัน " ฟาง เจิ้งจือ ตอบกลับอย่างไม่แยแส
"จะ..เจ้า...โอหัง!" ใบหน้าของ ซู ตงหลิน เปลี่ยนไป กลิ่นอายของความโกรธพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา รังสีแห่งความกดดันแผ่มารอบๆตัว
ด้วยความสามารถของระดับสะท้อนสวรรค์ขั้นปลาย เขาเชื่อว่าสามารถทำให้คนที่พึ่งเข้าถึงระดับสะท้อนสวรค์ต้องคุกเข่าลงต่อหน้าเขาได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกผิดหวัง
ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู็สึกถึงความกดดันจากเขาเลยแม้แต่น้อย
เขามองไปที่ ซู ตงหลิน ด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสา เขารู้สึกเหมือนเรือที่แล่นอยู่ท่ามกลางพายุ พลิกตัวไปมาท่ามกลางสายฝนลมแรงแต่ก็ไม่ล่ม
"นายน้อย นายท่านสั่งว่าห้ามสร้างปัญหาเด็ดขาด!" ตอนนั้นเองหญิงสาวในชุดสีแดงก็พูดขึ้น แม้ว่าเสียงจะไม่ดังมาก แต่ก็พอที่จะได้ยินทั่วกัน
"ฮึ่ม! ข้าหวังว่าเจ้าจะบังเอิญสอบผ่านการทดสอบปัญญารอบนี้! " ซู ตงหลิน ถูกห้ามปรามเอาไว้
พยายามควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในความสงบ
สายตาของ ฟาง เจิ้งจือ มองข้าม ซู ตงหลิน ไปอีกครั้ง และมองไปทางหญิงสาวทั้ง 2 เขารู้สึกได้ว่าหญิงสาว 2 นางนี้ ไม่ใช่คนธรรมดา เพราะว่าพลังของทั้ง 2 นั้นสูงกว่าคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
ซู ตงหลิน รู้สึกฟิวขาดที่ถูกมองข้ามอีกครั้ง ดวงตาของเขากระตุก แต่ก็ไม่ได้โต้เถียงอะไรกับ ฟาง เจิ้งจือ ต่อ เพราะประตูของโรงเรียนหลวงเปิดออกแล้ว
มีเหล่าทหาร 2 แถวในชุดเกราะที่ส่องสว่างเดินออกมาจากประตู
ฝูงชนที่ยืนออกันหน้าประตูต่างถอยห่างออก เมื่อได้เห็นหล่าทหารเดินออกมา
เพจหลัก : Double gate TH