GE 2 - 2 : เครื่องรางปวงเทพ
GE 2 - 2 : เครื่องรางปวงเทพ
นักพรตแห่งเขตการปกครองหยุนหวู่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแท่นบูชา เขาถือบทสวดมนต์เอาไว้ในมือก่อนจะเอ่ยปากท่องด้วยน้ำเสียงที่ดังกึกก้อง
จากนั้นน้ำเสียงอันไพเราะเสนาะหูจากเครื่องดนตรีทั้ง 16 ชนิดที่ถูกบรรเลงด้วยฝีมือของหญิงสาวรูปงามบนแท่นบูชาเสียงของเหล่าเครื่องดนตรีกังวานไปทั่วลานพิธี
ตามมาด้วยการฆ่าสัตว์ที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้เพื่อนำเลือดที่หลั่งไหลออกมาจากสัตว์น้อยใหญ่ไปเซ่นไหว้เทพเจ้า
“ฉึบ !!”
ทันใดนั้นเลือดแห่งจิตวิญญาณมากมายมหาศาลก็ไหลมารวมตัวกันกลายเป็นลำแสงขนาดใหญ่ชี้เป็นทางขึ้นไปราวกับว่าเป็นเส้นทางที่ให้เหล่าปวงเทพลงมายังโลกมนุษย์ ลำแสงพุ่งทะลุผ่านก้อนเมฆและชนเข้ากับผืนฟ้ากว้างใหญ่....
ดาวดวงหนึ่งพุ่งลงมาจากท้องฟ้าด้วยความเร็วและตกลงบนคิ้วของเด็กชายวันหกขวบก่อนจะแทรกซึมลงไปในร่างกายของเด็กน้อยและกลายเป็นเครื่องรางปวงเทพในที่สุด
ผู้คนต่างพากันตกตะลึงและร้องตะโกน “เด็กชายคนนี้เป็นบุตรชายคนเล็กของนายพลเซวี่ย เขาได้รับเครื่องรางปวงเทพในขณะที่อายุเพียงแค่หกขวบเท่านั้น!”
“นี่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักเครื่องรางปวงเทพโลกันตร์ จัดว่าอยู่ในระดับสี่ของ เครื่องรางปวงเทพทั้งหมด เด็กน้อยคนนี้กำลังจะมีอนาคตที่สดใสรอคอยอยู่ในภายภาคหน้า!” ผู้คนต่างพากันชื่นชมเยินยอเด็กน้อยกันอย่างไม่ขาดสาย
เครื่องรางปวงเทพมีตั้งแต่ขั้นหนึ่งถึงขั้นเก้าซึ่งแต่ละขั้นก็แตกต่างกันไป ขั้นหนึ่งนั้นเป็นขั้นที่อยู่ในระดับต่ำที่สุดและอ่อนแอแตกต่างจากขั้นเก้าที่เป็นชั้นสูงสุดและมีความแข็งแกร่งมากที่สุด
เหล่าผู้คนต่างพากันจ้องมองเด็กน้อยด้วยความรู้สึกอิจฉาริษยา
เด็กที่มีพรสวรรค์และโชคดีคนนี้ได้รับเครื่องรางปวงเทพระดับสี่ด้วยอายุเพียงแค่หกขวบ เขาจะต้องเป็นเด็กน้อยที่เทพเจ้าทรงโปรดอย่างแน่นอน
ท่ามกลางเหล่านักรบผู้กล้าแห่งเขตปกครองแม่ทัพหยุนหวู่ชายร่างสูงใหญ่ก็กู่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นและทุบกำปั้นลงบนหน้าอกของตัวเองเสียงดัง “วิเศษณ์มาก! นี่คือเซวี่ยหล่าง ลูกชายของข้า! ข้าขอเชิญพวกเจ้าทุกคนไปร่วมงานเลี้ยงฉลองที่คฤหาสน์ของข้าในค่ำคืนนี้! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ฟุ๊บ !”
เมื่อได้ยินเสียงดังกล่าวผู้คนก็พากันเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง ดาวสองสามดวงพุ่งตกลงบนคิ้วของเด็กชายอีกคนหนึ่งและตกลงบนคิ้วเด็กหญิงคนหนึ่งเช่นกันก่อนที่จะมันแปรเปลี่ยนเป็นเครื่องรางปวงเทพของละคน
ผู้คนที่ได้รับเครื่องรางปวงเทพในปีนี้ส่วนมากจะเป็นชนชั้นล่าง มีวัยหนุ่มสาวเพียงไม่กี่คนที่ได้รับเครื่องรางระดับสอง ลูกชายของนายพลเซวี่ย ผู้ได้รับเครื่องรางระดับสี่ถือเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในพิธีกรรมครั้งนี้ !
และผู้คนที่ได้รับเครื่องรางปวงเทพส่วนใหญ่จะเป็นชนกลุ่มน้อย เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะเป็นหนึ่งในพันของจำนวนประชากรในเมืองหยุนหวู่
ผู้ที่ได้รับเครื่องรางปวงเทพเป็นบุคคลที่โชคดีอย่างมากในที่สุดพวกเขาก็ได้รับการยอมรับจากเบื้องบน เทพเจ้าจะประทานพรให้บุคคลเหล่านี้เข้าถึงแก่นแท้ของวรยุทธของตัวเอง
ในขณะเดียวกันผู้คนที่ไม่ได้รับเครื่องรางปวงเทพต่างเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวังและเสียใจบางคนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาอย่างห้ามไม่อยู่จนได้ยินเสียงหัวเราะทั้งน้ำตาจากหลายๆครอบครัวดังอื้ออึงไปทั่วบริเวณ
พิธีกรรมเสร็จสิ้นลงแล้วและชางลั่วเฟิงไม่ได้รับเครื่องรางปวงเทพ........
อายุ 16 ปีแล้วแต่ยังไม่เคยสัมผัสเครื่องรางปวงเทพ ? ในความเป็นจริงแล้วมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะได้รับเครื่องรางปวงเทพ การใช้ชีวิตแล้วอยู่อย่างสามัญชนทั่วไปเป็นอนาคตเพียงหนึ่งเดียวที่กำลังรอเขาอยู่
ทุกคนในราชวงศ์ต่างเมินเฉยต่อเขาราวกับเขาเป็นเพียงแค่เศษฝุ่นไร้ค่าที่ไม่มีใครมองเห็น
ตอนเริ่มพิธีสนมหลิงคาดหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดกับชางลั่วเฉินลูกชายของนาง นางหวังว่าเขาจะได้รับเครื่องรางปวงเทพและนางยังเชื่อว่าเขาไม่จำเป็นต้องเป็นนักรบที่แก่กล้า แค่เขาสามารถดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรงห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บก็เพียงพอแล้วแต่สุดท้าย.....ความหวังทั้งหมดกลับพังทลายลง
ไม่ใช่แค่สนมหลิงเท่านั้นที่ผิดหวัง ชางลั่วเฉินก็รู้สึกผิดหวังเช่นกันที่เขาไม่ได้รับเครื่องรางปวงเทพและในตอนนั้นเองอัญมณีนิลกาลที่เขากำเอาไว้แน่นก็เรืองแสงออกมาเล็กน้อย
“ฟุ๊บบบ !”
ก่อนที่พิธีจะเสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์ดางดวงหนึ่งก็ตกลงมาใส่คิ้วของชางลั่วเฉินกลายเป็นเครื่องรางปวงเทพวงสีขาว.....
ความร้อนบริเวณคิ้วของเขาค่อยๆกระจายตัวแผดเผาไปทั่วร่างของเขาอย่างรุนแรง
“มันมาแล้ว! มันเกิดขึ้นแล้ว!” ชางลั่วเฉินโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ
ในตอนนี้ชางลั่วเฉินตื่นเต้นเป็นอย่างมากในที่สุดเขาก็ได้ครอบครองเครื่องรางปวงเทพ ! เขาไม่สนใจว่ามันจะอยู่ในระดับไหน ในตอนนี้เขารู้เพียงว่าความพยายามมาตลอด 16 ปีเกิดผลแล้ว !
ตลอดการทำพิธีไม่มีใครสังเกตเห็นว่าชางลั่วเฟิงก็อยู่ที่นี่ด้วยจนกระทั่งเขาได้รับ เครื่องรางปวงเทพ ทุกคนถึงได้หันกลับมาสนใจเขา…...
“นั่นองค์ชายเก้า เขาอายุครบ 16 ปีแล้วแถมร่างกายก็ยังอ่อนแอ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะโชคดีได้รับเครื่องรางในท้ายที่สุด!” พวกคนส่วนมากต่างพากันซุบซิบนินทาเพราะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น
ดวงตาขององค์ชายหกและองค์ชายแปดที่ยืนอยู่ข้างๆชางลั่วเฉินเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ ใบหน้าของพวกเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความตกตะลึง
“เป็นไปได้อย่างไร ?”
สนมหลิงหันมองไปยังชางลั่วเฉิน นางมองเห็นสัญลักษณ์ที่ปรากฏอยู่บนคิ้วของเขาและทันใดนั้นนางวิ่งเข้าไปหาลูกชายและคว้าตัวลูกชายเอาไว้แน่น “ชางลั่วเฉิน เจ้าทำได้ เจ้าทำได้แล้ว!” สนมหลิงพูดทั้งน้ำตาด้วยความตื้นตันใจ
ขันทีที่คอยรับใช้แม่ทัพหยุนหวู่เดินตรงเข้าไปหาชางลั่วเฉินก่อนจะเอ่ยปากพูด “ขอแสดงความยินดีกับพระสนมหลิงและองค์ชายเก้าด้วยที่ได้รับเครื่องรางปวงเทพ! จักรพรรดินีต้องการให้องค์ชายเก้าเข้าเฝ้า พระองค์ต้องการที่จะยืนยันระดับขั้นเครื่องรางปวงเทพขององค์ชายด้วยพระองค์เอง”
“จักรพรรดินีงั้นหรือ ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของสนมหลิงค้างอยู่แบบนั้น นางรับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่กำจะเกิดขึ้นนั่นทำให้นางรู้สึกกังวลเป็นอย่างมากจนต้องดึงชางลั่วเฉินให้ยืนหลบอยู่ด้านหลังของตนเอง
“ท่านแม่ ไปพบจักรพรรดินีกันเถอะ !” ชางลั่วเฉินกล่าว
ชางลั่วเฉินรับรู้ได้ว่าสนมหลิงมีท่าทีแปลกไปทันใดนั้นเขาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าจักรพรรดินีเป็นคนเจ้าเล่ห์มากแค่ไหน ฉะนั้นตลอดเวลาที่เข้าเฝ้าเขาจะต้องมีสติและระมัดระวังตัวให้มากๆ
ติดตามตอนต่อไป................