SGS บทที่ 36 – มอนสเตอร์จากยุคโบราณ! เผชิญหน้ากองทัพปีศาจ!
“โบ้วว!!” คลื่นดาบฟันใส่หมาป่าปีศาจจนเลือดสาดกระจาย มันส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด คลื่นดาบหลังจากโดนตัวมันแล้ว ก็ยังคงลากร่างมันพุ่งต่อไปเรื่อยๆไม่หยุด
“…….” เห็นฉากเลือดสาด สองสาวกรีดร้องออกมา
ฮินางิคุก่อนที่จะรู้จักวู่หยาน ก็เป็นแค่นักเรียนธรรมดา ถึงแม้ปกติเธอจะฆ่าไก่ฆ่าปลาก็เห็นเลือดออกเป็นประจำ แต่ภาพตรงหน้ามันมากเกินไป ทำให้เธออดที่จะกลัวไม่ได้
ตรงกันข้ามกับฮินางิคุ มิโคโตะอาศัยในโลก Magical Index และมีพลังในระดับท๊อปของโลกนั้น แต่เธอก็เป็นเหมือนดอกไม้ในบ้าน ที่เห็นแต่ด้านสว่างของเมืองแห่งการศึกษา ในฐานะคุณหนูของโทคิวะได เธอไม่เคยฆ่าแม้แต่ไก่ แล้วจะทนฉากนองเลือดตรงหน้าได้ยังไง?
วู่หยานไร้การตอบสนองต่อเสียงร้องของสองสาว ตวัดดาบใส่หมาป่าอีกครั้ง
วู่หยานเข้าใจดีว่าฮินางิคุและมิโคโตะกำลังช็อคอยู่ แต่เขาไม่มีเวลาไปพูดปลอบ เพราะตอนนี้ถ้าเสียสมาธิไป มันจะกลายเป็นพวกเธอที่ต้องมาเป็นห่วงเขาแทน
ดาบนี้ทำให้เกิดแผลขนาดใหญ่ขึ้น เลือดสาดกระจายอีกครั้ง หมาป่าปีศาจส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
ดวงตาทั้งคู่ของมันจ้องเขม็งที่ตัววู่หยาน นัยน์ตาแดงก่ำ คำรามอย่างเกรี้ยวกราด อ้าปากเผยฟันแหลมคม แล้วกัดเข้าไปที่หัววู่หยาน
ระยะห่างระหว่างวู่หยานกับหมาป่าปีศาจ พูดได้ว่าน้อยกว่าสองเมตร แต่ทว่าตอนเขาอาศัยอยู่ที่ป่าสัตว์อสูร เขาได้สู้กับหมาป่ามากกว่าหนึ่งครั้ง นิสัยของมันเขาเข้าใจดี ยิ่งบาดเจ็บมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งบ้าคลั่ง!!
ถึงแม้วู่หยานจะไม่เก่งถึงขนาดเดารูปแบบการโจมตีของมันได้ แต่เขาที่เตรียมตัวรออยู่แล้วก็สามารถหลบได้ไม่ยาก
ก้มหัวหลบ ตอนนี้เขากำลังอยู่ใต้ร่างมัน วู่หยานพลิกตัวกลางอากาศ ก่อนที่จะแทงดาบเข้าที่คอหมาป่า
ดาบทะลวงผิวหนังและลำคอหมาป่าปีศาจ ปลายดาบทะลุออกหลังคอมัน
ราวกับว่า เวลาได้หยุดนิ่งลง......
“ชนะแล้ว!” ฮินางิคุส่งเสียงดีใจราวกับว่าเธอเป็นคนชนะเอง ลืมเลือนความกลัวต่อเลือดและปีศาจไปจนหมด กระโดดขึ้นๆลงๆขณะที่ปากก็หัวเราะอย่างมีความสุข
“หึ ก็ไม่เลวนี่....” ถึงแม้การต่อสู้ระดับนี้จะไม่สมควรทำให้เธอรู้สึกกลัวก็เถอะ แต่ก็ยังมีประโยชน์ต่อเธออยู่ เพราะปกติเวลาสู้เธอก็ใช้แต่สายฟ้ายิงเอาอย่างเดียว ไม่ก็ใช้เรลกันปิดฉาก
การต่อสู้ของวู่หยานถึงจะคนละระดับกับเธอ แต่มันก็ได้เปิดหูเปิดตาเธอไม่น้อยในเรื่องการใช้ดาบ เพราะปกติเธอก็จะใช้ไฟฟ้าสร้างดาบแส้ทรายเหล็กมาโจมตีเหมือนกัน ดังนั้นการต่อสู้นี่ ทำให้มิโคโตะรู้ ว่าดาบมันก็ใช้สู้แบบนี้ได้ด้วย.....
ฝ่ายหนึ่งคือ มิโคโตะที่ไม่มีประสบการณ์สู้จริงมาก่อนเลย แต่เลเวลสูง กับอีกฝ่าย เฟยเฟยที่เลเวลน้อบกว่า แต่มีประสบการณ์สู้จริงสูง มิโคโตะก็อาจจะไม่ชนะเฟยเฟยก็เป็นไปได้ เพราะฝีมือของเฟยเฟยได้ถูกขัดเกลาในโลกซิลวาเรียที่โหดร้าย แต่พลังของมิโคโตะมาจากวิทยาศาสตร์
จากตรงนี้ จะเห็นได้ว่ามิโคโตะยังมีจุดที่ปรับปรุงอีกพอสมควรเลย ถ้าเธอได้ประสบการณ์สู้จริงๆในถ้ำนี่ มันอาจจะไม่ได้ทำให้เธอเลเวลขึ้น แต่พลังต่อสู้โดยรวเธอจะเปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคนแน่!
วู่หยานเอาเท้ายันร่างหมาป่าปีศาจ แล้วดึงดาบออกมา เขาอยู่ใต้ตัวมันตอนมันตาย ดังนั้นร่างมันจึงกำลังทับตัวเขาอยู่ วู่หยานทำได้แค่ดิ้นให้ตัวเปียกเลือกน้อยที่สุด
ดึงดาบขึ้นมาได้ วู่หยานก็เอาร่างหมาป่าให้ระบบ เป็นเพราะไม่มีผลึกเวทมนตร์ในตัวมัน เขาจึงไม่ได้แต้มความสามารถ(Ability Point) ได้แค่แต้มไอเท็มนิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรล่ะนะ
เห็นซากศพหมาป่าหายไป ฮินางิคุกับมิโคโตะทำสีหน้าสงสัย แต่ไม่นานก็ผ่อนคลายลง มีระบบ อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่แปลก ยิ่งกว่านั้นมันก็แค่ร่างมันหายไป ไม่ใช้วู่หยานหายไป.......
“นายไม่เป้นไรนะ?” มองสำรวจวู่หยาน ฮินางิคุเอ่ยถามอย่างใจเย็น ฉากเลือดสาดเมื่อกี้โดเนเธอโยนทิ้งจากหัวไปเรียบร้อยแล้ว
มิโคโตะก็เป็นเหมือนกัน ถ้าเปลี่ยนเป็นมนุษย์ด้วยกัน เธอคงจะจิตตกไปไม่น้อย กับคนจิตใจดีอย่างเธอ ที่แม้แต่คนเลวร้ายถึงขนาดให้อภัยไม่ได้ เธอก็ยังให้อภัย ไม่งั้นในเนื้อเรื่องหลัก ตอนที่เธอยิงเรลกันใส่เอคเซลาเรเตอร์ เธอยังเลี่ยงไม่ยิงใส่จุดตายเลย ขนาดเห็นน้องสาวตัวเองโดนฆ่ากับตา นี่ไม่ใช้แสดงถึงจิตใจอันเมตตาของเธอ?
นิสัยของมิโคโตะทำให้วู่หยานคิดว่า ถ้าวันนึงเธอไปเจอคู่ต่อสู้จริงๆขึ้นมา อาจถูกฆ่าด้วยนิสัยอ่อนโยนนี่ก็ได้ แต่นี่ก็คือคุณหนูเรลกันที่เขาชอบ ถ้ามีวันนั้นจริง ศัตรูของเธอก็คือศัตรูของเขาด้วย เธอที่ไม่กล้าฆ่า เขาจะลงมือทำเอง!
…….แต่นั่นก็คงต้องรอให้เขาแข็งแกร่งกว่านี่ก่อนอ่ะนะ......
“ฉันไม่เป็นไร...” วู่หยานสะบัดคุซานางิเพื่อไล่คาบเลือดออก เห็นพวกเธอไม่เป็นอะไรแล้ว เขาแอบโล่งอกในใจ
ถ้าเกิดแค่นี้ยังกลัวกัน แล้วต่อจากนี้ล่ะ? โชคดีจริงๆที่ไม่เป็นไรแล้ว...........
มิโคโตะทำท่าจะพูดอะไรบ้างอย่าง ทันใดนั้นวู่หยานกับมิโคโตะก็หน้าเปลี่ยนสี ทั้งคู่รีบขยับมายืนหน้าฮินางิคุ ด้วยใบหน้าตื่นตัว
“เกิดอะไรขึ้น?” ไม่เข้าใจท่าทางของทั้งสองคน ฮินางิคุดึงแขนเสื้อมิโคโตะเอ่ยถาม
นั้นวู่หยานและมิโคโตะมองหน้ากัน ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “แขกไม่ได้รับเชิญมาน่ะ......”
ไม่นานนัก ก็มีเงาสูงใหญ่ปรากฏออกมา บางตัวก็บินมา ไกลออกไปในความมืด มีตัวอะไรบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามา จากฝุ่นควันที่ตลบอบอวลไปทั่ว จดูท่าอีกฝ่านจะมีจำนวนไม่น้อยเลย!
“นั่นมันอะไรน่ะ?” ฮินางิคุยืนเซ่อมองดูเงาดำที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เงานั่นมันเหมือนกับหมาป่าตัวเมื่อกี้เลย!
มือถือคุซานางิ เส้นประสาทตึงเปรี๊ยะ ยิ้มฝืนๆ “ดูเหมือนเราจะเข้ามาในรังปีศาจแล้ว......”
มิโคโตะได้ยิน ก็มองบนใส่วู่หยาน “ผิดแล้วย่ะ พวกเราตั้งใจเดินเข้าหารังมันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“...ก็นะ...” วู่หยานอึ้ง ก่อนจะยิ้มเจื่อนๆตอบ
เงาวิ่งมาอย่างรวดเร็วจนเกิดสายลมแรงพัด ฝุ่นยิ่งเข้าใกล้มาเรื่อยๆ พื้นดินสั่นสะเทือน ทั้งสามคนมองดูรอบตัวด้วยสีหน้าแตกต่างกันออกไป...
จนในที่สุด ก็มาถึงตรงหน้า......
ฝุ่นร่วงลงเงาก็หยุดตัว พร้อมๆกับเสียงคำรามดังขึ้น!
บนใบหน้าของฮินางิคุประดับไปด้วยรอยยิ้ม ไม่มีอาการตื่นกลัว ภายในแววตามีแต่ภาพแผ่นหลังวู่หยาน
มิโคโตะมีกระแสไฟฟ้ารอบตัว ซึ่งรุนแรงมากกว่าครั้งก่อนๆ เกิดเสียง ‘เปรี๊ยะๆ’ ขึ้นไม่หยุด ผมเธอปลิวไสวไปด้วยไฟฟ้า สายตามองข้างหน้าโดยไร้ซึ้งความกลัว!
วาดดาบคุซานางิไปข้างหน้า ใบดาบสะท้อนแสง มือเดียวถือดาบ สีหน้าอารมณ์ได้หายไปหมด เหลือเพีบงใบที่สงบกับหัวใจที่นิ่งดุจผืนน้ำ
ในสถานการณ์อันตรายแบบนี้ ต้องใจเย็น เพื่อชนะ เพื่อเอาชีวิตรอด และเพื่อร่างบางข้างหลังเขา.........
ข้างหน้าพวกเขา มีปีศาจที่ต่างทั้งรูปร่าง ขนาด ความแข็ง เต็มไปหมด สายตาแดงก่ำของพวกมันจดจ้องมาที่พวกเขา ปากก็หุบเข้าหุบออก เสียงคำรามที่ไร้แบบแผนดังออกมา สั่นสะเทือนอากาศ
พวกมันมีกี่ตัวกัน? หนึ่งร้อย? หนึ่งพัน? หรือหนึ่งหมื่น?
ทั้งสามคนไม่รู้ เพราะพวกข้างหลังถูกตัวข้างหน้าบังมิด ด้วยจำนวนมหาศาลและรูปร่างหน้าตาพวกมัน มากพอที่จะทำให้คนจิตไม่แข็งหวาดกลัวจนเป็นบ้าได้
“ฮินางิคุ มิโคโตะ พวกเธอกลัวกันมั้ย?” อยู่ๆวู่หยานก็พูดขึ้นมา
สองสาวได้ยินก็ประหลาดใจ ก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกัน
กรีบดอกซากุระปรากฏออกมาจากความว่างเปล่ารอบตัวฮินางิคุ ก่อนที่จะรวมตัวที่มือเธอ ค่อยๆเกิดเป็นรูปดาบคาตะนะ ฮินางิคุจับชิโระซากุระ แล้วยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่สวยงามมาก “แปลกจริงๆ ฉันควรจะรู้สึกกลัวถึงจะถูก แต่ไม่รู้ทำไม ถึงไม่เป็นแบบนั้นเลยนะ?”
พื้นดินสั่นไหว ก่อนจะมีลูกเหล็กสีดำอันเล็กๆลอยออกมาจากหิน ไปรอมตัวบนฟ้า ข้างๆมิโคโตะ คลื่นทรายเหล็กหมุนวนล้อมรอบตัวเธอไว้ มิโคโตะยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยใจสู้ “เหอะ นายคิดว่าฉันเป็นใครกัน? ฉันคืออันดับ3แห่งเมืองการศึกษา เรลกัน นะ!”
ได้ยินคำตอบของสองสาว วู่หยานยิ้มอ่อนส่ายหวั ในใจเกิดความรู้สึกพลุ่งพล่านขึ้น
วู่หยานถอยหลังหนึ่งก้าว มือกดๆจิ้มๆกลางอากาศ ภายใต้สายตาสงสัยของฮินางิคุและมิโคโตะ ก็มีขวดยาสองขวดและถั่วหลายเม็ด ปรากฏในมือวู่หยาน
ยื่นขวดยาให้สองสาว
“ฮินางิคุ! มิโคโตะ! พวกเธอเอาไปคนละขวด และกินมันซะ!”
ทั้งสองคนมองขวดยาในมืออย่างงุนงง ภายในขวดมีของเหลวสีทองอยู่
“มันคืออะไรอ่ะ?”
“มันชื่อ ‘ลมหายใจแห่งชีวิต’ เป็นไอเท็มรักษาชีวิต หนึ่งขวดมีผล3ชั่วโมง ภายใน3ชั่วโมง จะทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะ ‘ไม่เกิดบาดแผล’ ดังนั่นพวกเธอรีบๆกินมันเร็วเข้า!”
“ภายใน3ชั่วโมงไม่เกิดบาดแผล!” สองสาวมองขวดยาในมือด้วยสีหน้าช็อค นี่ไม่ใช้เป็น อมตะ หรอกเหรอ? แต่ฮินางิคุกลับสังเกตุได้อย่างนึง
“พวกเรากิน แล้วของนายล่ะ? ทำไมนายไม่กินด้วย?” สายตาฮินางิคุมองสำรวจวู่หยานไม่หยุด แต่ก็ไม่พบขวดยาขวดที่สาม ทำให้ฮินางิคุใจไม่ดีทันที
วู่หยานได้ยินก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ลมหายใจแห่งชีวิต ใช้100,000แต้มต่อขวด ฉันมีแต้มไอเท็มทั้งหมด268,000แต้ม จะแลกมันทั้งสามขวด ฉันมีแต้มไม่พอ.....”
“ถ้างั้น แล้วนายจะทำยังไง....” ได้ยินวู่หยาน ฮินางิคุก็กังวลทันที ไม่รอให้เธอเอ่ยปาก วู่หยานพูดขึ้นมาว่า
“เอาล่ะ รีบๆกินเร็วเข้า พวกมันกำลังจะบุกมาแล้ว!” มองดูกองทัพอีกฝ่ายที่ดูจะทนไม่ไหว วู่หยานรีบย้ายร่างมาตรงหน้าสองสาว ขณะที่มือถือดาบ ปากก็พูดเร่ง
“หยาน ฉันคิดว่านายควรเป็นคนกินยานี่นะ ตราบใดที่นายไม่ตาย ฉันก็ยังสามารถฟื้นคืนชีพได้!” แม้แต่มิโคโตะก็เริ่มกลัว วู่หยานไม่มีอะไรป้องกัน แล้วเธอจะสบายใจได้ยังไง
วู่หยานยิ้ม ไม่หันหน้ากลับมา แต่เสียงที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ก็ดังก้องในหุของสองสาว “มิโคโตะ ถึงแม้ตามหลักแล้ว ฉันควรเป็นคนกินยานี่จริงๆก็เถอะ แต่เธอก็ต้องรู้ว่า ฉันนอกจากเป็นผู้อัญเชิญเธอ ก็ยังเป็นผู้ชาย! ในฐานะผู้ชายคนนึงแล้วฉันจะหดหัวปล่อยให้ผู้หญิงเผชิญหน้าอันตรายได้ยังไง!!”
ติดตามข่าวสารได้ที่นี้ - ห้องสมุดคนรักนิยายแปล มีกลุ่มลับแล้ว