ตอนที่ 313 การปลดผนึกไป่
หลังจากที่การฝึกรอบสองลุล่วง หยี่ เยว่หยู่และหลี่ หลางก็ตั้งเต็นท์รออยู่ใกล้กับผู้คุม จากนั้นหลิน ฮวงก็เดินผ่านหมึกดำไป
ตำแหน่งแรกที่เขาไปก็คือป่าต้นโอ๊กอมตะเนื่องจากมันคือที่ที่ไทแรนด์ได้ปลดผนึก เขาอัญเชิญไคลี่ออกมาอีกครั้งและสั่งเธอให้คอยเฝ้าระวัง จากนั้นหลิน ฮวงก็อัญเชิญหมึกดำออกมาอีกครั้งและจากไป
ตำแหน่งต่อไปที่เขาเลือกคือภูเขาไฟที่ดับแล้ว เขาค้นพบที่แห่งนี้โดยบังเอิญเมื่อเขาขี่อินทรีอเล็กซานเดรี้ยนผ่าน เขารู้สึกว่าภูเขาไฟนี้เป็นที่กำบังที่ดี ดังนั้นเขาจึงตั้งพิกัดไว้บนหมึกดำ เขาไม่เคยรู้ว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อเขาจนกระทั่งตอนนี้
ตำแหน่งที่ถูกตั้งไว้คือทางเข้าภูเขาไฟ หลังจากที่หมึกดำถูกเรียกกลับ หลิน ฮวงก็อัญเชิญอินทรีอเล็กซานเดรี้ยน ขี่หลังมัน และค่อยๆลอยลงไปในภูเขาไฟ
มันเป็นภูเขาไฟที่ค่อนข้างใหญ่ด้วยความสูงกว่า5000เมตร รัศมีของฐานมันกว้างประมาณ100กิโลเมตร ไม่มีลาวาด้านใต้ภูเขาไฟเพราะทั้งหมดล้วนกลายเป็นหินภูเขาไฟจนหมดแล้ว ไม่มีแม้กระทั่งคลื่นพลังงานความร้อน หลังจากยืนยันว่าพื้นที่ภายในภูเขาไฟใหญ่พอ หลิน ฮวงจึงเก็บอินทรีอเล็กซานเดรี้ยนกลับเป็ฯการ์ดและหยิบเอาศพฟีนิกส์เพลิงออกมาจากช่องเก็บของ ในเวลาเดียวกัน ไป่ก็ถูกอัญเชิญออกมา
หลังจากที่ไป่ถูกอัญเชิญ มันก็ถูกกระตุ้นด้วยศพของฟีนิกส์เพลิง มันรู้ดีว่าศพนี้สามารถช่วยยกระดับมันได้ อย่างไรก็ตาม มันกลับหันมองหลิน ฮวงแทน รอคอยคำสั่งจากเขา
“ดื่มมัน”หลิน ฮวงสั่ง เขาค่อนข้างพอใจกับปฏิกิริยาของไป่ ไป่คือมอนสเตอร์ที่เชื่อฟังที่สุดท่ามกลางการ์ดมอนสเตอร์ทั้งหมดของเขา
เมื่อได้รับคำสั่งจากหลิน ฮวง ดวงตาของมันก็เปลี่ยนเป็นสีแดงในฉับพลันและพุ่งใส่ศพฟีนิกส์เพลิง มันกัดเข้าที่ลำคอฟีนิกส์เพลิงด้วยเขี้ยวและเริ่มดูดเลือด
หลิน ฮวงนั่งบนพื้นและรออย่างอดทน เขาเบื่อหลังจากผ่านไปสักพัก จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น เหม่อมองท้องฟ้า
แม้ว่าปล่องภูเขาไฟจะกว้าง แต่เขาก็รู้สึกราวกับเขากำลังจ้องมองดวงจันทร์ผ่านช่องแคบจากฐานภูเขาไฟที่มีความลึกหลายพันเมตร
เมื่อเหม่อมองท้องฟ้าผ่านปล่อง หลิน ฮวงก็ตกอยู่ในห้วงความคิด“ท้องฟ้าที่ฉันเห็นจากฐานภูเขาไฟไม่ใช่ท้องฟ้าที่สมบูรณ์ เช่นเดียวกับโลกที่ฉันเห็นในเขต7ซึ่งไม่ได้บ่งบอกว่าทั้งโลกแท้จริงเป็นอย่างไร โลกนั้นใหญ่มาก สิ่งที่ฉันเห็น สิ่งที่ฉันได้ยินและแม้กระทั่งสิ่งที่ฉันพบเจอในวันนี้ ทั้งหมดเป็นเพียงส่วนเล็กๆของโลก.....บางทีฉันอาจจะเลื่อนเป็นระดับเพลิงสวรรค์ในไม่ช้า และก้าวออกจากเขต7เพื่อสำรวจโลกอันแสนกว้างใหญ่...”เมื่อเวลาผ่านไป หลิน ฮวงก็ยังคงรออยู่ในภูเขาไฟอย่างอดทน
ศพของฟีนิกส์เพลิงเริ่มหดตัวขณะที่ไป่กำลังดื่มเลือดมัน ประมาณ10นาทีต่อมา เมื่อศพของฟีนิกส์เพลิงเกือบจะแห้งติดกระดูก ไป่ก็ผละออกจากศพ
แลบลิ้นของมันและเลียคราบเลือดที่ติดบนริมฝีปาก ร่างของไป่ค่อยๆลอยขึ้นไปในอากาศ ร่างของมันเปล่งแสงสีขาวออกมารอบตัว ผมสีขาวของมันกระพือแม้จะไม่มีลม ในไม่ช้า หมอกเลือดก็ค่อยๆกระจายผ่านอากาศและโอบล้อมมัน หลิน ฮวงสามารถสัมผัสได้ว่านั่นคือวิญญาณโลหิต แต่ทว่า มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นวิญญาณโลหิตปรากฏออกมาในลักษณะหมอกแปลกๆเพราะมันมักจะปรากฏในรูปแบบปีก ทันทีที่วิญญาณโลหิตปรากฏ กลิ่นอายของไป่ก็ทวีความรุนแรงขึ้น หมอกเลือดหนาขึ้นกว่าเดิมและแม้กระทั่งปกคลุมทั่วร่างไป่ มันแม้กระทั่งก่อตัวเป็นไข่สีเลือดขนาดใหญ่กลางอากาศ เมื่อแสงสีขาวจากฟ้าส่องลงบนมัน เปลือกไข่สีเลือดก็สะท้อนแสง
สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เหนือความคาดคิดของหลิน ฮวง เมื่อไคลี่ปลดผนึก เธอไม่ได้ผ่านกระบวนการนี้....
“ดูเหมือนว่ามันจะแตกต่างจากการวิวัฒนาการของไคลี่....”หลิน ฮวงเงยหน้าขึ้นและมองไข่สีเลือดอย่างตกใจ
“ไป่ครอบครองเลือดเทพในร่างมันแต่เพราะระดับพลังก่อนหน้านั้นอ่อนแอไป มันจึงไม่อาจกระตุ้นเลือดเทพในร่างได้ หลังจากที่มันปลดผนึก เลือดเทพจึงถูกกระตุ้นขึ้น ดังนั้น การกลายพันธ์ครั้งที่สามซึ่งถูกเรียกว่า’กลายพันธ์สูงสุด’จึงเกิดขึ้น”เสี่ยว เฮยอธิบาย
“ไป่กำลังผ่านการกลายพันธ์ครั้งที่สาม?!”จากนั้นหลิน ฮวงก็นึกถึงคำอธิบายบนการ์ดมอนสเตอร์ที่เขาไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก อย่างไรก็ตาม คำถามได้ผุดขึ้นในหัวเขา“มันจะเกิดคลื่นพลังไหม?”
ก่อนหน้านี้ ในระหว่างการกลายพันธ์ครั้งที่สอง หลิน ฮวงมักจะเลือกใช้สถานที่ที่ไม่เป็นจุดสนใจเพราะการกระจายของพลังงาน บางที มันคงก่อให้เกิดระลอกคลื่นพลังในระหว่างการกลายพันธ์ มีมอนสเตอร์หลุดพ้นจำนวนนับไม่ถ้วนในมิติและเมื่อกลิ่นอายของไป่ถูกปลดปล่อย มอนสเตอร์หลุดพ้นหลายตัวจะระบุไป่ให้เป็นเหยื่อพวกมัน นี่เพราะความการกินมอนสเตอร์กลายพันธ์สามครั้งจะช่วยพวกมันให้ผ่านการกลายพันธ์สามครั้งได้เช่นกัน
“ใช่ มันจะดึงดูดมอนสเตอร์จำนวนมาก ดังนั้น หลังจากที่มันเลื่อนระดับ เราต้องรีบหนีทันที”
หลิน ฮวงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบ หลังจากนั้นสักพัก คำถามอื่นก็ผุดขึ้นในหัวเขา“หลังจากที่ไป่กลายพันธ์เสร็จ เหตุการณ์เช่นเดียวกับมงกุฏราชันย์จะเกิดขึ้นไหม?”
เสี่ยว เฮยให้คำอธิบาย“ไม่ การ์ดมอนสเตอร์ที่ได้รับจากการฆ่ามอนสเตอร์หรือสะสมจากชิ้นส่วนการ์ดจะไม่มีทางทำลายข้อกำหนดของการ์ดได้ มีเพียงการ์ดมอนสเตอร์ที่ถูกผนึกหรือถูกบังคับเท่านั้นจึงจะมีโอกาสทำลายข้อกำหนดการ์ด นอกจากนี้ เนื่องจากระดับพลังลำนาจของท่านพัฒนาขึ้น ความสามารถของข้าจึงเพิ่มพูนขึ้นเช่นกัน มันไม่มีทางที่เหตุการณ์เช่นนั้นจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต”
“อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อจำกัดบนอำนาจท่าน ท่านจะไม่สามารถใช้การ์ดมอนสเตอร์ระดับตำนานได้ ดังนั้น หลังจากที่ไป่เลื่อนระดับ มันจะถูกผนึกไว้ ท่านจะไม่สามารถอัญเชิญไป่ได้ก่อนจะเลื่อนเป็นระดับเพลิงขาว”
แม้ว่าไป่จะไม่ทรยศ หลิน ฮวงก็ยังไม่อาจอัญเชิญไป่ได้หลังจากการกลายพันธ์
“เอาละ...”หลิน ฮวงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำอธิบาย เขามักจะใช้งานไป่มากที่สุดในหมู๋การ์ดมอนสเตอร์ แม้ว่าเดี๋ยวนี้เขาจะไม่ค่อยใช้มัน เขาก็ยังอดรู้สึกแปลกๆไม่ได้เมื่อรู้ว่าไปจะถูกผนึก
ไข่สีเลือดขนาดยักษ์กำลังหมุนอยู่ในอากาศ เมื่อลำแสงจากท้องฟ้าส่องบนมัน มันก็ดูราวกับงานศิลปะชิ้นเอกที่กำลังนำเสนอมันต่อผู้คน
จากนั้นหลิน ฮวงก็อัญเชิญอินทรีอเล็กซานเดรี้ยนและบินไปที่ปล่อง เขาเลือกคอยจับตาดูจากปล่องเพราะเขากลัวว่ามอนสเตอร์หรือมนุษย์คนอื่นจะเข้ามาแทรกแซงกระบวนการวิวัฒนาการของไป่
มันใช้เวลากว่า3ชั่วโมงนับตั้งแต่เริ่มกระบวนการ โชคดี ไม่มีมอนสเตอร์ตัวใดที่เข้าใกล้
ขณะที่หลิน ฮวงกำลังเฝ้าระวังอย่างเคร่งเครียด เขาก็ได้ยินเสียงแตกจากไกลๆ เขาเปิดใช้งานเนตรไร้ขอบเขตทันทีและมองไปตามทิศทางของเสียง
รอยแตกเล็กๆปรากฏบนไข่สีเลือดที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ จากนั้นกลิ่นอายสุดสะพรึงก็ค่อยๆพรั่งพรูออกมาจากรอยแตก....