GE 1 – 2 : 800 ปีต่อมา
GE 1 – 2 : 800 ปีต่อมา
ด้านหลังองค์ชายแปดมีทหารรักษาพระองค์ในชุดเกราะจำนวนหกนาย พวกเขาทั้งหมดล้วนเก่งกล้าในวรยุทธและยังเป็นส่วนหนึ่งของทหารประจำราชวงศ์
นางสนมหลิงได้ยินว่าด้านนอกมีเสียงเอะอะโวยวาย นางจึงปลอบชางลั่วเฉิน จากนั้นจึงปิดประตูห้องของลูกชายและเดินออกไปด้านหน้าตำหนักหยก
นางยืนหน้าบึ้งอยู่ตรงหน้าองค์ชายแปดผู้ซึ่งขณะนี้เข้ามาอยู่ในตำหนักแล้ว “ที่นี่คือ ตำหนักหยกแม้ว่าท่านจะเป็นองค์ชาย แต่ท่านก็ไม่สามารถบุกรุกเข้ามาที่นี่ได้”
องค์ชายแปดเจิงฉี๋เงยหน้าขึ้นและจ้องไปยังนางสนมหลิง “องค์ราชินีสั่งให้สนมหลิง และน้องเก้าย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์ซือยี๋ นับจากนี้ไปตำหนักหยกจะตกเป็นของสนมเซี่ยว เสด็จแม่ของข้า” องค์ชายแปดกล่าว
สนมหลิงยกยิ้มอย่างดูถูก นางคิดไว้อยู่แล้วว่าวันนี้จะต้องมาถึงแต่ไม่เคยคาดคิดว่าจะมาถึงเร็วเช่นนี้
สนมหลิงยิ้มเศร้าและกล่าวว่า “ในเมื่อองค์ราชินีสั่งให้พวกเราออกจากตำหนักหยก ลั่วเฉินและข้าจะย้ายออกไปในวันพรุ่งนี้!”
“ขออภัยด้วยสนมหลิง แต่ท่านแม่ของข้าจะย้ายเข้ามาที่ตำหนักหยกในคืนนี้ได้โปรดออกไปจากที่นี่โดยทันที!” องค์ชายแปดตอบ
นางรู้ดีว่าชางลั่วเฉินนั้นอ่อนแอมากดังนั้นนางจึงกล่าวขอร้ององค์ชายแปด “ท่านก็รู้ว่าลั่วเฉินนั้นอ่อนแอมากและตอนนี้อากาศด้านนอกก็หนาวเย็นจนถึงขั้วกระดูกจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหาก…”
องค์ชายแปดหัวเราะเยาะและกล่าวว่า “สนมหลิง มีคนยากจนจำนวนมากในโลกใบนี้และไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณค่ามากพอให้ได้รับการช่วยเหลือหากน้องเก้าของข้าอ่อนแอเช่นนั้นแล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร?”
“เขาเป็นน้องของเจ้านะ!” นางสนมหลิงตะโกนใส่องค์ชายแปด
นางสนมหลิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ทันใดนั้นประตูด้านหลังนางก็เปิดออก
ชางลั่วเฉินเป็นผู้เปิดประตูออกมาแม้ว่าเขาจะอ่อนแอและแทบจะไม่สามารถยืนทรงตัวอยู่ได้แต่เขาก็ยืนพิงขอบประตู จ้องหน้าองค์ชายแปดและกล่าวว่า “อย่าร้องขอความเมตตาจากพวกเขาเลย พวกเราจะออกไปเดี๋ยวนี้!” แม้ว่าชางลั่วเฉินจะดูเจ็บป่วยแต่ความมุ่งมั่นที่จะปกป้องมารดาของเขานั้นแน่วแน่มาก
“เฉินเอ๋อ เหตุใดเจ้าจึงลุกออกมาจากเตียง? อากาศด้านนอกมันหนาว! กลับเข้าไปในห้องของเจ้าได้แล้ว!” สนมหลิงเป็นกังวลว่าชางลั่วเฉินจะไม่สบายดังนั้นนางจึงรีบพาเขากลับเข้าไปในห้องทันที
ชางลั่วเฉินส่ายหน้าและกล่าวว่า “ท่านแม่ เราไม่จำเป็นต้องขอร้องใครวันหนึ่งเราจะกลับมาที่นี่ เราจะกลับมาที่ตำหนักหยก!”
สนมหลิงสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นของชางลั่วเฉิน นางพยักหน้าด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอ
นางสนมหลิงกอดเขาเอาไว้และเดินออกมาจากตำหนักหยก คนอื่นๆนอกจากสาวใช้ที่ถูกองค์ชายแปดทำร้ายจนแขนหักต้องอยู่ที่นี่เพื่อรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้….
ทุกคนต่างเห็นว่าสนมหลิงและองค์ชายเก้าได้สูญเสียอำนาจของพวกเขาไปแล้ว พวกเขาแทบจะไม่มีโอกาสที่จะทวงคืนอำนาจในตำนักแห่งนี้ได้เลย
สาวใช้ที่เคยรับใช้สนมหลิงได้ไตร่ตรองและตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้วในการที่จะอยู่ที่นี่และรับใช้องค์ชายแปดซึ่งเป็นเจ้านายคนใหม่
หลังจากโดนไล่ออกมาจากตำหนักสนมหลิงและชางลั่วเฉินก็ได้ย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์ซือยี๋ มันเป็นเรื่องปกติสำหรับนางสนมที่สูญเสียอำนาจสถานที่แห่งนี้ช่างเงียบสงบและห่างไกลจากพระราชวัง มันดูราวกับว่าได้ถูกทิ้งให้ว่างเปล่ามาเป็นเวลานาน
ลมพัดหนาวเย็นมากในยามดึกเช่นนี้
พวกเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่เย็นจัด ร่างกายอ่อนแอของชางลั่วเฉินถูกโอบคลุมด้วยเสื้อขนสัตว์ตัวหนาอย่างไรก็ตามท่ามกลางอากาศที่หนาวจัดนี้เขาก็รู้สึกหนาวเย็นกว่าปกติ
“ร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป! วิธีเดียวที่จะรักษร่างกายนี้ได้คือการฝึกฝนวรยุทธ หากเขายังอ่อนแอเช่นนี้แม้ว่าเขาจะเป็นบุตรชายของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แต่ทั้งเขาและท่านแม่ก็จะยังคงถูกคนอื่นๆรังแกอยู่ดี” ชางลั่วเฉินคิด
800 ปีที่ผ่านมาชางลั่วเฉินไม่รู้เลยว่าจะมีที่ไหนจะอ้าแขนต้อนรับเขาแต่ในตอนนี้ เขาได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างกายนี้ เขาจำเป็นต้องเข้มแข็งขึ้นเพื่อแก้แค้นจักรพรรดินี ฉือเหยาและปกป้องท่านแม่ของเขาให้จงได้ !
พวกเขาต้องอดทนกับความอัปยศอดสูเพราะความอ่อนแอของชางลั่วเฉิน เขาไม่อาจควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้แม้กระทั่งที่อยู่อาศัยของเขาก็ถูกพรากจากไปทั้งหมดนี้ล้วนสร้างแรงจูงใจให้กับชางลั่วเฉินที่จะกลับมาเข้มแข็งเพื่อปกป้องท่านแม่และกำหนดโชคชะตาของตัวเอง
ชางลั่วเฉิน รู้ว่าหากเขาต้องการให้คนเคารพ เขาจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ เขาจำเป็นต้องเป็นนักรบและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขาเองก็สามารถเป็นนักรบที่เก่งกาจได้
การจะเป็นนักรบของดินแดนคุนหลุนการได้ครอบครอง "เครื่องรางปวงเทพ" คือขั้นตอนแรกที่เขาต้องทำ
"เครื่องรางปวงเทพ" คือสิ่งที่เทพเจ้ามอบให้กับมนุษย์เพื่อใช้ในการฝึกฝนวรยุทธคนที่ไม่สามารถเปิด "เครื่องรางปวงเทพ" จะไม่สามารถฝึกพลังปราณที่แท้จริงได้ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงพลังปราณจากพื้นพสุธาสู่สวรรค์ชั้นฟ้าได้.....
ชางลั่วเฉินมีอายุครบ 16 ปีแล้วและเขายังไม่ได้ครอบครอง "เครื่องรางปวงเทพ" ในขณะนี้
อายุที่ดีที่สุดสำหรับการฝึกฝนคือก่อน 16 ปี หลังจากผ่านพ้นช่วงอายุนี้ไปแม้ว่าจะเปิด "เครื่องรางปวงเทพ" ได้แต่มันจะไม่ประสบความสำเร็จมากเท่ากับช่วงอายุก่อน 16 ปี
ทั้งองค์ชายแปดและชางลั่วเฉินเป็นลูกชายของแม่ทัพหยุนหวู่เหตุใดองค์ชายแปดจึงสามารถไล่สนมหลิงและชางลั่วเฉินออกมาจากตำหนักหยกได้?
เหตุผลก็ค่อนข้างง่าย องค์ชายแปดได้รับ "เครื่องรางปวงเทพ" ในขณะที่เขาอายุเพียง 10 ปีตอนนี้เขาก้าวมาถึงระดับอำพันจักรสวรรค์และกลายเป็นนักรบหนุ่มผู้เก่งกาจในพระราชวังแห่งนี้ !
“ตราบใดที่ข้าได้รับ 'เครื่องรางปวงเทพ' ข้าก็สามารถฝึกฝน 'คัมภีร์หมิงเก้าชั้นฟ้า' ได้ด้วยความลี้ลับของ 'คัมภีร์หมิงเก้าชั้นฟ้า' ข้าก็ยังสามารถกลายเป็นนักรบที่เก่งกาจได้แม้ว่าจะพลาดช่วงอายุที่ดีที่สุดไปก็ตาม”
คัมภีร์หมิงเก้าชั้นฟ้าเป็นคัมภีร์ระดับสูงสุดที่จักรพรรดิหมิงได้ฝึกฝนนอกจาก จักรพรรดิหมิงแล้ว ชางลั่วเฉินก็เป็นเพียงคนเดียวที่เข้าใจเทคนิคทั้งหมดของคัมภีร์หมิงเก้าชั้นฟ้า
“พรุ่งนี้เป็นวันบูชาเทพเจ้าหวังว่าข้าจะได้รับ 'เครื่องรางปวงเทพ' และสามารถเปิดมันออกได้” ชางลั่วเฉินกำหมัดแน่นด้วยความมุ่งมั่น เขามีความปราถนาแรงกล้าที่จะเปิด "เครื่องรางปวงเทพ" ให้ได้
หลังจากทำความสะอาดห้องพักแล้วสนมหลิงก็ค่อยๆพยุงชางลั่วเฉินไปยังตียงนอนและกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เฉินเอ๋อ เจ้านอนพักเสียเถอะ เราจำเป็นต้องเข้าร่วมพิธีบูชาเทพเจ้าในวันพรุ่งนี้”
“ท่านแม่ ข้ามั่นใจว่าพรุ่งนี้ข้าสามารถเปิดเครื่องรางปวงเทพได้แน่! เชื่อข้าสิ!” ชางลั่วเฉินกล่าวอย่างมั่นใจ
“เฉินเอ๋อ แม่เชื่อในตัวเจ้า!”
นางสนมหลิงมองเข้าไปในดวงตาของชางลั่วเฉินและถอนหายใจเบาๆ
ในความเป็นจริงแล้วนางไม่ได้คาดหวังว่าชางลั่วเฉินจะสามารถเปิดเครื่องรางปวงเทพได้ เขาอายุครบ 16 ปีแล้วและมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถเปิดมันได้ในขณะนี้
แต่อย่างไรก็ตามในฐานะแม่นางต้องให้กำลังใจลูกและสร้างความมั่นใจให้กับเขา...
ติดตามตอนต่อไป...........