บทที่ 27 - เรียกฉันว่าอิชมาเอล (3)[อ่านฟรีวันที่ 10/08/61]
บทที่ 27 - เรียกฉันว่าอิชมาเอล (3)
การตั้งปาร์ตี้นั้นก็ง่ายมากๆ แค่เขาจับมือของคังมิเรย์และคิดขึ้นมันก็จบแล้ว
[ปาร์ตี้ได้ถูกสร้างขึ้น]
[สมาชิกปาร์ตี้: 2]
ในตอนนี้มันน่าทึ่งอย่างมาก เขารู้สึกว่าเขาใกล้ชิดกับคังมิเรย์มากขึ้นกว่าเดิม นี่ไม่ใช่แค่การคิดไปเองเท่านั้น มันให้ความรู้สึกราวกับว่าสัมผัสทั้งห้าของเขาได้ขยายออกไปและครอบคุมคังมิเรย์เอาไว้ข้างใน
"อะไรนะ? นี่มันเหมือนกับว่าคุณเป็นคนที่ปาร์ตี้ครั้งแรก......"
"ฉันก็แค่สะดุ้งเพราะมันนานแล้วนะ"
ยูอิลฮานได้ตอบคำถามของคังมิเรย์ไปอย่างสงบๆ พร้อมกับคิดว่าเขาควรจะระวังตัวให้มากกว่านี้ในอนาคตและหยิบเอาหอกเหล็กของเขาออกมาถือ ในตอนนี้เขาก็นึกขึ้นได้ว่านี้เป็นครั้งแรกที่เขาหยิบเอาหอกขึ้นมานับตั้งแต่ที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น
"ฟู่...."
สายตาของยูอิลฮานได้จ้องไปที่เสือดาวสีดำที่ถูกเลือดท่วมทั้งตัวอย่างเย็นชา
ศัตรูตัวนี้ต่อให้เขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีในการสู้กับมันแล้วก็ตามแต่เขาก็ยังต้องเผชิญกับความยากลำบาก! เขาไม่เคยมีความคิดที่จะไว้ชีวิตมันเอาไว้ต่อให้มันคุกเข่าอ้อนวอนก็ตามที
ต่อให้เขาไม่ทำอะไรกับมันเสือดาวตัวนี้ก็คงจะตายไปอีกไม่นานแน่ๆ แต่ว่าเขาก็ไม่รู้ว่าจะไปรอทำไมทำให้เขาสูดหายใจสั้นๆและจากนั้นก็ปาหอกออกไปด้วยแรงทั้งหมด
[คุณได้รับค่าประสบการณ์ 2,938,097]
[คุณได้กลายเป็นเลเวล 36 พลังกำลัง ความว่องไว สุขภาพ พลังเวทย์เพิ่มขึ้นอย่างละ 10]
[คุณได้รับบันทึกเสือดาวเงา เลเวล102]
ชุดข้อความได้ปรากฏขึ้นมาจนทำให้เขาตกใจทันที จากนั้นเองความกดดันจากการเปลื่ยนแปลงของร่างกายของเขาก็ได้เกิดขึ้นเพราะการที่เลเวลเพิ่งขึ้น 8 เลเวลมันเป็นช่วงที่ใหญ่มาก
ยูอิลฮานได้ฝืนกัดฟันทนกับความทรมานจากการที่กล้ามเนื้อและกระดูกพัฒนาตัวเองเอาไว้ คังมิเรย์ก็ดูเหมือนจะเจอกับสิ่งเดียวกันเนื่องจากเธอกำลังตัวสั่นอยู่ภายในรถหุ้มเกราะของเธอ
"นี่ฉันคิดว่าฉันจะได้มันคนเดียวอีกแล้วซะอีก"
ยูอิลฮานได้คิดว่าได้มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นเพราะว่าค่าประสบการณ์ที่เขาได้รับมาเมื่อนำไปเทียบกับตัวเสือดาวยักษ์มันมากกว่าซะอีก แต่ว่าดูเหมือนว่าคังมิเรย์ก็ได้รับค่าประสบการณ์ตามปกติเช่นกัน เอิลต้าที่ได้ยินคำถามนี้ก็ตอบกลับมาอย่างไม่ใสใจ
[มันมีข้อแตกต่างที่ใหญ่มากๆระหว่างมอนสเตอร์คลาส 3 กับ คลาส 2 นะ เหมือนๆกันกับที่ คลาส 1 กับ คลาส 2 ต่างกัน]
"งี้นี่เอง"
จากนั้นจู่ๆความเจ็บปวดก็หายไปอย่างกะทันหัน ยูอิลฮานได้ขยับร่างกายเบาๆเพื่อที่จะยืดเส้นยืดสายร่างกายของเขา จากนั้นก็มองไปที่เสือดาวที่นอนฟุบกับพื้นอย่างไร้ซึ่งชีวิต เขาได้จ้องไปที่มันอย่างแน่วแน่โดยเฉพาะหนังของมัน
"นี่มันไม่ดีเลย"
[ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าทำไม่คุณถึงไม่พูดถึงซักที]
มันเป็นมอนสเตอร์คลาส 3 ไม่ว่ามันจะมีความสามารถพิเศษในการปกปิดตัวตนและหนังของมันมีความทนทานน้อยกว่ามอนสเตอร์คลาส 3 ตัวอื่นๆก็ตาม แต่ว่ามันก็ยังนับเป็นหนังของมอนสเตอร์คลาส 3 อยู่ดี! ถ้าหากว่าเขาทำเกราะขึ้นมาจากหนังของมัน เกราะของเขาก็จะต้องก้าวข้ามเกราะที่เขาใช้อยู่ตอนนี้ไปก้าวใหญ่ๆแน่นอน
แน่นอนว่าเนื่องจากว่ามันเป็นมอนสเตอร์คลาส 3 จึงทำให้เขาต้องใช้ทุกๆอย่างที่เป็นไปได้เพื่อเอาชนะมัน ผลที่ออกมาก็คือหนังของมันเสียหายไป
"ขอโทษนะที่ฉันแข็งแกร่งไม่พอ...!"
[อย่าไปขอโทษหนังสิ]
ในขณะที่ยูอิลฮานชำแหละเสือดาวเขาก็ร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร แม้ว่าหนังจะเอามาทำเกราะไม่ได้ แต่ว่าถ้าเป็นอย่างอื่นมันก็ยังมีอีกมากที่เขาจะเอาหนังไปทำได้
เมื่อคิดได้แบบนี้แล้วเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกไปไปทำเกราะบางส่วนขึ้นมา ในตอนที่เขากำลังแทงมีดเข้าไปในหัวของมันพร้อมกับคิดหาทางสร้างชิ้นส่วนเกราะที่ดีที่สุดบนโลกนั้นเอง
"...หือ?"
ยูอิลฮานได้ส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ
"นี้มันมีหินพลังเวทย์ด้วย?"
[ทั้งแม่ทั้งลูกของมันต่างก็มีหินพลังเวทย์งั้นหรอ? โชคดีจริงๆ]
หินพลังเวทย์ก็คือความแข็งแกร่งที่เหลืออยู่ของมอนสเตอร์ หินพลังเวทย์จะเกิดขึ้นมาในตอนที่มอนสเตอร์ตายซึ่งมานาของมันจะไหลออกมาจับตัวเป็นก้อน และเพราะแบบนี้การที่จะได้หินพลังเวทย์จึงขึ้นอยู่กับโชคเอามากๆ เพราะหากว่ามานานั้นรั่วไหลออกไปข้างนอกมันจะไม่เกิดหินพลังเวทย์ขึ้นมา
สถิติที่มนุษย์ในโลกอื่นได้หินพลังเวทย์ก็คือ 17% แถมความน่าจะเป็นก็จะยิ่งลดลงไปอีกหากเป็นมอนสเตอร์คลาสต่ำๆ แต่ว่าหากเป็นมอนสเตอร์คลาสสูงๆความเป็นไปได้ที่จะเกิดหินพลังเวทย์ก็จะเพิ่มขึ้น แต่ว่ามันก็แค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง
ไม่ว่ายังไงแล้วสำหรับตัวยูอิลฮานคือเขาโชคดีมากๆ
"เดี๋ยวนะ ถ้างั้นนี้มัน"
ยูอิลฮานอดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงเงื่อนไขในการวิวัฒนาการสกิลพักผ่อนของเขา ในตอนนี้เขาได้รับหินพลังเวทย์ของมอนสเตอร์คลาส 3 ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่หาได้ยากที่สุดมาแล้ว นี่มันไม่ใช่ว่าเงื่อนไขอื่นๆเขาก็จะต้องทำได้แล้วงั้นหรอ!?
ยังไงก็ตามเขาก็เก็บความคิดนี้กลับไปเมื่อคิดขึ้นได้ว่านี่เป็นของที่เกิดขึ้นจากการปาร์ตี้ มันยังไม่สายเกินไปหากจะคิดถึงเรื่องหินพลังเวทย์นี้หลังจากแบ่งของกันเสร็จแล้ว
เขาได้คิดจุกจิกไปกับหลักการแปลกๆ
"ฉันได้มาประมาณ 1.5 ล้าน แล้วคุณล่ะ?"
ในตอนนี้เองคังมิเรย์ได้ลงมาจากรถและคุยกับเขา ยูอิลฮานได้ตอบกลับไปตรงๆ
"ฉันได้ประมาณ 3 ล้าน"
"3 ล้าน..."
เธอได้ยิ้มขึ้นอย่างขมขื่นและพูดเลขนั้นซ้ำขึ้นมา ยูอิลฮานก็ยังสังเกตุเห็นได้ว่ามุมปากของเธอได้โค้งขึ้น
"แต่ว่าความแตกต่างนี่มันน้อยกว่าที่ฉันคิดซะอีก ฉันคิดว่าส่วนร่วมของฉันจะน้อยกว่านี้ซะอีก"
"ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะเธอคังมิเรย์ ฉันก็ไม่มีทางฆ่ามันได้แน่ ฉันคิดว่าเธอเป็นผู้ช่วยที่สำคัญ...."
ยูอิลฮานไม่ได้มีความคิดจะประจบเธอเลย เขาแค่พูดออกมาตรงๆ แต่ยังไงก็ตามเสียงของคังมิเรย์ก็ยังคงเบาบางอยู่ดี
"คุณคิดงั้นหรอ? ในสำหรับการปาร์ตี้แล้วเกณฑ์การตัดสินของส่วนร่วมมันจะสมบูรณ์แบบและถูกแบ่งออกมาเป็นค่าประสบการณ์ คำพูดของคุณก็คงจะถูกต้อง.... เดี๋ยวนะ ช่วยบอกชื่อฉันได้ไหมเพราะว่าฉันไม่อยากจะเลือกคุณว่า 'คุณ' หรือจะให้ฉันเรียกคุณว่าบุรุษความเร็วแสง"
"ฉันชื่อยูอิลฮาน"
เขาได้ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่เคยชอบในชื่อเล่นนั่นเลย คังมิเรย์ที่เห็นแบบนี้ก็ยังหลุดหัวเราะออกมา เขาได้คิดว่านี่ก็ยังเป็นเรื่องดีที่ทำให้เธออารมณ์ดีขึ้น
"หินพลังเวทย์นั่นเป็ของคุณ คุณยูอิลฮาน เมื่อวันนั้นฉันก็บอกคุณไปแล้วใช่ไหม? หินพลังเวทย์มีค่า 60% ของส่วนทั้งหมด ส่วนร่วมของเราคือประมาณ 2:1 ดังนั้นสมมติว่าคุณทำการชำแหละให้ฉันด้วยแล้ว งั้นฉันก็คิดว่ามันคงจะเหมาะสมที่จะแบ่งร่างของมันเป็นครึ่งๆได้ใช่ไหม?"
"ไม่ใช่ว่าเธอได้น้อยไปหรอ?
"ฉันคิดว่าคุณอาจจะยังไม่รู้แต่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดบนโลกในตอนนี้มันไม่ใช่ทั้งนักรบหรือจอมเวทย์แต่เป็นนักชำแหละ ฉันไม่คิดว่าจะมีใครที่ชำแหละได้ดีไปกว่าคุณบนโลกนี้อีกแล้วคุณยูอิลฮาน สำหรับบนโลกตอนนี้น่ะนะ ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องปกติที่เป็นแบบนี้"
ยูอิลฮานได้เหงื่อตกกับความซื่อตรงของเธอ เขาได้ยกย่องในตัวเธอและเก็บหินพลังเวทย์ไปเงียบๆจากนั้นก็เริ่มทำการชำแหละ เสือดำที่เขาคิดว่ามันตตัวเล็กก่าแม่มันก็ไม่ได้ตัวหดลงไปเลยถึงแม้ว่ามันจะตายไปแล้วดังนั้นในเชิงปริมาณแล้วหนังและกระดูกที่เขาได้จากการชำแหละมันมากยิ่งกว่าที่เขาได้จากแม่ของมันซะอีก
ในขณะที่เขากำลังทำการชำแหละ คังมิเรย์ก็ได้สั่งให้เฟร็ดไปเก็บเอาปืนกลกับเข็มขัดกระสุนกลับมาและโทรไปหาที่ไหนซักที่ ยูอิลฮานก็ยังคงคิดเหมือนกับแต่ว่าว่าเธอดูจะมีความสัมพันธ์กับส่วนใดส่วนหนึ่งของรัฐบาลไม่ก็ทางกองทัพ
[ฉันคิดว่ามันเป็นการดีนะที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอ ในหมู่มนุษย์แล้วเธอเป็นคนที่หาได้ยาก เธอมีความภาคภูมิใจ ความสามารถ ความซื่อตรง และเบื้องหลัง]
"การเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์คนอื่นๆมันเป็นเรื่องยากานะ เอิลต้า...."
คำแนะนำนี้ของเอิลต้าได้ให้มานี้เป็นการคิดเรื่องของยูอิลฮานเป็นอย่างดี แต่ว่าเขาได้ตอบกลับไปด้วยเสียงที่มืดมน
แม้ว่าเธอจะไม่ตอบกลับเขาไปเพราะความตะลึงของเธอ แต่การชำแหละก็ได้เป็นไปอย่างดี หลังจากที่เขาได้ลอกเอาหนังของมันทั้งหมดมาแล้ว เขาก็เริ่มจากการตัดเนื้อที่ไร้ประโยชน์ออกไป ทันใดนั้นเองเขาก็คิดได้ว่าเขาอาจจะสามารถเอาเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อมาใช้ได้ดังนั้นเขาจึงตัดของพวกนี้ออกมาเช่นกัน
หลังจากเขาได้แยกส่วนที่เขาใช้ได้ออกมาจากร่างกายเสือดาวแล้วก็มี หนัง กระดูก เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อ ในท้ายที่สุดการชำแหละก็ได้สิ้นสุดลง เมื่อเขามองกลับมา เขาก็เห็นรถที่เคลื่อนย้ายศพของเสือดาวยักษ์เมื่อคราวก่อนก็ได้มาถึงตามที่เขาคิดเอาไว้
ภาพของคังมิเรย์ที่สั่งการคนอื่นๆอย่างเคร่งขรึมให้ขนย้ายชิ้นส่วนไปบนรถนี้ดูเธอจริงจังเข้มงวดเป็นอย่างมาก
"คุณยูอิลฮาน"
หลังจากเธอได้ยืนยันว่าชิ้นส่วนของเธอทั้งหมดได้ถูกขนขึ้นไปบนรถแล้วคังมิเรย์ก็ได้เข้ามาหาเขา
"ต้องขอบคุณคุณมากๆที่ทำให้เราสามารถจะจัดการมอนสเตอร์ได้ก่อนที่ความเสียหายจะกระจายออกไป ตอนนี้ฉันก็จะได้นอนหลับอย่างสงบสุขสักที"
"ฉันก็ด้วย ขอบคุณที่มาช่วยนะ"
"ยังไงก็ตามช่วยลืมเรื่องที่เราคุยกับคราวก่อนด้วย"
"อะไรนะ?"
เมื่อยูอิลฮานได้แสดงท่าทางไม่เข้าใจออกมา คังมิเรย์ก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มขมขื่น
"เรื่องที่ฉันบอกว่ามาตั้งปาร์ตี้กันเมื่อคราวก่อนนะ"
"โอ้"
ทำไมจู่ๆเธอถึงอยากจะยกเลิกมันซะแล้วล่ะ? แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรเลยเพราะว่าเขาไม่ได้วางแผนจะไปตั้งปาร์ตี้กับเธอตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่าเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาไปทำอะไรที่ผิดใจเธอ
ยังไงก็ตามความสงสัยของเขาก็ได้ถูกคลี่คลายอย่างรวดเร็ว คังมิเรย์ได้อธิบายเหตุผลของเธอออกมา
"คุณยูอิลฮานแข็งแกร่งเกินไป พูดให้ชัดเลยก็คือมันมีความต่างระหว่างเลเวลและความสามารถของพวกเรามากเกินไป ไม่เพียงแต่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต่อสู้กับมอนสเตอร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปความภาคภูมิใจของฉันก็คงพังทลายไปแน่"
เขาไม่รู้ว่าจะพูดตอบกลับไปยังไงดีเมื่อเธอพูดออกมาว่าความภาคภูมิใจของเธอจะพังทลายลง เขาทำเพียงแค่ฟังอยู่เงียบๆเมื่อคังมิเรย์พูดประโยคที่ไม่เหมาะกับตัวเธอออกมา
"ยังไงก็ตามในอนาคตมันจะต้องต่างไปจากนี้แน่ คุณก็อาจจะรู้แล้ว แต่ว่าฉันไม่ยอมง่ายๆแน่ ฉันจะแสดงให้คุณเห็นว่าฉันจะไล่ตามขึ้นไปให้ทัน จากนั้นฉันก็จะขอร่วมปาร์ตี้กับคุณอีกครั้ง ดังนั้นในตอนนั้นช่วยอย่าปฏิเสธฉันนะ"
"ไว้เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะคิดดูนะ"
คังมิเรย์ได้ระเบิดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นยูอิลฮานตอบเธอกลับมาแบบนี้ จากนั้นเธอก็ยื่นมือของเธออกมาเหมือนกับในตอนแรกที่พวกเขาตั้งปาร์ตี้กัน
"ขอบคุณค่ะ"
ในตอนนี้ยูอิลฮานก็ยังยื่นมือออกไปจับเบาๆ จากนั้นข้อความหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา
[ปาร์ตี้ถูกยุบ]
ยูอิลฮานได้เลียริมฝีปากเมื่อรู้สึกได้ถึงอิสระภาพที่กลับคืนมาและความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยอย่างเสียพรรคพวกไป
ยังไงก็ตามมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องมาคิดมาก เขาได้กล่าวลาเธอในขณะที่มองไปที่รถของเฟร็ด
"ลาก่อน"
"โอ้ ก่อนหน้านั้น"
คังมิเรย์ที่เขาคิดว่าเธอจะจากไปพร้อมกับพระอาทิตย์ตกเป็นพื้นหลังได้หันกลับมาถามเขา
"คุณช่วยทิ้งข้อมูลในการติดต่อคุณไว้หน่อยได้ไหม?"
"นั่นมัน"
"ฉันสัญญา ฉันไม่ไม่ให้ชื่อหรือเบอร์ของคุณกับใครแน่คุณยูอิลฮาน"
ฉันจะเชื่อใจเธอได้ไหมนะ? ยูอิลฮานได้ถามขึ้นกับตัวเขาเอง น่าแปลกที่ข้อสรุปของเขามันได้มาในทิศทางบวก เขาได้ลังเลเล็กน้อยก่อนจะบอกเบอร์โทรศัพท์ของเขาให้กับเธอไป
"ขอบคุณนะ ในอนาคตอันใกล้นี้เราจะต้องได้เจอกันอีกแน่นอน"
คังมิเรย์ที่ได้เบอร์ติดต่อของยูอิลฮานแล้วได้กำหมัดเบาๆ จากนั้นเธอได้ประกาศกับยูอิลฮษนอย่างมั่นใจเมื่อเธอจากไป
ยูอิลฮานที่ถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่คนเดียวก็พึ่งจะตระหนักได้ถึงความจริงเรื่องหนึ่ง
"โว้ว! นี้มันเป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันถูกผู้หญิงขอเบอร์"
[คุณน่าสงสารเกินกว่าที่จะรู้สึกยินดีนะ]
"ฉันไม่เคยยินดีกับมันเลย ฉันก็แค่เพิ่งจะได้รับสิทธิในการไปยืนต่อหน้าคนอื่นอย่างมั่นใจเท่านั้นเอง!"
[นี่มันยิ่งน่าเศร้า! ต่อให้แบบนั้นก็ไม่มีใครรู้ถึงตัวคุณอยู่ดี]
ในตอนนี้ยูอิลฮานรู้สึกแปลกมากเมื่อเขาคิดว่าเอิลต้ารู้จักตัวเขามากเกินไปแล้ว
"ทูตสวรรค์ทุกคนเป็นแบบเธองั้นหรอ?"
[คุณก็แค่อ่านออกง่ายไปแค่นั้นเอง]
ยูอิลฮานได้รู้สึกเหนื่อยที่จะเถียงกับเอิลต้าทำให้เขาเก็บสินสงครามที่ได้มาและออกไปจากที่เกิดเหตุนี้
ไม่สิ เขาได้มองไปรอบๆก่อนจะจากไปด้วยเพราะว่ามันจะยุ่งยากอีกแน่หากว่าเขาไม่จัดการกำจัดไข่มอนสเตอร์ที่ซ่อนอยู่ในเนื้อพวกนั้น!