ตอนที่แล้วSGS บทที่ 31 – เหตุผลจริงๆที่ทำให้กลายเป็นเพื่อนกัน.......
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSGS - โปรดอ่าน ประกาศ เรื่องสำคัญ

SGS บทที่ 32 – พาสองสาวลงดันเจี้ยนล่ะ!


วู่หยานคิดถูกครึ่งนึงและคิดผิดครึ่งนึง

 

ที่คิดถูกก็คือ ทั้งสองสาวเข้ากันได้ดีมาก หลังจากแนะนำตัวกันเสร็จ เขาก็โดนทิ้งให้อยู่คนเดียว ส่วนพวกเธอนั่งคุยหัวเราะคิกคักกันบนที่นอนของเขา พอได้เวลานอน ทั้งสองคนก็นอนห้องเดียวกัน ถ้าจากมุมมองคนอื่นคงคิดว่าสนิทกันจนเหมือนพี่น้องแท้ๆ แต่ในสายตาเขามันดู ยูริ มาก.......

 

ส่วนที่คิดผิดคือ ที่ทั้งสองคนเข้ากันได้ดีไม่ใช้เพราะมีนิสัยคล้ายกัน แต่เป็นเพราะมีขนาดหน้าอกเท่ากัน นี่ทำให้วู่หยานแอบสบถในใจ

 

เป็นเพราะเสียแต้มอัญเชิญมิโคโตะไป ตอนนี้เขาก็เลยเหลือแต้มอัญเชิญแค่11,000 จริงๆสาวน้อยราคาถูกก็มี แต่เขาได้ตัดสินใจไปแล้วว่าคนต่อไปจะอัญเชิญใคร ดังนั้นเขาจึงเก็บแต้มไว้แทน

 

70,000แต้มอัญเชิญมันคุ้มค่ามาก ตอนแรกเป็นเพราะเขาตื่นตะลึงกับฉากเปิดตัวของเธอ เลยไม่ได้ดูเลเวลเธอ แต่พอทำดูเท่านั้นแหละ......

 

ชื่อ : มิซากะ มิโคโตะ

ความสามารถ : Electro Master LV.5  (กระแสไฟฟ้า)  

พลัง : C

ความอึด : C

ความเร็ว : B

จิตใจ : A

อุปกรณ์ : ไม่มี

Level : 68

 

สเตตัสของมิโคโตะ อยู่ใต้สเตตัสของเขา

 

ตอนที่วู่หยานเห็นเลเวลเธอ เขาก็มองตาค้างไปนานพอตัว

 

เลเวล68! แรงค์7!      (@ เผื่อใครลืม เลเวล0-9 = แรงค์1 เลเวล10-19 = แรงค์2......เลเวล60-69 = แรงค์7  )

 

ควรพูดว่าสมแล้วที่เป็นหนึ่งในเลเวลห้าของเมืองแห่งการศึกษาที่มีเพียงเจ็ดคนจากทั้งโลกสินะ พลังของมิโคโตะถือว่าเป็นระดับท๊อปของโลกอินเด็กซ์!

 

ก่อนหน้านี้ เลเวลสูงสุดที่เขาเคยเจอก็คือ เฟยเฟย เลเวล60

 

แต่ตอนนี้คงต้องเปลี่ยนเป็นมิโคโตะแล้วล่ะ

 

มีเธอไปด้วย ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะหาหยกเจอรึเล่า แต่ทางด้านความปลอดภัยมาเต็มร้อย!

 

……………….

 

ทางทิศใต้ไกลออกไป มี หน้าผา ตั้งตระหง่านอยู่

 

มันสูงแค่ไหน? ไม่มีใครรู้และไม่มีใครกล้าทดลอง ในที่ที่ว่างเปล่าแบบนี้ มันเป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครคิดมา แต่ทว่าวันนี้เอง ได้มีเฮลิคอปเตอร์บินอยู่เหนือหน้าผา

 

เฮลิคอปเตอร์ได้ร่อนลงใกล้ๆหน้าผา เกิดลมพัดกระโชก ฝุ่นกระจายไปทั่ว

 

ขณะที่เสียงเครื่องยนต์ดับไป ประตูเฮลิคอปเตอร์ก็ถูกเปิด มีคนห้าคนเดินลงมา ชายหนึ่ง หญิงสาม และนักบินอีกหนึ่งคน

 

ม่านกักกันของตระกูลซากิโนะมิยะ ไม่ได้อยู่ที่ตระกูลซากิโนะมิยะ แต่อยู่ใกล้ๆหน้าผา นี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้คนภายนอกเข้ามาสัมผัสม่านกักกันจนอาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นตระกูลซากิโนะมิยะจึงได้ใช้ทรัพยากรไปจำนวนมากเพื่อสร้างม่านกักกันที่นี่

 

ตั้งแต่ตอนทีผู้นำตระกูลหายเข้าไปและไม่กลับออกมา ที่นี่ก็ได้กลายเป็นสถานที่ต้องห้าม และเพราะที่นี่เป็นหน้าผาจึงไม่มีใครมาอยู่แล้ว ดังนั้นที่นี่จึงไม่มีมนุษย์เข้ามามากกว่าร้อยปีแล้ว

 

ขนาดตัวหน้าผายังไม่มีใครมา แล้วนับประสาประสาอะไรกับปลายขอบสุดของหน้าผาที่ยิ่งไร้ผู้คนเข้าไปใหญ่

 

“ที่นี่คือทางเข้าของม่านกักกันเหรอ?”

 

เงยหน้ามอง วู่หยานจ้องไปที่ถ้าขนาดใหญ่ตรงหน้าที่อยู่อีกข้างของหน้าผา ตรงปากทางเข้าถ้ำ มีแสงกระพริบอยู่ นอกเสียจากจะเข้าไปใกล้มากพอ ก็ไม่มีทางเห็นแสงไฟนี่แน่นอน

 

“ถูกต้องแล้ว ปากทางเข้าถ้ำมีม่านกักกันที่ผู้นำตระกูลเราสร้างไว้ ภูติผีปีศาจทุกตัวที่จับได้จะถูกโยนเข้าไปในถ้ำ”

 

แม่อิสึมิตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันมาจ้องมิโคโตะ

 

เด็กสาว(?)คนนี้อยู่ๆก็โผล่มา และยังจะเข้าไปในถ้ำพร้อมกับวู่หยานอีก แล้วจะไม่ให้แม่อิสึมิรู้สึกสนใจได้ยังไง ยิ่งกว่านั่นข้างในถ้ำนี้ก็อันตรายมาก ไม่มีทางที่วู่หยานจะไมเข้าใจ แต่เขากลับไม่ห้ามเธอให้เข้าไปเหมือนกัน เขาดูเหมือนไม่ใช้คนที่จะพาเด็กผู้หญิงเขาไปตาย

 

งั้นก็แสดงว่า เด็กคนนี้ต้องแข็งแกร่ง!

 

ไม่รู้ว่าเทียบกับอิสึมิแล้วใครเก่งกว่า......

 

ดูแก่กว่าลูกสาวเธอไม่เท่าไหร่ แถมยังมีพลังลึกลับอีก ทำให้แม่อิสึมิอดที่จะนำไปเปรียบกับลูกตัวเองไม่ได้

 

แต่ที่แม่อิสึมิไม่รู้ก็คือ ทั้งสองคนไม่สามารถนำมาเทียบกันได้ เหมือนดังเช่น แอปเปิ้ล กับ ส้ม ที่เป็นผลไม้คนละอย่าง ถ้าวัดกันด้านพรสวรรค์ อิสึมิที่เกิดมาพร้อมกับพลังวิญญาณมหาศาล กับมิโคโตะที่มีศักยภาพที่จะสามารถขึ้นไปถึง Level 5 ได้ ในแง่พรสวรรค์ทั้งสองคนไม่ได้ต่างกันมากนัก

 

แต่ก็เพราะอยู่คนละโลกกัน พัฒนาการของพวกเธอก็เลยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเลยทำให้พลังพวกเธอแตกต่างกันไปด้วย  โลกฮายาเตะมีพวกสิ่งลี้ลับน้อย แต่โลกอินเด็กซ์มีทั้ง พลังจิต เวทมนตร์  ทูตสวรรค์ นักบุญ ในบรรดาโลกที่วู่หยานรู้จัก อินเด็กซ์นับได้ว่าอยู่แถวหน้าในเรื่องพลังเหนือธรรมชาติ ดังนั้นมันเลยไม่สามารถนำโลกฮายาเตะมาเปรียบเทียบได้

 

ดังนั้นเพราะสภาดแวดล้อมที่ต่างกัน บวกกับปัจจัยอีกหลายๆอย่างทำให้มิโคโตะเก่งกว่าอิสึมิ!

 

สายตาเขาจดจ่ออยู่ที่หน้าถ้ำ นอกจากแสงสลัวๆที่แทบจะมองไม่เห็นแล้ว เขาก็มองไม่ออกว่ามันต่างจากถ้ำปกติตรงไหน แต่จากเสียงแจ้งเตือนของระบบทำเขาแทบเป็นลม

 

ต้องรู้ก่อนว่าระบบมันจะส่งเสียงแจ้นเตือนก็ต่อเมื่อโอกาสชนะมีน้อยกว่า10% เช่นตอนแรกที่เขาเจองูวายุ ระบบมันก็แจ้งเตือนเหมือนกัน

 

เสียงแจ้งเตือนนี่เขาได้ยินบ่อยมากตอนอยู่ที่ป่าสัตว์อสูร เพราะเขาดันไปเจอตัวอันตรายที่ม่สามารถเอาชนะได้

 

แต่ตอนนี้ระบบมันกลับส่งเสียงแจ้งเตือนอีกครั้ง แถมยังไม่ใช้แค่ครั้งเดียวแต่มันแจ้งเตือนไม่น้อยกว่าสิบครั้ง นี่หมายความว่าในถ้ำนั้นมีปีศาจไม่น้อยกว่าสิบตัวที่โอกาสชนะเขาน้อยกว่า10%!!

 

แต่ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเลี่ยงมันไม่ได้ และยังต้องเป็นฝ่ายวิ่งเข้าไปหามันเอง.....

 

แน่นอน ถ้ามิโคโตะลงมือเองละก็มันจะกลายเป็นเรื่องง่ายๆเลย แต่มันทำไม่ได้เพราะเขามีศักดิ์ศรีค้ำคออยู่.....

 

วู่หยานหันตัวกลับไปมองคนอื่น

 

“ถ้างั้น พวกเราไปก่อนนะครับ คุณนายซากิโนะมิยะ”

 

สีหน้าเคร่งขรึม แม่อิสึมิถอนสายตาจากตัวมิโคโตะ แล้วหยิบยันต์โบราณจากหน้าอก แล้วส่งให้วู่หยาน “ทุกคนระวังตัวด้วย อาหารที่ทางเราเตรียมมาเพียงพอสำหรับหนึ่งอาทิตย์ ถ้าภายในหนึ่งอาทิตย์ พวกเธอไม่กลับออกมาล่ะก็....”

 

“ถ้าถึงตอนนั้น พวกคุณก็ไม่ต้องรอพวกเราแล้ว!” วู่หยานพูดยิ้มๆแล้วยื่นมือไปรับยันต์จากแม่อิสึมิ ก่อนจะหันหน้าไปมองมโคโตะ

 

“เฮ้ มิโคโตะ พร้อมแล้วนะ?”

 

“เอ่อ...” มิโคโตะ เหลือบมองคนข้างตัว ก่อนจะส่ายหัวอย่างจนใจ “ยะ..ยังอ่ะ”

 

“ฉันก็บอกแล้วว่าอย่ามา แต่เธอก็ยัง....จะมาให้ได้”

 

บางทีอาจถูกปลุกเพราะท่าทางมิโคโตะ หรืออาจจะเป็นคำพูดวู่ยาน ร่างบางที่กำลังมีสีหน้าซีดเผือด แม้แต่ริมฝีปากก็เป็นสีขาว ดวงตาหมุนวนไปมา ทำให้คนที่เห็นรู้สึกเป็นห่วง

 

“ฉะ..ฉันก็บอกแล้วไงวะ...ว่าจะมาน่ะ....นายโยนความคิดที่จะทิ้งฉันไปได้เลย....” ฮินางิคุพยายามยิ้มสู้ แต่ก็พบว่าทำไม่ได้ เธอใช้แรงทั้งหมดเพื่อค้ำจุนร่างกายตัวเอง ขณะที่มือก็กำลังเกาะตัวมิโคโตะ

 

“ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคกลัวความสูงแท้ๆ แต่ยังจะตามพวกเรามาให้ได้ นี่ไม่ใช้การทำร้ายตัวเองหรอกเหรอ?” วู่หยานทำได้แค่หัวเราะอย่างขมขื่น กับนิสัยดื้อดึงของฮินางิคุ

 

ท่านประธานเป็นโรคกลัวความสูง มีใครไม่รู้บ้างล่ะ.......

 

“อะฮ่าฮ่า.....มะ..มัน..ไม่ใช้เรื่องใหญ่อะไร...ระ.เราไปกันเถอะ....”

 

ตาเธอแทบจะปิดอยู่แล้ว แต่ยังมีแรงพูดจนจบ ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ที่จะให้เธอรออยู่นี่

 

แม่อิสึมิไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว แต่เธอกลับมองอย่างสนุกสนานกับท่าทางน่าสงสารของฮินางิคุ

 

“..ระ..รีบไปกันเถอะ...” มี มิโคโตะคอยช่วยพนุงเธอเลยยังยืนอยู่ได้ ฮินางิคุพูดขณะเดินไปที่ปากทางเข้าถ้ำ ที่อยู่ใกล้ๆกับหน้าผา ซึ่งมันก็ยังสูงมากอยู่ดี........

 

ถอนหายใจ ก่อนที่วู่หยานจะยื่นยันต์ในมือไปที่ทางเข้าถ้ำ

 

แสงสลัวหน้าถ้ำค่อยๆเปล่งประกายขึ้น เมื่อยันต์เข้ามาใกล้ จนยันต์สำผัสแสงนั้นก็เริ่มเกิดละลอกคลื่น ก่อนจะปริแตก และค่อยๆขยายขนาดขึ้น จนมีขนาดพอให้คนหนึ่งคนเดินผ่าน

 

พยักหน้ากับผลของยันต์ ก่อนที่จะหันไปเร่งมิโคโตะ

 

“ไปกันเถอะ มิโคโตะฉันต้องฝากเธอดูแลฮินางิคุด้วยนะ”

 

“ฉันสามารถ....” น้ำเสียงอ่อนแรงดังขึ้น คำพูดเธอถูกทั้งสองเมิน วู่หยานโบกมือให้แม่อิสึมิ ขณะที่กำลังเดินเข้าไปในถ้ำ

 

“ระวังตัวกันด้วยนะ....” แม่อิสึมิอดที่จะส่งเสียงเตือนไม่ได้

 

หลังจากที่ทั้งสามคนเข้าไปในถ้ำ แสงสว่างก็ค่อยๆรวมตัวกัน ก่อนจะกลายเป็นแสงอ่อนที่ยากต่อการมองเห็นเหมือนเดิม

 

ปากทางเข้าถ้ำกว้างใหญ่มาก แต่ทางในถ้ำยิ่งใหญ่กว่า และยิ่งพวกเขาเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่มันก็ยิ่งกว้างกว่ามากเดิม จนสุดท้ายระยะห่างระหว่างกำแพงถ้ำฝั่งนึงไปอีกฝั่งมีประมาณ50เมตร

 

นอกจากเสียงเดินของพวกเขา ก็ไม่มีเสียงอื่นเลย มิโคโตะเอ่ยว่า “ไม่ใช้นายบอกว่าข้างในมีปีศาจเต็มไปหมด แล้วมันไปอยู่ไหนอ่ะ?”

 

วู่หยานหันหน้ากลับไปมองมิโคโตะที่มีสีหน้าใจเย็น แต่ที่เขามองเห็นคือเหงื่อบนหน้าผากเธอที่กำลังไหลเงียบๆ

 

ตัวเขาเองก็สงสัยเหมือนกัน จากคำพูดแม่อิสึมิ ที่นี่ควรเต็มไปด้วยปีศาจร้ายถึงจะถูก แต่ทั้งสามคนเดินมาได้เกือบจะสิบนาทีแล้ว ไม่ต้องถึงปีศาจหรอก แม้แต่ผีก็ไม่เห็น แต่นี่ก็ไม่ทำให้อารมณ์แกล้งสาวเขาหายไป

 

มุมปากโคงขึ้น วู่หยานมองมิโคโตะที่กำลังแกล้งทำใจเย็น วู่หยานพูดไปตรงๆว่า “กลัวก็บอกว่ากลัวสิ มิโคโตะ ฉันไม่หัวเราะหรอกนะ”

 

หยุดเดิน มิโคโตะถลึงตามองวู่หยาน ฟันกัดริมฝีปาก “ฉะ....ฉันไม่ได้กลัว! แน่จริงโผล่มาสิ ฉันจะช็อตพวกมันให้กลายเป็นเถ้าถ่านเลย คอยดู!”

 

ราวกับว่าจะพิสูจน์คำพูดตัวเอง หน้าผากมิโคโตะเริ่มมีประกายไฟฟ้า ก่อนที่ทั้งตัวเธอจะอาบไปด้วยสายฟ้า ทำให้ถ้ำที่มีแค่แสงสลัวๆสว่างกว่าเดิม

 

แต่น่าเสียดาย มิโคโตะดันลืมไปว่าตัวเธอ ไม่มีเพียงแค่เธอคนเดียว.....

 

“อิย๊า!” ฮินางิคุที่กำลังอาศัยพิงตัวมิโคโตะ ก็โดยไฟฟ้ารอบตัวนั้นช็อตทันที ทำให้เธอที่แต่เดิมดูเหมือนจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ กระโดดขึ้นลงกรีดร้องออกมา

 

“อะ..เอ่อ...ขะ..ขอโทษนะฮินางิคุ ไม่เป็นไรใช้ไหม?”

 

ฮินางิคุหัวเราะตอบ “ไม่เป็นไรๆ ฉันควรขอบคุณเธอมากกว่ามันกระตุ้นฉันดีมากเลยล่ะ”

 

“อะฮ่าฮ่าฮ่า...” มิโคโตะหัวเราะแห้งๆ

 

“……..”

 

ทำเป็นมองไม่เห็น วู่หยานยังคงเดินตรงไปข้างใน ฮินางิคุกับมิโครีบเดินตาม ขณะที่กำลังกุมมือกันและกันอยู่

 

เอ่อ...เกือบลืมไป....ฮินางิคุก็กลัวพวกผีด้วยนี่นะ.......

 

 

กลุ่มลับ ถึงตอน77

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด