EG บทที่ 170 ล้างสมอง (อ่านฟรี)
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา พนักงานทุกคนจากบริษัทการค้าไท่หัวและหลี่ซื่อเฉียงกำลังนั่งอยู่ในห้องประชุม พวกเขาไม่ได้กำลังหารือกันถึงปัญหาเรื่องงาน แต่เฝิงหยู่มีข่าวดีจะแจ้งให้ทราบเพื่อบรรเทาความกังวลใจของทุกคน
“เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์”พีเพิลส์เดลี” รายงานเกี่ยวกับการเปิดตัวของตลาดหลักทรัพย์ นี่คือสิ่งที่ผมเคยบอกพวกคุณไปแล้วเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหุ้น ผมรู้ว่าพวกคุณแอบไปธนาคารเพื่อตรวจสอบราคาหุ้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงกับราคาหุ้น แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกคนไม่ต้องกังวลแล้ว ผมได้รับข่าวมาจากเซียงไฮ้ว่าหุ้นกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
แปะ แปะ แปะ
ทุกคนพร้อมใจกันปรบมือ พวกเขาจะได้เห็นหุ้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าและเงินของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
เฝิงหยู่กางแขนออกแล้วพูดต่อ “ผมบอกพวกคุณก่อนหน้านี้แล้วว่ามูลค่าหุ้นจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าภายในระยะเวลาสองปี บางคนอาจจะสงสัย สิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณก็คือเราต้องเป็นคนแรกที่ได้ผลประโยชน์ ประเทศของเรากำลังสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างหนักโดยใช้นโยบายทุกอย่างเพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้น ในอีกไม่ช้า ครอบครัวของเราจะอยู่ในระดับที่ดีขึ้น”
“แต่ทั้งหมดที่พูดมานี้ไม่เป็นความจริง”
ทุกคนในห้องรู้สึกงงกับคำพูดของเฝิงหยู่ หมายความว่าอย่างไร? ผู้จัดการเฝิงรู้สึกสงสัยนโยบายของประเทศงั้นหรอ?
หลี่ซื่อเฉียงพยายามส่งสัญญาณทางสายตาให้เฝิงหยู่ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาล้อเล่น ใช้เงินเท่าไรก็ไม่สามารถป้องกันไม่ให้พนักงานไปแจ้งรายงานเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่ได้
“นโยบายของประเทศไม่มีอะไรผิดพลาด แต่ไม่มีคนเอาไปพิจารณา! สถานการณ์ของทุกคนแตกต่างกัน ระดับการศึกษา และประสบการณ์ก็แตกต่างกัน ซึ่งสิ่งพวกนี้ทำให้เกิดความแตกต่างกันในหลากหลายรูปแบบ ทั้งวิถีชีวิตและการทำตามความฝันต่อไปในอนาคต! นี่คือสิ่งที่ผู้ยิ่งใหญ่เคยบอกไว้ว่าเฉพาะคนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นที่จะได้รวยก่อน และหลังจากที่รวยแล้ว คนกลุ่มนี้ก็จะนำคนอื่นๆ ให้ประสบความสำเร็จและร่ำรวยไปด้วยกัน พวกคุณเข้าใจความหมายนี้มั้ย?”
มีเพียงสองสามคนเท่านั้นที่พยักหน้า ส่วนคนที่เหลือทำหน้างงกันหมด พวกเขาจบเพียงแค่มัธยมต้นที่โรงเรียนของโรงงานมอเตอร์ พวกเขาต้องทำงานแทนพ่อแม่ที่โรงงาน ถ้าพวกเขาเรียนดี ก็คงจะได้เรียนต่อในระดับมัธยมปลายหรือมหาวิทยาลัย
สิ่งที่เฝิงหยู่เพิ่งพูดเมื่อกี้ ครูของพวกเขาเคยพูดมาก่อนแล้ว แต่ส่วนใหญ่พวกเขาลืมไปหมดแล้ว!
เฝิงหยู่ส่ายหัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาต้องส่งพนักงานพวกนี้ไปเรียนภาคค่ำซะแล้ว คนพวกนี้อาจจะได้เป็นฝ่ายบริหารระดับกลางของบริษัทการค้าไท่หัวในอนาคต แล้วพวกเขาจะเป็นพวกที่ไร้การศึกษาได้อย่างไรกัน?
“ไม่เป็นไรถ้าพวกคุณไม่เข้าใจ ขอแค่เข้าใจว่านี่คือสิ่งที่ผู้ยิ่งใหญ่เคยกล่าวไว้ และมันคือนโยบายของรัฐ! สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือเนื่องประเทศอนุญาตให้คนบางกลุ่มสามารถมีฐานะร่ำรวยก่อนได้ ดังนั้นทำไมเราจึงไม่เป็นคนกลุ่มแรกที่รวยก่อนล่ะ?”
อู่จื้อกางและคนอื่นๆ ที่เหลือมองหน้ากัน และทุกคนก็มองเห็นดวงตาที่เป็นประกายของแต่ละคน
ใช่แล้ว ทำไมเราจึงไม่เป็นคนกลุ่มแรกที่รวยก่อนล่ะ? เราจะเป็นคนกลุ่มแรกที่รวยก่อน!
“คนที่รวยก่อน แล้วเขารวยมาได้อย่างไรล่ะ? การทำงานในโรงงานหรือหน่วยงานรัฐไม่มีทางทำให้คุณรวยขึ้นมาได้” ทุกคนหัวเราะเมื่อเฝิงหยู่พูดจบ
พวกเขาหาเงินได้มากกว่าตอนที่ทำงานอยู่ที่โรงงานและหน่วยงานรัฐ เมื่อหลี่ซื่อเฉียงไปที่ที่พักของโรงงานเพื่อรับสมัครพนักงานเมื่อครั้งก่อน มีพนักงานมากกว่าร้อยคนท่อยู่ในวัยเดียวกับอู่จื้อกาง แต่มีเพียงสิบกว่าคนที่ได้รับข้อเสนอให้มาทำงาน คนที่เหลือนั่งมองอยู่บนรั้ว และบางคนยังหัวเราะใส่อู่จื้อกางและคนที่รับข้อเสนอให้ไปทำงานด้วยซ้ำ เพราะพวกเขามองว่าการลาออกจากงานที่โรงงานเป็นความคิดที่โง่มาก โรงงานเปรียบเสมือนเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ แต่กลับลาออกไปทำงานกับพวกเอกชนที่ซื้อขายพันธบัตรรัฐบาล
ตอนนี้พวกนั้นที่เคยหัวเราะเยาะกลับรู้สึกเสียดายมาก ต่อมามีหลายคนที่อยากจะมาทำงานที่บริษัทการค้าไท่หัว แต่ที่บริษัทนี้ไม่ได้ต้องการคนจำนวนมากนัก แม้ว่าที่บริษัทการค้าไท่หัวจะมีงานที่ต้องทำมากมายและมีการค้าขายกับสหภาพโซเวียตบ่อยครั้ง แต่ก็ยังถือว่าเป็นงานที่สบายอยู่ดี
ในตอนแรก เฝิงหยู่เป็นคนทำทุกอย่างด้วยตัวเอง และทุกคนก็คอยปฏิบัติตามคำสั่งของเขา แต่ตอนนี้ หลังจากที่เวลาผ่านมานาน พนักงานต่างก็ได้เรียนรู้ และแต่ละคนก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เองโดยที่ไม่ต้องรอฟังคำสั่ง!
ตอนที่คนพวกนี้ได้รับข้อเสนอให้เข้าทำงานที่บริษัทการค้าไท่หัวในตอนแรก พวกเขาก็ปฏิเสธเอง ตอนนี้สายไปแล้วที่จะรู้สึกเสียดาย
“คนที่รวยก็คือคนที่มีความกล้าและพร้อมที่จะเสี่ยง ทั้งการประกอบกิจการด้วยตัวเอง การจัดตั้งโรงงาน การค้าขาย หรือการลงทุน ล้วนเป็นธุรกิจที่บริษัทการค้าไท่หัวกำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน จากธุรกิจที่กล่าวมาทั้งหมด คุณคิดว่าธุรกิจไหนที่สร้างผลกำไรให้ได้มากที่สุด?”
อู่จื้อกางตอบอย่างมั่นใจ “ต้องเป็นพัดลมไฟฟ้าและเครื่องทำความชื้นเฟิงหยู่แน่ๆ เพราะปีหนึ่งสามารถทำรายได้มากกว่า 10 ล้านหยวน”
“ไม่ใช่ น่าจะเป็นการค้าขายกับสหภาพโซเวียต ถ้าเราสามารถนำเอาเครื่องจักรที่ทันสมัยขนาดใหญ่เข้ามาได้ กำไรจะต้องมากกว่า 10 ล้านแน่ๆ”
“น่าจะเป็นการลงทุนในบริษัทเครื่องจักร ผมได้ยินมาว่าเครื่องจักรทางการเกษตรที่ผลิตโดยบริษัทเครื่องจักรกำลังขายดีเป็นอย่างมาก”
“ไม่มีใครคิดว่าเป็นการลงทุนซื้อหุ้นเลยหรอ?” เฝิงหยู่ถามเสียงดัง
แม้ว่าทุกคนจะอยากให้หุ้นเป็นสิ่งที่ทำกำไรให้ได้มากที่สุด และเฝิงหยู่ก็เคยพูดว่าหุ้นจะทำกำไรได้หลายเท่า แต่หลังจากผ่านไป 2-3 เดือน พวกเขาก็ยังไม่เห็นความคืบหน้าอะไรเลย
“ผมยังคงพูดคำเดิม การลงทุนในตลาดหุ้นคือสิ่งที่บริษัทเราต้องให้ความสำคัญในปีหน้า และจะเป็นธุรกิจที่สร้างผลกำไรให้กับบริษัทได้มากที่สุด”
เนื่องด้วยการลงทุนในหุ้น ทำให้บริษัทการค้าไท่หัวแทบจะไม่เหลืออะไรเลย เงินทุนที่มีอยู่ก็ถูกนำไปใช้ซื้อหุ้นและสายการผลิตรถจักรยานยนต์และเทคโนโลยีจนหมด พวกเขายังใช้เงินทั้งหมดที่หามาได้จากการขายเครื่องจักรอุตสาหกรรมเบาด้วย
“ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาภาคธุรกิจการเงินหลักของประเทศจีนคืออะไร? ธนาคาร! แต่แค่ธนาคารเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ประเทศเราเริ่มสนับสนุนธุรกิจประกันภัย ผมเชื่อว่าพวกคุณส่วนใหญ่ก็เคยได้ยินว่ามีคนรอบตัวคุณที่ซื้อประกันภัย ผมบอกได้เลยว่านายหน้าประกันภัยพวกนั้นหารายได้ได้มากกว่าชนชั้นคนทำงานเยอะมาก! หุ้นกับการประกันภัยนั้นเหมือนกัน เพราะล้วนเป็นเครื่องมือทางการเงิน ต่างกันตรงที่ธุรกิจประกันภัยเกิดขึ้นก่อนและตลาดหุ้นเพิ่งจะเริ่มขึ้น พวกคุณเห็นด้วยหรือไม่ว่าถ้ารัฐบาลสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ คนกลุ่มแรกๆ ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนั้นจะหาเงินได้จำนวนมากก่อนเป็นกลุ่มแรก?”
ทุกคนพยักหน้าแม้ว่าจะไม่เข้าใจสิ่งที่เฝิงหยู่พูดทั้งหมดก็ตาม แต่สำหรับพวกเขาแล้ว ถือว่าฟังดูมีเหตุผล
“ตอนนี้รัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับตลาดหุ้น และสองสามบริษัทแรกที่ได้รับการจดทะเบียนในตลาดก็จะกลายเป็นบริษัทมหาอำนาจ ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะขาดทุนเลย บริษัทที่กล่าวถึงนั้นก็จะเป็นบริษัทจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุกสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมเหล็กกล้า อุตสาหกรรมเครื่องจักรกล เป็นต้น ดูจากเมืองปิงแล้ว มีบริษัทไหนจากอุตสาหรรมดังกล่าวที่ขาดทุนบ้างล่ะ?
“นี่คือเหตุผลที่พวกคุณทุกคนไม่ต้องมัวแต่กังวล แค่รออย่างอดทนเท่านั้น ผมรู้ว่าพวกคุณบางคนไปซื้อหุ้นเองด้วย ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ผมอยากเตือนให้คุณถือหุ้นเอาไว้ก่อนและอย่าเพิ่งขาย ผมจะบอกให้พวกคุณทราบเองเมื่อถึงเวลาที่ต้องขาย!”
เมื่อเฝิงหยู่พูดจบ มีหลายคนที่ก้มหน้าลง
“ตอนนี้ พวกคุณหลายคนยังขี่จักรยานกันอยู่ แต่อีกไม่นาน รางวัลสิ้นปีนี้ผมได้เตรียมรถจักรยานยนต์ไว้ให้พวกคุณแล้ว ซึ่งจะเป็นรถจักรยานยนต์ล๊อตแรกที่ผลิตในเมืองปิง และคันหนึ่งมีมูลค่ามากกว่า 10,000 หยวน ในอีกสองปี หลังจากที่ขายหุ้นทั้งหมดแล้ว ผมรับรองว่าพวกคุนแต่ละคนจะสามารถซื้อรถยนต์เป็นของตัวเองได้”
.........
เฝิงหยู่ใช้เวลาสองชั่วโมงในการปรับทัศนคติของพวกเขาทีละคน ผมมีความรู้มากกว่าพวกคุณทุกคน ผมมีวิสัยทัศน์ที่ดีกว่าพวกคุณทุกคน ถ้าคุณทำตามผม ผมสัญญาว่าคุณจะหาเงินได้จำนวนมาก!
เฝิงหยู่สังเกตท่าทางและสีหน้าของทุกคน เมื่อขายหุ้นทั้งหมดแล้ว พวกเขาจะมองเฝิงหยู่เปรียบเสมือนพระเจ้า การประชุมล้างสมองครั้งนี้ประสบความสำเร็จแล้ว!