บทที่ 100: ปะทะดาบเทวะเงาคราม [อ่านฟรีวันที่ 16 สิงหาคม 2562]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
บทที่ 100: ปะทะดาบเทวะเงาคราม
“เลิกฝันลม ๆ แล้ง ๆ เสีย! บางสิ่งบางอย่างของเคล็ดวิชาเทพธิดาพยากรต้องใช้ความสามารถในการเรียนรู้ที่สูงมาก นอกเหนือจากความสามารถยังต้องมีความถนัดเฉพาะทางที่ดีอีกด้วย เจ้าจะต้องมีความจำที่เป็นเลิศ อีกทั้งตรรกะความคิดยังต้องยอดเยี่ยมอีกด้วย! ซึ่งอัจฉริยะเช่นนี้ไม่อาจพบเห็นได้ในรอบพันปี!” หงหยิงกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด “ที่จริงแล้วตอนที่ข้ายังเด็ก ท่านพ่อและท่านแม่พยายามอย่างหนักเพื่อให้ข้าเป็นแบบแม่นางฉุ่ยจิ้ง น่าเสียดายที่ข้าโง่เขลาเกินไปและข้ารู้สึกปวดหัวที่ต้องเห็นการคำนวณที่ซับซ้อนพวกนั้น ดังนั้น ข้าจึงล้มเลิกการฝึกฝนเคล็ดวิชาเทพธิดาพยากร!”
“งั้นก็ช่างมัน!” ในตอนแรกเจ้าอ้วนยังมีแผนที่จะหาโอกาสเรียนเคล็ดวิชาเทพธิดาพยากร แต่เมื่อเขาได้ยินที่หงหยิงกล่าวออกมา เขาละทิ้งความคิดทั้งหมดทันที เขาปล่อยเรื่องราวเหล่านั้นให้ผ่านไป พร้อมถามต่อด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้อง แล้วเหตุใดหรือทำให้เจ้ามาพบข้าวันนี้?”
“โอ้ ข้าเกือบลืมแล้วเชียว!” หงหยิงรีบใช้มือล้วงไปในเสื้อของนางและกล่าวออกมาอย่างเขินอาย “ข้ารู้สึกอยากจะกินปลาย่างอีกครั้ง!”
ในตอนที่เขาพบกับหงหยิงคราวก่อน นางมาหาเขาตอนที่เขากำลังย่างมัจฉาไร้เนตรอยู่ มัจฉาไร้เนตรและเห็ดจิตวิญญาณนั้นถือได้ว่าเป็นอาหารที่ยอดเยี่ยม มันสามารถเอาชนะใจหญิงสาวผู้นี้ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเป็นเช่นนี้ทุกสามถึงห้าวันนางจะมาพบเขาเพื่อกินมันอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าเจ้าอ้วนจะถือว่าอาหารเหล่านี้จะเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างมาก แต่แน่นอนว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นเมื่อเป็นนาง บวกกับจ้าวสำนักและภรรยาของเขาแสดงความเมตตาต่อเจ้าอ้วนอย่างล้นเหลือ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจปฏิเสธคำขอของนางได้ เวลาเช่นนี้ก็เหมือนกัน เมื่อมองเห็นหงหยิงกำลังเขินอาย เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างช่วยไม่ได้ พร้อมกล่าวว่า “เราจะกินที่นี่หรือเจ้าอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง?”
“ไปที่ภูเขาด้านหลังกันเถอะ!” เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนยินยอม หงหยิงกล่าวออกมาอย่างร่าเริง “เมื่อวานนี้ข้าไปเล่นที่หลังภูเขามา ที่นั่นเต็มไปด้วยไก่ป่าที่ดูน่าจะอร่อย! เราไปลองชิมมันกันเถอะ!”
หลังจากกล่าวจบ นางเรียกพยัคฆ์ปีกแหลมออกมาพร้อมตะโกนว่า “มาเร็ว!” พร้อมกับบินออกไปอย่างสนุกสนาน
เมื่อเห็นเช่นนั้น เจ้าอ้วนไม่อาจทำสิ่งใดได้นอกจากเรียกพยัคฆ์ปีกแหลมออกมาและบินตามนางไป
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องแข่งขันอีกครั้งแล้ว
ในช่วงบ่าย ที่ด้านหลังของภูเขาภายในสำนักเสวียนเทียน มู่ซื่อหรงและผู้ฝึกตนระดับจินตันกำลังยืนรอคอยการปรากฏตัวของเจ้าอ้วน
ในขณะนั้นมีผู้ชมมากมายรายล้อมอยู่รอบสนามแข่งขันแล้ว ในสถานที่แห่งนี้มีจิตวิญญาณที่น่าเวทนาอยู่ ศิษย์ในสำนักทุกคนล้วนแต่เกรงกลัวเจตนาฆ่าฟันที่มู่ซื่อหรงแสดงออกมา
เมื่อมองเห็นเจตนาในการฆ่าฟันเช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันได้แต่ถอนใจ เดิมทีสถานะของเขา เขาควรจะเป็นคนสุดท้ายที่มาถึงสถานที่แห่งนี้ แต่วันนี้เขาถูกบังคับให้มาพร้อมกับมู่ซื่อหรงที่ไม่อาจรอคอยที่จะได้สังหารเจ้าอ้วนได้อีกต่อไป สุดท้ายแล้วเขาต้องมายืนรอศิษย์ระดับต่ำนั่นเอง เขาจะอดทนได้อย่างไรกัน? ถ้าหากไม่ใช่เขาถูกข่มเหงโดยนักบวชฮัวอวิ๋น แน่นอนว่าในตอนนี้เขาจะต้องสังหารมู่ซื่อหรงอย่างแน่นอน!
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังร้อนใจอยู่นั้น ปรากฏลำแสงสีทองขึ้นบนขอบฟ้า ผู้ฝึกตนสวมชุดสีเขียวร่างกายคล้ายหมียักษ์ปรากฏตัวบนสนามแข่งขันอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มผู้ที่มีใบหน้าที่แน่วแน่พร้อมกับผิวสีทองของเขา อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะดูเป็นคนซื่อและตรงไปตรงมา แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ นั่นไม่ใช่ใครคนอื่น เขาคือเจ้าอ้วนที่ทุกคนกำลังรอคอยอยู่นั่นเอง!
เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนมาถึงแล้ว ดวงตาของมู่ซื่อหรงเบิกกว้างขึ้นพร้อมปลดปล่อยจิตสังหารที่รุนแรง นางตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว “ก้อนไขมันเอ๋ย จงใช้ชีวิตเฮือกสุดท้ายของเจ้าซะ!”
“ผิดแล้ว!” เจ้าอ้วนยิ้มพร้อมกับพลิกมือของเขา จากนั้นปรากฏระฆังขนาดสองฟุตออกมา ในขณะนั้นเขาหัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า “แท้จริงแล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อมอบระฆังให้กับศิษย์พี่!”
*TN: คำจีนที่เขียนว่าระฆัง เขียนได้อีกแบบคือ จบสิ้น ในกรณีนี้เจ้าอ้วนหมายความว่าจะส่งนางไปสู่นรก*
เมื่อมู่ซื่อหรงได้ยินเช่นนั้น นางกระอักความโกรธจนแทบตายใจไม่ออก นางตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “คนอย่างเจ้าน่ะหรือจะมาเอาชีวิตของข้าไป!?”
เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนได้กล่าวว่าจาที่หยาบคายออกมา ผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยความไม่พอใจ
เจ้าอ้วนหัวเราะเสียงดังพร้อมกล่าวออกมาด้วยวาจาที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเขาจะกล้า “สถานะของศิษย์พี่ช่างสูงส่งยิ่งนัก ข้าคงต้องลำบากอย่างมากและต้องแลกกับทุกสิ่งอย่างที่มี แน่นอนว่าข้าก็คงไม่อาจฆ่าท่านได้!”
เมื่อได้ยินเจ้าอ้วนกล่าวเช่นนั้น ผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันมีสีหน้าที่ดีขึ้นเล็กน้อย
แต่เจ้าอ้วนได้กล่าวต่อไปว่า “อย่างไรก็ตาม การแข่งขันข้างถนนในวันนี้แน่นอนว่าผู้ชนะจะต้องเป็นข้า! เรียกได้ว่าข้าจะเป็นคนจัดงานศพให้ท่านเอง!”
“ไร้สาระ!” มู่ซื่อหรงโกรธจัด “เจ้ามีเพียงร่างกายที่อ้วนเหมือนถัง อีกทั้งระฆังที่เจ้ามีก็ดูคล้ายจะพังในทุกเมื่อ แต่เจ้าบอกว่าจะเอาชนะข้างั้นหรือ? ช่างเป็นเรื่องราวที่น่าสะอิดสะเอียนอะไรเช่นนี้!”
“เหอะเหอะ จริงอยู่ที่ความสามารถของข้านั้นต่ำต้อยและไม่ได้แข็งแกร่ง! แต่ศิษย์พี่อาจจะเกิดชอบพอกับข้าขึ้นมาก็ได้และจะยอมศิโรราบต่อข้าอย่างแน่นอน ใครจะรู้ว่าภายภาคหน้าจะเกิดสิ่งใดขึ้น!” เจ้าอ้วนกล่าวพร้อมเผยรอยยิ้มปีศาจ
“สารเลว! สิ่งเดียวที่ข้าชื่นชอบในตัวเจ้าคือการบดขยี้ให้เจ้ากลายเป็นเศษเนื้อ!” มู่ซื่อหรงตวาดอย่างโกรธจัด
“งั้นหรือ?” เจ้าอ้วนยิ้มพร้อมกล่าวต่อ “ถ้าเป็นเช่นนั้น เรามาเดิมพันกัน! ข้าขอเดิมพันว่า ศิษย์พี่ไม่กล้าที่จะทำร้ายข้าอย่างแน่นอน! ถ้าหากศิษย์พี่กล้าทำร้ายข้า ผลของการเดิมพันคือข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้และฆ่าตัวตายทันที!”
เมื่อได้ยินที่เจ้าอ้วนกล่าว มู่ซื่อหรงโกรธจนแทบจะเป็นลม ในตอนนี้นางถูกความโกรธเข้าครอบงำพร้อมทั้งไม่อาจคิดสิ่งใดให้ถี่ถ้วนได้ นางไม่ได้พิจารณาว่าเหตุใดเจ้าอ้วนจึงกล้ากล่าวเช่นนั้นออกมา นางจึงตอบออกไปอย่างรวดเร็ว “ดี ประเสริฐยิ่งนักที่เจ้ากล้า! เจ้าไขมันบัดซบ ข้าจะเดิมพันกับเจ้า! ถ้าหากข้าไม่อาจสังหารเจ้าได้ในตอนจบ ข้าจะยอมเป็นทาสของเจ้าหลังจากจบการแข่งขันนี้!”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ถือว่าเราตกลงกันแล้ว!” เจ้าอ้วนเผยรอยยิ้มปีศาจอีกครั้ง ในขณะนั้น เขาคิดในใจกับตนเอง ‘ฮ่าฮ่า นางเป็นเพียงสาวงามที่ไร้สมอง! ข้าอยากจะรู้นักว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อเจ้าพ่ายแพ้!’
มู่ซื่อหรงในตอนนี้ความโกรธได้ปะทุขึ้นมาจนถึงขีดสุดแล้ว แต่นางยังอดทนไว้ไม่สับเจ้าอ้วนเป็นชิ้น ๆ เพราะการแข่งขันอย่างเป็นทางการยังไม่เริ่มขึ้น นางจึงตะโกนไปยังผู้เชี่ยวชาญระดับจินตัน “เหตุใดการแข่งขันจึงยังไม่เริ่ม?”
แม้ว่าจะยังไม่ถึงเวลา แต่เมื่อมองใบหน้าที่คลั่งของมู่ซื่อหรง ผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันไม่สามารถทำสิ่งใดได้ เขาไม่กล้าที่จะยั่วยุนางและกล่าวออกมาอย่างขื่นขม “เริ่มได้!”
เมื่อผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันกล่าวจบ มู่ซื่อหรงเรียกดาบเทวะเงาครามออกมาทันที เงาของดาบงอกเงยออกมาหลายพันเงา พร้อมพุ่งไปหาเจ้าอ้วนอย่างรวดเร็วราวกับอสรพิษที่นางกำลังควบคุมเพื่อให้มันฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอุปกรณ์วิเศษ เจ้าอ้วนไม่ได้รีบร้อนอะไร เขาโยนระฆังออกไปในอากาศอย่างเบามือ ในเวลาต่อมา ระฆังขยายออกสี่สิบฟุตพร้อมร่อนลงมาจากด้านบนของเจ้าอ้วน ในตอนนี้เจ้าอ้วนใช้ระฆังเป็นเกราะกำบังอย่างสมบูรณ์แบบ เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเมื่อระฆังฝังตัวลงไปในพื้นดินราวสองถึงสามฟุต!