บทที่ 21 - อยากไปล่าด้วยกันไหม!? (3) [อ่านฟรีวันที่ 29/07/61]
บทที่ 21 - อยากไปล่าด้วยกันไหม!? (3)
สิ่งแรกเลยที่เกิดขึ้นหลังจากการต่อสู้จบลงก็คือการช่วยเหลือคนที่ไม่สามารถจะหนีต่างโลกได้ทันเวลา คนที่บาดเจ็บจากการต่อสู้ และคนที่ติดอยู่กับหินหรืออิฐที่พังลงมาจากการที่ตึกพังลงมา.... ในเมื่อมันเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่จำนวนผู้บาดเจ็บก็มากเช่นเดียวกัน
ยูอิลฮานกับจักรพรรดินีก็ยังไปช่วยเหลือในทันทีที่ลงมาจากร่างของเสือดาวเช่นกันแต่ว่าภาพที่ยูอิลฮานได้ยกเศษหินหนักหลายดันได้อย่างง่ายๆแม้ว่าจะถูกลดพลังลง 3 นาทีจากการลงโทษนี่เป็นภาพที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง
"คลาส 2 นี่ต่างจริงๆ"
"หน้ากากเขาเปลื่ยนไปด้วยนี่ ไม่ใช่ว่าหน้ากากนั่นทำจากกระดูกหรอ?"
"นั่นนนนน! ระวังตึกนั่น!"
เมื่อการช่วยเหลือกันจบลงไป ศพของเสือดาวยักษ์ก็ยังหดลงไปเหลือเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังมีขนาดที่ใหญ่อยู่เมื่อเทียบกับมนุษย์ นอกจากนี้ก็ยังไม่มีใครที่มีความสามารถพอจะทำอะไรกับศพนี้อีกด้วย
"ฉันจะลองดู"
"ไม่ต้อง"
ในตอนนั้นที่ทหารคนหนึ่งได้ดึงมืดออกมา ยูอิลฮานที่เพิ่งจะไปให้การช่วยเหลือคนอื่นๆมาเสร็จก็ก้าวเข้ามา ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่มาอย่างโดดเดี่ยวโดยไม่มีทักษะด้านการเข้าสังคมเลย แต่เขาก็ไม่ใช่ไอ้โง่
"ฉันคิดว่าสัดส่วนของศพนี้ฉันน่าจะได้มากสุดนะ...."
"อ๊า"
แม้ว่าในการต่อสู้ทุกๆคนจะคิดเพื่อเอาตัวรอดเหมือนๆกัน แต่หลังจากที่สงความได้จบลงไปแล้วความโลภของมนุษย์ก็ได้ปรากฏขึ้นมา นอกจากนี้มันมันยังมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าพวกเขาก็ได้เอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่อสู้ด้วยทำให้ไม่มีใครที่อยากจะละทิ้งรางวัลให้กับคนอื่น
แต่ปัญหาคือทุกๆคนที่นี่ต่างก็สู้โดยการที่เอาชีวิตตนไปเสี่ยงทั้งนั้น
"ยูอิลฮานได้มองกลับไปที่จักรพรรดินีและถามออกมา
"อัตราส่วนที่ยุติธรรมคือ?"
เนื่องจากว่าเขาตัดสินเองไม่ได้ทำให้เขาเลือกถามคนอื่นแทน แต่ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อในคำตัดสินใจของคนอื่น ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเชื่อคนที่ยอมฝากชีวิตไว้กับเขาแทน
"คุณ 60% ฉัน 20% ที่เหลืออีก 20%"
จักรพรรดินีได้ตอบกลับมาอย่างใจเย็นไม่เหมือนกับเสียงในตอนที่ต่อสู้
"มีใครจะคัดค้านไหม?"
"...."
"...."
ยูอิลฮษนได้มองไปรอบๆและถามความคิดเห็นจากคนอื่นๆ
จริงๆแล้วต่อให้คนพวกนี้ไม่สามารถจะคัดค้านสองผู้แข็งแกร่งที่สุดได้ ยูอิลฮานและจักรพรรดินีเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขายังไม่สามารถจะหาคำมาค้านคำพูดของจักรพรรดินีที่มีประสบการณ์จากการต่อสู้กับมอนสเตอร์มากมายในต่างโลกได้อีกด้วย
"เธอบอกว่า 60% สินะ"
ยูอิลฮานได้รู้สึกว่าการตัดสินใจนี้เยี่ยมที่สุด แม้ว่าหลังจากร่างกายของเสือดาวจะลดลงแล้วมันก็ยังคงตัวใหญ่กว่าหมีน้ำตาลยักษ์ที่เขาสู้มากอยู่ดี
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาหนังมาทำเกราะได้ แต่นั่นก็แค่เกราะ เขายังสามารถจะนำมันมาทำเป็นส่วนเสริมเกราะหรือไม่ก็ถุงมือ รองเท้าและสิ่งต่างๆจำพวกนี้ได้ แล้วก็สำหรับกระดูกเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดเรื่องนี้ซ้ำซองแล้ว มันเป็นวัตถุดิบที่วิเศษสุด
และเหนือสิ่งอื่นใด
ยูอิลฮานได้กระโดดขึ้นไปบนหัวเสืออีกครั้ง จากนั้นเขาก็ใช้มือที่ใส่ถุงมืออยู่ขุดเข้าไปในแผลที่เข้าโจมตีไว้อย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็เรียกใบมีดกระดูกออกมาและขุดเนื้อและกล้ามเนื้อไปในขณะที่กำลังมองหาบางอย่าง ผลที่ได้ก็คือ
"มันอยู่นี่จริงๆ ฉันคิดไว้แล้วว่ามันจะต้องมีซักอัน"
[เนื่องจากว่ามันอาจจะได้คลาส 3 แล้ว ดังนั้นคุณภาพของหินพลังเวทย์จะต้องเยี่ยมมากแน่นอน]
สิ่งที่เขาได้หยิบเอาออกมาก็คือหินพลังเวทย์ที่ส่องแสงสีน้ำเงินออกมาอย่างชุดเจน มันไม่ใช่แค่ขนาดเท่าเมล็ดข้าว เมล็ดถั่ว อัลมอนล์แล้ว มันมีขนาดเท่าเฟอเรโร รอชเชอร์ไปแล้ว
"หินพลังเวทย์!"
"โว้ว หินพลังเวทย์ของมอนสเตอร์คลาส 2"
"อึก"
ยูอิลฮานได้มองกลับไปยังจักรพรรดินีและถามออกมา การคำนาญของเธอน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก
ไม่สิ ในสถานการณ์นี้ไม่มีใครที่เชื่อถือได้นอกจากเธอแล้ว
"ยังไงมั้ง?"
"มันน่าจะประมาณ 60%"
หลังจากที่จักรพรรดินีได้หยักหน้าของเธอ เขาก็เก็บหินพลังเวทย์ลงไปในกระเป๋าอย่างเป็นธรรมชาติ
"ฉันเอาเจ้านี่ไปนะ ส่วนที่เหลือพวกนายก็จัดการกันเอาเอง"
"ไม่นะ แต่นั่นมันหินพลังเวทย์....."
ทหารคนหนึ่งได้ส่งเสียงออกมาแต่แล้วเขาก็หดตัวลงไปเมื่อถูกจ้องจากรอบด้าน สายตาของคนที่คิดว่าความสำเร็จของยูอิลฮานน่าทึ่งมากและโดยเฉพาะพวกคนที่ถูกยูอิลฮานช่วยเอาไว้ต่างก็จ้องมาที่ทหารเขม็ง
ยังไงก็ตามในฐานะของมนุษย์ที่โง่อยู่เสมอและมักจะทำความผิดพลาดซ้ำๆทำให้ยังมีคนจำนวนมากที่โลภในตัวหินพลังเวทย์ขนาดใหญ่นั่น
"ไม่ใช่ว่าเราตีค่าหินพลังเวทย์นั่นน้อยไปหรอ!?"
"ฉันก็ยังต้องเสี่ยงนะ ฉันได้รับความเสียหายมากเหมือนกัน"
"ปาตี้เราก็ต้องการหินพลังเวทย์เหมือนกันนะ! พวกเราไม่ยอมรับการแบ่งแบบนี้!"
สนามรบที่ทุกคนได้กลายเป็นหนึ่งเดียวในตอนนี้ได้แตกกันออกไปจากความโลภของแต่ละคนทันที สถานการณ์มันเปลื่ยนไปเร็วแบบนี้ได้ยังไงกันนะ! แม้กระทั่งเอิลต้าที่ได้ตีค่าความอยู่รอดของชาวโลกเอาไว้สูงจากการต่อสู้เมื่อกี้นี้ก็ยังตะลึงไปกับสถานการณ์นี้
[สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำต่างก็แย่แบบนี้เสมอเลยสินะ ฉันมันโง่เองที่คิดว่าทุกๆคนจะเป็นเหมือนกับคุณ]
"ต่อให้เธอจะชมฉันยังไงฉันก็ไม่มีอะไรให้เธอหรอกนะ"
[อย่างน้อยคุณก็รู้ว่าฉันกำลังชมคุณ]
ยูอิลฮานได้ยิ้มกับคำพูดของเอิลต้าและหยิบเอาหินพลังเวทย์ที่อยู่ในกระเป๋าเขาออกมา
"เยี่ยม ถ้างั้นเรามาทำแบบนี้กัน"
"ฮึ่ม นายควรจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรก"
"โชคดีนะที่นายเอามันออกมาก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้าย
ใครกันแน่ที่จะเจอ 'สถานการณ์เลวร้าย'? ยูอิลฮานอยากจะถามคำถามนี้ออกไปดังๆแต่เขาก็เลือกจะไม่ทำ พวกเขาอาจจะคิดแบบนั้นเพราะมุมมองและความเชื่อในชีวิตที่งดงามก็ได้
การจะเปลื่ยนความคิดของคนมันไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาส่วนใหญ่คิดว่าพวกเรามีสิทธิที่ถูกต้องที่จะเอาหินพลังเวทย์ไป
และเพราะแบบนี้การจะแก้ปัญหาด้วยคำพูดมันจึงเป็นไปได้
แม่ของเขาก็เคยพูดเรื่องแบบนี้กับยูอิลฮานเสมอว่า
ทำไมจะต้องมาสู้กันด้วยคำพูดด้วยล่ะในเมื่อลูกมีกำเป้าที่วิเศษนี้
ยูอิลฮานได้โยนหินพลังเวทย์ออกไปด้วยพลังกำลังทั้งหมดของเขา หินพลังเวทย์ได้ลอยผ่านหน้าทุกๆคนและเจาะลึกเข้าไปในหัวของเสือดาวที่ที่ยูอิลฮานได้ดึงมันออกมาในตอนแรก
การโยนนี้จะเป็นสิ่งที่สร้างประวัติศาตร์ขึ้นใหม่
"..."
"..."
ในตอนที่พวกเขาได้มองไปที่ฉากที่ไม่น่าเชื่อนี้ทุกๆคนต่างก็เงียบลงไปในขณะที่เตือนตัวเองถึงความสามารถที่เหนือกว่าของยูอิลฮานที่ได้แสดงออกมาตลอดการต่อสู้กับเสือดาว แม้ว่ามันจะดูน่าเกลียดไปนิดๆในบางครั้งก็ตามที
"เอาสิ่งที่พวกนายอยากได้ไปและก็เอา 60% มาให้ฉัน"
ยูอิลฮานได้ประกาศขึ้นต่อหน้าคนพวกนี้
"ถ้าหากว่ามันน้อยกว่า 60% แม้แต่นิดล่ะก็ฉันจะอัดพวกนายยทั้งหมดจนมันฝังใจเลยล่ะ"
ยูอิลฮานได้เหวี่ยงหอกของเขาเบาๆและแทงหอกลงไปบนพื้น พื้นคอนกรีดที่ยังไม่ได้รับความเสียหายอะไรจากก่อนหน้านี้ได้แตกออกพร้อมเสียงอันดัง บางคนอาจจะบอกว่านี้มันคือการข่มขู่แต่ว่าจริงๆแล้วมันคือการกระทำที่เขาทำเพื่อที่จะดึงความสนใจมาที่ตัวเองเพราะกลัวว่าสกิลติดตัวการปกปิดมันจะเผลอใช้งานอีกครั้ง
ช่วงเวลาแห่งความเงียบได้ผ่านไปอยู่พักหนึ่งแต่ก็ไม่ได้นานนัก นี่มันเป็นเพราะว่าพวกเขาทั้งหมดรู้ว่าต่อให้พวกเขาทั้งหมดร่วมมือกันก็ยังแพ้หากไปต่อสู้กับยูอิลฮาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยูอิลฮานก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีกจากการที่ผูกขาดค่าประสบการณ์ของเสือดาวไปเพียงคนเดียว
"...เอาหินพลังเวทย์ไปเถอะ"
"ทำตามที่นายต้องการเถอะ..."
"พวกเรา... โลภกันไปเอง"
ผู้ใช้พลังที่กล้าหาญขึ้นมานิดหน่อยได้กลับไปหวาดกลัว ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็ไม่ได้หัวเราะอะไรพวกเขา เขาได้เดินไปบนหัวของเสือดาวอย่างมั่นใจ แทงหอกลงไปและหยิบเอาหินพลังเวทย์ออกมาโดยไม่ยากเย็นอะไร
การกระทำนี้ได้ทำให้คนหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นอีก พวกเขารู้ว่าความผ่อนคลายนั่นไม่ใช่การแกล้งทำแต่มันคือเรื่องจริง
"ถ้าคุณชำแหละส่วนแบ่งของฉันงั้นฉันก็จะให้คุณ 40%.... แม้ว่าฉันจะอยากให้คุณครึ่งหนึ่ง แต่ว่าการที่คุณเอาค่าประสบการณ์ทั้งหมดไปมันก็มากพอแล้ว"
ยังไงก็ตามก้ยังมีคนที่ยังปกติดีอยู่กับสถานการณ์แบบนี้และคนๆนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกเหนือไปจากจักรพรรดินี
มีเพียงแค่เธอที่อยู่สงบๆไม่ว่าใครจะพูดอะไรเหมือนกับในตอนที่อยู่ภายในมหาลัย
"ส่วนไหนล่ะ?"
"ถึงฉันจะต้องการกระดูก แต่ฉันก็คิดว่ามันจะดีกว่าถ้าคุณให้หนังฉันมากด้วย"
หลังจากที่คุยกันอยู่ซึ่งมันดูเหมือนพวกเขากำลังอยู่ในโรงฆ่าสัตว์จบลงแล้วยูอิลฮานก็ได้เริ่มการชำแหละทันที ส่วนแบ่งของจักรพรรดินีคือ 20% ของร่างงกายซึ่ง 60% ของยูอิลฮานก็คือการเอาหินพลังเวทย์ไปดังนั้นส่วนแบ่ง 20% ของจักรพรรดินีก็คือร่างกายของเสือดาวอีกครึ่งหนึ่ง
หลังจากการคิดคำนวณที่เร็วยิ่งกว่าฟ้าผ่าแล้วยูอิลฮานก็ได้เริ่มใช้มีดของเขาทันที มันจะไม่เกินเลยไปเลยหากจะบอกว่าเขามีทักษะในการลอกหนังเลาะกระดูกในระดับเทพเจ้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะในการลอกออกมาแค่ครึ่งหนึ่ง!
เพียงแค่ผ่านไป 7 นาทีกับอีก 30 วินาทีตัวเสือดาวขนาดใหญ่ก็ได้ถูกลอกหนังออกไปครึ่งหนึ่งอย่างสมบูรณ์ ขั้นการการชำแหละของยูอิลฮานเป็นไปอย่างไม่ถูกสิ่งใดจำกัดเอาไว้และแม่นยำมากดังนั้นมันจึงเป็นปรากฏการณ์ที่คนอื่นๆได้แต่มองอย่างตกตะลึง
เมื่อกระบวนการนี้จบลงกระดูกกับหนังคุณภาพสูงได้ถูกซ้อนกันเอาไว้จนมีขนาดที่สูงกว่าคนซะอีก จักรพรรดินีได้พึมพัมเงียบๆเมื่อเห็นแบบนี้
"ฉันน่าจะเรียกรถนะ"
ต่อให้เธอต้องแบ่งส่วนแบ่งออกไปถึง 40% ให้กับยูอิลฮาน แต่ว่ามันก็ยังมากอยู่ดี
จักรพรรดินีได้หยิบเอาโทรศัพท์ออกมาและโทรออกไป ในขณะที่มองเห็นเธอทำแบบนั้นอย่างเป็นธรรมชาติ เขาก็คิดเรื่องนี้เอาไว้แล้วแต่ว่าก็ดูเหมือนว่าเธอจะมาจากครอบครอบที่ดีมาก หรือไม่เธอก็สร้างโชคขึ้นมาด้วยมือของเธอเองทั้งๆที่อายุยังน้อย
ไม่ว่าจะยังไงก็ตามยูอิลฮานก็อยากจะอยู่หากจากเธอเนื่องจากว่าเขารู้สึกได้ถึงออร่าทางสังคมจากตัวเธอ
"ฉันจะต้องขนส่วนแบ่งของคุณด้วยไหม?"
"ไม่จำเป็นหรอก ฉันไปล่ะ"
จักรพรรดินีที่ดูจะพัฒนาความรู้สึกดีกับตัวยูอิลฮานจากการต่อสู้ด้วยกันทำให้เธอแสดงเจตนาดีกับยูอิลฮาน และยูอิลฮานก็ได้ปิดกั้นตัวเองไว้.... สิ่งๆนี้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
"รอเดี๋ยว"
ในขณะที่เขากำลังจะสร้างบรรยากาศเพื่อปลีกตัวออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ ผู้คนก็ได้ตื่นตระหนกขึ้น
"ละ แล้วส่วนแบ่งของเราล่ะ!"
"ไม่ต้องห่วงฉันไม่ได้ขโมยของใครไป"
ยูอิลฮานได้ตอบกลับไปอย่างเย็นชา เขารู้ดีมากๆเลยล่ะว่าทำไมคนพวกนี้ถึงรั้งเขาเอาไว้
"พวกเราไม่สามารถจะลอกหนังมันได้ด้วยแค่กำลังของเรา"
"ถ้าพวกเราทำแบบนั้นมันได้เสียหายหมดแน่"
"กระดูกก็ด้วย เราจะเอากระดููกออกมาทั้งหมดได้ยังไงกัน? นายอยากจะตัดเนื้อออกไปไหม?"
"พวกเราอยากจะได้รางวัลแล้วก็ไปโลกอื่นเร็วๆ...."
เมื่อมีคนพูดออกมาก็ทำให้เสียงพูดดังออกไปราวกับไฟป่า เอิลต้าได้พึมพัมออกมาด้วยท่าทางที่ขยะแขยงเมื่อได้เห็นคนพวกนี้กลับมารวมใจเป็นหนึ่งอีกครั้งหลังจากการต่อสู้
[ฉันรู้สึกสงสัยในงานของฉันแล้วสิ บางทีฉันน่าจะไปที่ชนบทแล้วสร้างฟาร์มอะไรแบบนี้นะ]
"เชิญไปทำแบบนั้นเลย ในตอนที่เธอไปทำแบบนั้นก็ช่วยส่งลิต้ามาแทนเธอด้วย
[...ฉันต้องอยู่กับนายซักพักนะ]
ยูอิลฮานที่จัดการทำให้เอิลต้าหยุดพูดไปก็แทงหอกลงไปอีกครั้งเบาๆต่อหน้าทุกๆคน
"ถ้าพวกนายให้ฉัน 50% งั้นฉันจะชำแหละให้"
แม้ว่ายูอิลฮานจะเป็นผู้โดดเดี่ยว เขาก็เป็นผู้โดดเดี่ยวที่มีจิตวิญญาณ
สำหรับเขาที่ทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวจนกระทั่งตอนนี้แล้วมันไม่มีทางที่เขาจะมากลัวกับคนแค่ 100 คน หรือต่อให้ 1000 คนก็ตามในพวกพวกนี้ทำอะไรไม่ได้เลย
"ทำไมของจักรพรรดินีถึง 40% แล้วของเรา 50% ล่ะ!?"
"อัตราส่วนนี่มันแปลกมาแต่แรกแล้ว นี่มันก็แค่การชำแหละเองนะ!"
"ดะ เดี๋ยวก่อนสิ ถ้าบุรุษความเร็วแสงไม่ได้มา พวกเราก็อาจจะไม่รอดด้วยซ้ำนะ ทำไมพวกนายต้องโวยวายด้วยล่ะ!?"
"เหี้ยเอ้ย ไอ้พวกไร้สมอง"
ในขณะนี้กลุ่มคนได้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง หนึ่งคือคนที่สนับสนุนยูอิลฮาน กับอีกกลุ่มคือปฏิเสธยูอิลฮาน ยูอิลฮานได้หันไป ไม่ว่ายังไงเขาก็ได้ของของเขามาพ่อแล้ว ที่เขาพูดไปว่า 50% นั่นก็แค่การแกล้งพวกนั้น
เขาได้ผูกหนังเสือดาวเป็นกระเป๋าเหมือนกับในตอนที่ทำกับหนังหมีน้ำตาลและเก็บกระดูกไว้ด้านใน
ในตอนนี้ก็เกิดการโหวตของผู้คนขึ้น แต่ว่าความเห็นของพวกเขาก็ยังไม่ลงรอยกันซักที ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมาและจากไปโดยไม่เสียใจ เขาไม่ได้สนใจคนพวกนี้แล้ว
ยังไงก็ตาม
"ฉันมีเรื่องนึงอยากจะขอคุณด้วย"
"....อะไรล่ะ?"
แม้กระทั่งว่ารถมาถึงเมื่อไหร่เขาก็ยังไม่รู้เลยและเมื่อของทุกๆอย่างถูกเธอสั่งให้เก็บไปแล้ว จักรพรรดินีก็ตามเขามา
ยูอิลฮานรู้สึกประทับใจเล็กน้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนตามเขามา จากนั้นจักรพรรดินีก็ได้จ้องมาที่ตาของเขาและพูดขึ้น
"เฉพาะตอนที่ฉันตั้งสมาธิไม่ละสายตาไปจากคุณเท่านั้นฉันถึงจะหาคุณได้ สกิลการซ่อนตัวของคุณน่าทึ่งจริงๆ"
จักรพรรดินีก็พูดต่อออกมาอีกโดยไม่เปิดโอกาสให้ยูอิลฮานได้เถียงว่าเขาไม่ได้อยากจะเรียนสกิลนี้เลยซักนิด
"ฉันอยากจะตั้งปาตี้กับคุณ ฉันไม่คิดว่าจะมีใครที่จะคู่ควรมาเป็นคู่หูฉันแล้วนอกจากคุณ"
"แต่ฉันไม่คิดแบบนั้นนะ"
กำแพงที่ล้อมรอบหัวใจของยูอิลฮานแข็งแกร่งอย่างแท้จริง
ยังไงก็ตามจักรพรรดินีไตอบกลับมาโดยไม่สนใจมากนักราวกับเธอคิดเอาไว้แล้ว
"ฉันยังคิดที่จะใช้ชีวิตอยู่บนโลกในอนาคตเหมือนอย่างคุณนั่นแหละ ฉันไม่ได้อ่อนแอจนต้องไปต่างโลกและหาเควสง่ายๆทำ.... คุณก็เหมือนกันใช่ไหมล่ะ? ฉันคิดมันจะต้องมีโอกาสที่เราจะได้เจอกันอีกในอนาคตแน่นอน"
ยูอิลฮานก็คิดแบบนั้น แน่นอนมันไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะไปต่างโลกแต่เขาไปไม่ได้ต่างหาก
จักรพรรดินีได้ยื่นนามบัตของเธอออกมา ชื่อคือคังมิเรย์และสถานที่ติดต่อ และชื่อบริษัทที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาสามารถจะเห็นได้ชัดเลยว่าเธอเชื่อใจยูอิลฮานมากจนยอมให้เขาได้รู้ตัวตนของเธอแม้ว่ายูอิลฮานจะไม่เผยอะไรออกไปเลยก็ตาม
"กรุณาติดต่อมาหาฉัน"
จากนั้นเธอก็จากไป เขาอยากจะให้คะแนนสูงๆกับเธอจริงๆ...คังมิเรย์ไม่ได้ทำให้เขารำคาญอะไรนัก แต่แน่นอนว่ามันคงจะไม่มีโอกาสที่เขาจะติดต่อไปหาเธอในอนาคต
ยูอิลฮานคือผู้โดดเดี่ยวที่แท้จริง เขาได้ยักไหล่ออกมาและพึมพัมขึ้น
"กลับบ้านดีกว่า ฉันมีเรื่องต้องทำอีกมากเลย"
[ฉันกะไว้แล้วว่าคุณจะพูดแบบนั้น]
เอิลต้าได้ถอนหายใจออกมาราวกับว่าเธอได้ยอมแพ้แล้วและดึงผมของยูอิลฮาน เธอตั้งใจจะควบคุมเขากลับบ้านเหมือนหุ่นยนตร์
จักรพรรดินีและยูอิลฮานได้ออกไปจากที่นี้แล้ว ผู้คนก็ยังคงถกเถียงกันอยู่โดยที่ไม่รู้เลยว่ายูอิลฮานได้จากไปแล้วและร่างของเสือดาวที่เหลือเพียงครึ่งหนึ่งก็ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่อย่างเดิม
และในตอนนั้นเอง
ศพของเสือดาวก็ได้กระตุกเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีใครสังเกตุเห็นมัน