ตอนที่ 298 ยักษ์ดาบอสูร
สายฟ้ากระหน่ำลงมานาน20นาทีก่อนจะหายไป ภายในระยะเวลานั้น ไคลี่ได้เปลี่ยนต้นโอ๊กอมตะกว่า50000ต้นเป็นเถ้าถ่าน ด้วยความช่วยเหลือของไคลี่ หลิน ฮวงไม่เพียงแต่จะเลื่อนเป็นระดับทองขั้น3 เขายังเติมการ์ดพลังชีวิตทั้ง3ใบจนเต็ม แม้กระทั่งเจ้าแดงก็ยังได้รับผลประโยชน์จากการต่อสู้ มันเลื่อนจากระดับเงินขั้น3เป็นระดับทองสมบูรณ์รวมถึงได้รับทักษะใหม่
หลังจากที่แลกการ์ดเติมพลังชีวิตด้วยชิ้นส่วนการ์ด20000ชิ้น หลิน ฮวงก็ได้รับชิ้นส่วนการ์ดต้นโอ๊กอมตะมา30000ชิ้นรวมถึงการ์ดต้นโอ๊กอมตะสมบูรณ์กว่า20ใบ เขายังไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับการ์ด ดังนั้นเขาจึงเก็บพวกมันไว้และอัญเชิญไทแรนด์ออกมาอย่างตื่นเต้น
“ไทแรนด์ ลองใช้ลาวาวิญญาณใต้พื้นและดูว่ามันจะปลดผนึกแกได้ไหม”หลิน ฮวงชี้ไปที่ใต้เท้าเขา
ไทแรนด์ชกไปที่พื้นแข็ง ทำให้มันสั่นสะเทือนและยุบลง จากนั้นมันก็เอื้อมมือไปสัมผัสกับลาวาวิญญาณ หลังจากนั้นสักพัก มันก็หดมือซึ่งเปลี่ยนเป็นสีแดงกลับ แม้ว่าจะไม่มีรอยไหม้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าลาวาวิญญาณสามารถทำลายผ่านการป้องกันมันได้ อย่างไรก็ตาม ไทแรนด์กลับไม่สนใจ มันยิ้มกว้างและพยักหน้าให้หลิน ฮวง
“เอาละงั้น อยู่ที่นี่เพื่อบ่มเพาะสักพักและฉันจะให้ไคลี่เฝ้าระวังแถวนี้ ฉันจะกลับมาในอีก12วันหลังจากที่นายปลดผนึกเสร็จแล้ว”
ไทแรนด์พยักหน้าและกระทืบพื้นก่อนที่หลิน ฮวงจะได้จากไป พื้นใต้เท้ามันพังลงและมันก็ตกไปในลาวา หายไปโดยสิ้นเชิง
“ไคลี่ อยู่ที่นี่เพื่อดูแลเพื่อนตัวยักษ์ของเรา อย่าปล่อยให้ใครก็ตามมาขัดเขา หากมีมอนสเตอร์ตัวใดเข้ามาใกล้ ฆ่ามันซะ หากพวกมันคือมนุษย์ เพียงแค่ขับไล่ไปก็พอ”หลิน ฮวงสั่งไคลี่ ไคลี่ยืนอยู่กับที่โดยไม่ตอบสนองอะไร ไม่แม้แต่จะพยักหน้าหรือขยับหัว
หลิน ฮวงรู้ว่าเธอเข้าใจเขาตราบเท่าที่คำสั่งเขาไม่ซับซ้อนเกินไป แม้กระทั่งมอนสเตอร์อัญเชิญระดับเหล็กทั่วไปยังสามารถเข้าใจคำสั่งเขาผ่านการเชื่อมต่อทางจิต มอนสเตอร์กลายพันธ์สองครั้งสามารุเข้าใจภาษาพื้นฐานของมนุษย์ได้ หลิน ฮวงคิดว่าบุคลิกอันเย็นชาของไคลี่อาจมีมาแต่เกิด
เขาไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไปและมองเจ้าแดงที่เพิ่งจะกลับเข้าไปในแขนเสื้อเขา แม้ว่าเจ้าแดงจะเป็นระดับทองสมบูรณ์แล้ว แต่ทักษะมันก็ยังไม่สมบูรณ์ หลิน ฮวงยังไม่เห็นเงื่อนไขการปลดผนึกมัน ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจที่จะปลดผนึกมอนสเตอร์ตัวอื่นก่อนเจ้าแดง ท่ามกลางมอนสเตอร์อัญเชิญทั้งหมดของเขา ไคลี่ได้ปลดผนึกเป็นที่เรียบร้อยแล้วขณะที่ไทแรนด์กำลังอยู่ในกระบวนการ วิญญาณกระดูกโลหิตอยู่ในระดับเพลิงขาวอยู่แล้วซึ่งไม่จำเป็นต้องปลดผนึก ตัวที่เหลืออยู่ก็จะเป็นไป่ ชาโคลและเซียนดาบไร้ปราณี
ชาโคลจะต้องใช้ดาแคนนาเพื่อปลดผนึกศักยภาพมันซึ่งไม่มีในมิตินี้ ดังนั้นมันจึงต้องรอ สำหรับไป่ มันต้องฆ่ามอนสเตอร์กลายพันธ์สองครั้งและดูดเลือดมันทั้งหมดเพื่อปลดผนึก เงื่อนไขการปลดผนึกของเซียนดาบไร้ปราณีคือการฆ่ามอนสเตอร์หลุดพ้นประเภทดาบที่แตกต่างกัน9ตน เงื่อนไขของทั้งไป่และเซียนดาบไร้ปราณีไม่ใช่เรื่องง่ายแต่หลิน ฮวงก็ต้องการจะลองดู
“เจ้าแดง ช่วยฉันหาว่ามีมอนสเตอร์ตัวใดสำหรับไป่และเซียนดาบไร้ปราณีไหม หนึ่งควรจะเป็นมอนสเตอร์หลุดพ้นกลายพันธ์สองครั้งที่มีเลือด และอีกหนึ่งควรจะเป็นมอนสเตอร์หลุดพ้นประเภทดาบ”หลิน ฮวงสั่งเจ้าแดง
“ข้าได้ทำการตรวจสอบทั่วทั้งพื้นที่นี้แล้ว มีมอนสเตอร์หลุดพ้นประเภทดาบอยู่หนึ่งตัว”เจ้าแดงตอบกลับผ่านจิตทันที มันเลยบ่ายสองมาแล้วและมันก็เป็นเวลานานกว่า24ชั่วโมงตั้งแต่ที่เซียนดาบปราณีใช้กระบวนท่าไม้ตายตอน10โมงเช้าเมื่อวาน
“บอกพิกัดให้ฉัน”หลิน ฮวงกล่าวขณะที่ฉายแผนที่ เจ้าแดงทำเครื่องหมายสีแดงบนแผนที่ทันที จากนั้นหลิน ฮวงก็อัญเชิญอินทรีอเล็กซานเดรี้ยนและมุ่งหน้าไปยังพิกัดนั้น เมื่อเห็นว่าหลิน ฮวงจากไปแล้ว ไคลี่ก็ยืนอยู่บนพื้นใกล้กับไทแรนด์และนั่งข้างมันโดยไม่ขยับ
เกือบชั่วโมงครึ่งต่อมา หลิน ฮวงก็มาถึงปลายทางด้วยการนำทางของเจ้าแดง หลังจากที่อินทรีอเล็กซานเดรี้ยนร่อนลง หลิน ฮวงก็เปิดใช้งานเนตรไร้ขอบเขตและเห็นมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ร่างมนุษย์ที่อยู่ไกลออกไป มอนสเตอร์สูงกว่า10เมตรและมันดูราวกับมนุษย์ยักษ์เว้นแต่ใบหน้าและผิวมันที่มีสีเขียวอมม่วงราวกับพิษ เกราะดำปกคลุมร่างกายเกือบทั้งหมดของมัน มีดาบอยู่ในมือขวาซึ่งยาวเกือบ10เมตรเกือบจะเท่ากับส่วนสูงมัน
“นี่คือ...ยักษ์ดาบอสูร?”หลิน ฮวงรตะหนักถึงมันทันที มันคือปีศาจกลายพันธ์หนึ่งครั้งที่มีพละกำลังมหาศาล ด้วยดาบมัน การโจมตีของมันจึงน่ากลัวอย่างมาก เกราะมันดูราวกับกระดองเต่าที่ไม่อาจทำลายได้ อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของมันคือความเชื่องช้า
“มันจะต้องใช้กระบวนท่าไม้ตายเพื่อฆ่ามอนสเตอร์ตัวนี้...”หลิน ฮวงคิดกับตัวเขาก่อนจะอัญเชิญเซียนดาบไร้ปราณีออกมา เขาอยากรู้ว่าเซียนดาบไร้ปราณีจะฆ่ามอนสเตอร์ตัวนี้ยังไงหากมันไม่ได้ใช้ทักษะชีวิตสมบูรณ์
เซียนดาบไร้ปราณีสวมชุดเกราะดำและถือดาบดำในมือมัน มีหมอกดำรอบตัวมันคล้ายกับออร่าแห่งความตาย ดวงตาสีแดงข้างเดียวมันราวกับลำแสงเลเซอร์และยากที่จะจ้องมองดวงตามันตรงๆ มันสูงน้อยกว่า2เมตรแต่เมื่อมันปรากฏตัว ยักษ์ดาบอสูรก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงมันและมองมาในทิศทางเขา
“ฉันคิดว่าฉันอยู่ด้านนอกเขตตรวจจับมันเสียอีก มันสังเกตถึงเราได้ยังไง?ความสามารถนี้มาจากดาบมัน?”หลิน ฮวงขมวดคิ้วเพราะเขาไม่คาดคิดว่ายักษ์ดาบอสูรจะสัมผัสถึงพวกเขา
เซียนดาบไร้ปราณีมองไปที่ยักษ์ดาบอสูร โดยไม่รอคำสั่งของหลิน ฮวง เซียนดาบไร้ปราณีกลับพุ่งใส่ยักษ์ดาบอสูร หลิน ฮวงเลิกคิ้วขึ้น ตระหนักว่ามอนสเตอร์กลายพันธ์สองครั้งที่เขามีทั้งหมดดูเหมือนจะมีบุคลิกเฉพาะของพวกมัน ตัวที่เห็นได้ชัดที่สุดคงจะเป็นไคลี่ที่เพิ่งปลดผนึก
“หากทั้งหมดมีทัศนคติของตน งั้นฉันก็คงเหนื่อย...โชคดี มันมีแค่เจ้าแดงที่สามารถพูดได้ในตอนนี้”หลิน ฮวงไม่อาจจินตนาการได้ว่าหากมอนสเตอร์ทั้งหมดของเขาสามารถพูดได้
ในขณะเดียวกัน เซียนดาบไร้ปราณีก็ไปถึงตัวยักษ์ดาบอสูร สิ่งที่ทำให้หลิน ฮวงประหลาดใจคือความหวาดกลัวที่เห็นได้ชัดของยักษ์ดาบอสูร มันเพียงสำแดงพลังออกมาได้50-60%ในระหว่างการต่อสู้ นอกจากนี้ การป้องกันมันดูเหมือนจะไร้ผลต่อดาบดำของเซียนดาบไร้ปราณี ทุกครั้งที่มันถูกดาบดำสัมผัส มันก็จะบาดเจ็บ การต่อสู้เพียงใช้เวลาไม่ถึงครึ่งนาทีและจบลงเมื่อเซียนดาบไร้ปราณีสามารถแทงดาบใส่หัวมันได้
เพียงเมื่อหลิน ฮวงกำลังเดินไปที่ซากมอนสเตอร์ การแจ้งเตือนก็ดังขึ้น
“ขอแสดงความยินดีด้วย ท่านได้รับการ์ดมอนสเตอร์ใหม่-ยักษ์ดาบอสูร(ทาสดาบ)”