EG บทที่ 165 ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผมเลย (อ่านฟรี)
ข่าวเรื่องการจับกุมตัวซ่งเหล่าซื่อและพรรคพวกแพร่กระจายออกไปทั่วเมืองปิงในวันถัดมา ประชาชนส่วนใหญ่จุดประทัดเฉลิมฉลองอย่างต่อเนื่อง คนพวกนี้เป็นกลุ่มคนที่ถูกพวกมาเฟียกลั่นแกล้งเป็นประจำ
ผู้นำระดับเมืองและจังหวัดได้ยินเสียงประทัดและก็รู้สึกไม่ค่อยดี พวกเขาจัดการเรื่องนี้สายไปหรือเปล่า? แต่อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาก็จับกุมคนพวกนั้นแล้ว และต่อไปนี้ประชาชนจะได้อยู่อย่างสงบสุขเสียที
หัวหน้าตำรวจระดับจังหวัดรู้สึกผิด ดูเหมือนว่าลูกสาวของเขาจะพูดถูก คนพวกนี้ต้องถูกจัดการลงโทษตามกฎหมาย พอเมืองปิงเริ่มดำเนินการลงโทษขั้นรุนแรงแล้ว เมืองอื่นๆ ก็รีบปฏิบัติตามด้วยเช่นกัน
เฝิงหยู่อยู่ที่โรงเรียนและสังเกตเห็นว่านักเรียนคนอื่นๆ ต่างมองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกๆ เมื่อก่อนนักเรียนหลายคนกลัวเขา แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ชอบเฝิงหยู่ ให้ตายสิ ฉันไปทำอะไรให้พวกนั้นเกลียดหรอ?
สิ่งที่ทำให้เฝิงหยู่โกรธมากที่สุดก็คือมีคนหนึ่งกล้าส่งจดหมายรักให้ลีน่า!
ไปตายซะ ใครๆ ก็รู้ความสัมพันธ์ของฉันกับลีน่าทั่วโรงเรียน แม้แต่ครูและอาจารย์ใหญ่ยังรู้เรื่องนี้เลย แล้วนายยังจะมากล้ายุ่งกับผู้หญิงของฉันอีกหรอ?
เฝิงหยู่โกรธมากและเดินตรงไปที่ชั้นเรียนของนักเรียนคนนั้น
“นายทำแบบนี้หมายความว่าไง?” เฝิงหยู่ถามนักเรียนคนนั้น
“อะไรหรอ? นายชอบลีน่าได้คนเดียวหรือไง? ฉันจะชอบเธอบ้างไม่ได้หรอ?” นักเรียนคนนั้นยืนยันความคิดของตัวเอง ลีน่าทั้งน่ารักและเรียนเก่ง เมื่อก่อนนักเรียนคนอื่นๆต่างกลัวเฝิงหยู่เพราะว่าพี่เขยของเขาทำงานให้พวกมาเฟีย แต่ตอนนี้ เฝิงหยู่ไม่สามารถใช้เรื่องนี้มาทำให้นักเรียนคนอื่นๆ กลัวเขาได้อีกแล้ว
“ก็ใช่ ไม่ผิดที่นายจะชอบเธอแต่ดูสารรูปตัวเองซะก่อน ฉันขอบอกไว้เลยนะ เธอไม่ได้ชอบนาย และขอร้องละอย่าทำแบบนี้อีก!”
“ฉันจะทำอีก นายจะทำไม?”
เฝิงหยู่จ้องหน้านักเรียนคนนั้น เขากำลังถูกท้าทาย
“นายจ้องหน้าฉันทำไม? ฉันจะแข่งกับนาย! พี่เขยนายที่ทำงานให้หวังขาเป๋ตอนนี้ก็ไม่เหลืออะไรแล้วนิ เอ้ ติดคุกไปแล้วหรือยังนะ? ฮ่าๆๆๆ...”
ในที่สุดเฝิงหยู่ก็เข้าใจ ไม่แปลกใจเลยที่นักเรียนคนอื่นมองเขาแปลกๆ พวกเขารู้ว่าหวังขาเป๋ถูกจับแล้วและพี่เขยของเขาก็น่าจะถูกจับด้วยเหมือนกัน แล้วตอนนี้ทำไมพวกเขาถึงจะต้องกลัวเฝิงหยู่อีกล่ะ?
“หึ!” เฝิงหยู่ยิ้มเยาะและชกหน้านักเรียนคนนั้นหมัดแรกก่อน จากนั้นก็รัวหมัดใส่หน้านักเรียนคนนั้นอย่างต่อเนื่อง
“ใครกล้ามาช่วยเขา ฉันจะจัดการทีหลัง!”
ให้ตายสิ แค่ตัวสูงก็สามารถทะเลาะชกต่อยได้แล้วหรอ? สำหรับนักเรียนที่ไม่เคยต่อสู้มาก่อน เฝิงหยู่ชนะได้ง่ายมาก หมัดแรกโดนที่สันจมูกและเสยไปที่ตา แค่นี้ก็เกิดการต่อสู่ขึ้นทันทีแล้ว
เฝิงหยู่หยิบธนบัตรสองร้อยหยวนออกมาและโยนไปที่พื้น “ฉันต่อยนายและก็จ่ายค่าทำขวัญให้ละ ถ้านายยังไม่พอใจ ฉันจะไปตามพวกนักเลงวัยรุ่นจากโรงงานมอเตอร์มารออัดนายทุกวัน ถ้าฉันหักขานาย ฉันก็มีปัญญาจ่ายค่าทำขวัญ”
คำพูดที่เย่อหยิ่งของเฝิงหยู่ทำให้นักเรียนคนอื่นๆ กลัวกันหมด เป็นเรื่องปกติที่นักเรียนจะทะเลาะชกต่อยกัน แต่ไม่เคยมีใครเห็นการต่อสู้ที่โหดร้ายแบบนี้มาก่อน วิธีการที่เฝิงหยู่หยิบเงิน 200 หยวนออกมาทำให้พวกเขากลัว เฝิงหยู่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยจริงๆ ทุกคนได้ยินข่าวลือมาว่าเฝิงหยู่ขับรถพาลีน่าไปเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และข่าวลือนั้นก็น่าจะเป็นจริง
ทันใดนั้น เหวินตงจวินก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับถือไม้มาด้วย “ใครกล้ามาทำน้องชายฉัน?”
เหวินตงจวินสูงเกิน 185 ซม. เขาสูงและแข็งแรง และอยู่ในทีมบาสเกตบอลของโรงเรียน ไม่มีใครในโรงเรียนกล้ามีเรื่องกับเขา
เฝิงหยู่ดึงเหวินตงจวิน “ไม่มีอะไรๆ ฉันจัดการเรียบร้อยละ ไปกันเถอะ ถ้าเขายังไม่พอใจ เดี๋ยวฉันมีวิธีจัดการเขาเอง!”
ท่าทางของเฝิงหยู่เป็นที่กล่าวขานของนักเรียนคนอื่นๆ อย่างรวดเร็ว ลีน่าลังเลเกือบครึ่งวันก่อนที่เธอจะตัดสินใจบอกเฝิงหยู่ว่าเธอโยนจดหมายรักนั้นทิ้งไปแล้ว และขอให้เฝิงหยู่อย่าไปมีเรื่องชกต่อยอีก
“ไม่มีอะไรหรอก ถ้าพวกนั้นไม่มาหาเรื่องฉัน ฉันก็ไม่ไปทะเลาะด้วยหรอก ไม่ต้องห่วงนะ หลังจากเรื่องนี้แล้ว คงไม่มีใครในโรงเรียนกล้ามายุ่งกับฉันอีกสักพัก”
แน่นอนละ นักเรียนต่างกลับมากลัวเฝิงหยู่อีกครั้งหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เด็กคนนี้สู้โดยไม่มีความกลัว และก็รวยมากด้วย พวกเขาได้ยินมาว่าเฝิงหยู่เป็นพี่น้องกับพวกนักเลงจากโรงงานมอเตอร์ด้วย ถ้าพวกเขาไปหาเรื่องเฝิงหยู่ และพวกนักเลงมาดักคอยตามพวกเขาหลังเลิกเรียนล่ะ?
ครูประจำชั้นเรียกเฝิงหยู่มาคุย “นายไปมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนมาหรอ?”
“เปล่านะครับ ผมก็แค่บังเอิญไปชนเขาจนเลือดกำเดาไหล แล้วผมก็จ่ายค่าทำขวัญให้เขาไป 200 หยวนแล้วด้วย” เฝิงหยู่พูดพร้อมกับแสดงท่าทีเจ็บใจ
ครูประจำชั้นถึงกับอึ้ง เงิน 200 หยวนอาจจะเป็นเงินจำนวนมากสำหรับพวกเขา แต่สำหรับเฝิงหยู่ เขาส่งของกำนัลที่มีมูลค่าหลายพันหยวนให้กับที่บ้านของเขาในช่วงวันตรุษจีน และรถที่เขาขับก็มีมูลค่าหลายแสนหยวน แค่นี้ถือว่าเล็กน้อย
“ช่างเถอะ อย่าทำแบบนี้อีกก็แล้วกัน กลับไปเรียนได้แล้ว”
เฝิงหยู่กลับออกไปและหลังจากนั้น 5 นาทีก็เดินกลับมา
“ครูครับ ผมอยากขอลาหยุดครับ”
“ลาหยุดอีกแล้วหรอ? เหตุผลล่ะ?”
“เอิ่ม....รองนายกเทศมนตรีจางเรียกพบผมครับ”
ครูประจำชั้นโบกมือไล่ให้เขาไป เขาขี้เกียจจะพิสูจน์ข้อแก้ตัวของเฝิงหยู่แล้ว ปล่อยเขาไปเถอะ
เฝิงหยู่ยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเขาพบจางรุ่ยเฉียง “ขอบคุณนะครับท่านผู้นำที่ช่วยเหลือผม”
จางรุ่ยเฉียงโบกมือ “การลงโทษขั้นรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะผมหรอก มีผู้นำบางคนจากรัฐบาลระดับจังหวัดเป็นคนเริ่มดำเนินการนะ คุณไม่สังเกตหรอว่าตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการลงโทษขั้นรุนแรงครั้งนี้ล้วนเป็นตำรวจระดับจังหวัดทั้งนั้น?”
“แต่ก็เหมือนกันนั่นแหละ ยังไงซะพวกคนเลวก็ถูกจับไปหมดละ ว่าแต่คุณเรียกผมมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า? ใช่เรื่องเกี่ยวกับโรงงานรถจักรยานยนต์หรือเปล่า? วางใจได้เลย จะต้องได้ผลสรุปก่อนสิ้นปีแน่นอน” เฝิงหยู่ไม่ได้สนใจว่ากรมตำรวจไหนเป็นคนจับกุมหัวหน้ามาเฟียพวกนั้น
เมื่อสองวันก่อนเฝิงหยู่โทรคุยกับคิริเลนโก การเจรจาต่อรองสำหรับเทคโนโลยีใกล้จะสำเร็จแล้ว แต่การกำหนดราคาสำหรับสายการผลิตยังอยู่ในระหว่างการเจรจาอยู่ ซึ่งน่าจะตกลงกันได้ภายในสิ้นเดือน
สายการผลิตจะถูกนำเข้ามาและการก่อสร้างโรงงานจะต้องแล้วเสร็จภายในปีนี้ ในระหว่างช่วงตรุษจีนปีหน้า จะมีการผลิตรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งจะทันพอดีกับช่วงเทศกาล
“เฝิงหยู่ บอกความจริงผมมาเถอะ คุณไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกซ่งเหล่าซื่อ หวังขาเป๋ และพรรคพวกนั้นใช่ไหม?”
เฝิงหยู่รู้ทันทีว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลกับจางรุ่ยเฉียง “คุณคิดว่าผมมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพวกนั้น?”
“ผมได้ยินมาว่าคุณให้เงินค่าชดเชย 300,000 หยวนแก่หวังขาเป๋เมื่อปีที่แล้วตอนที่เขามีเรื่องกับซ่งเหล่าซื่อ หวังขาเป๋บอกว่าคุณเสนอเงินก่อนหนึ่งให้เขาไปฆ่าหลานชายของซ่งเหล่าซื่อที่ชื่อ ซ่งเซียวเฟิง ไหนคุณลองอธิบายเรื่องนี้ให้ผมฟังหน่อยซิ?”
จางรุ่ยเฉียงรู้สึกผิดหวัง เฝิงหยู่ยังเด็กอยู่เลย แต่เขาเป็นคนที่มีความสามารถมาก ทำไมเขาถึงทำเรื่องแบบนี้?
“ไหนละครับหลักฐาน? ก็แค่คำพูดจากปากคนพวกนั้น พวกนั้นกล่าวหาผมชัดๆ!” เฝิงหยู่ไม่ยอมรับเรื่องนี้เด็ดขาด ถ้าเขายอมรับ ทุกอย่างจบลงแน่ๆ
“ผมมาถามคุณที่นี่ ไม่ใช่ที่สถานีตำรวจก็เพราะว่าผมอยากให้โอกาสคุณสำนึกผิด รายงานการเคลื่อนไหวทางบัญชีธนาคารของคุณสอดคล้องกับคำให้การของหวังขาเป๋
ถ้าไม่ใช่เพราะคอนเนคชั่นของเฝิงหยู่กับสหภาพโซเวียต และเขาสามารถนำเอาเทคโนโลยีและเครื่องจักรทันสมัยมาได้ จางรุ่ยเฉียงคงจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องนี้แน่นอน
“โอ้... คุณหมายถึงเงินนั้นหรอ? ใช่แล้ว ผมให้เงินหวังขาเป๋ไป”
สีหน้าของจางลุ่ยเฉียงเปลี่ยนไปทันที เฝิงหยู่เกี่ยวข้องกับพวกมาเฟียจริงๆ เฮ้อ เขาไว้ใจคนผิดหรือเนี่ย
เฝิงหยู่พูดต่อ “แต่เงินนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับค่าชดเชยเลยนะครับ นั่นมันเงินค่าโบราณวัตถุ ผมจ่ายให้หวังขาเป๋ไปประมาณ 400,000 ถึง 500,000 หยวนสำหรับกระถางธูปซวนเต๋อ ซึ่งนั่นคือเงินลงทุน! โบราณวัตถุชิ้นนั้นตอนนี้ก็อยู่ที่ธนาคารไอซีบีซีของเมืองเพราะผมใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับเงินกู้จำนวน 6 ล้านหยวน คุณไปตรวจสอบกับพวกเขาได้เลยครับ”
ตอนที่เขาซื้อกระถางธูปใบนั้น เขาไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นโบราณวัตถุ แต่สิ่งนี้กลายเป็นข้อแก้ตัวให้เฝิงหยู่สำหรับเงินที่เขาจ่ายให้หวังขาเป๋ไป การซื้อโบราณวัตถุไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย คุณหาว่าฉันสนับสนุนหวังขาเป๋หรอ? ไหนละหลักฐาน? ไปเรียกซ่งเซียวเฟิงมาพิสูจน์ได้มั้ยละ?
“คุณบอกว่าเงินนั้นเอาไปซื้อโบราณวัตถุอย่างนั้นหรอ?” จางรุ่ยเฉียงถามอย่างมาค่อยอยากจะเชื่อ
“ใช่ครับ ทุกคนในบริษัทผมก็รู้เรื่องนี้ สำหรับเรื่องความสัมพันธ์กับพวกมาเฟียที่คุณถามผมนั้น ถ้าผมมีความสัมพันธ์กับพวกนั้นจริง ทำไมผมถึงโดนพวกนั้นข่มขู่ล่ะ? แล้วพวกเรื่องผิดกฎหมายต่างๆ ที่คุณพูดถึงเมื่อกี้ก็ไม่มีเรื่องไหนเกี่ยวข้องกับผมเลย!”
หมายเหตุจากผู้เขียน: เนื้อหาในตอนนี้คือฉากปิดของตัวละครมาเฟีย ซึ่งต่อไปจะไม่มีเนื้อเรื่องแบบนี้อีก