ตอนที่ 42 แผนร้าย
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 42 แผนร้าย
หลังจากเดินออกมาจากที่พักตระกูลหลิง หม่าหลางพูดกับตัวเองด้วยเสียงที่เบาจนมีแต่มันคนเดียวที่ได้ยิน
“เจ้าหนูนั่นอยู่ในระดับรวมธาตุแล้ว ยิ่งกว่านั้นยังอายุเพียงสิบหกปี! สถานที่เล็กๆอย่างเมืองหมอกเมฆานี้กลับมีคนที่ทะลวงผ่านระดับรวมธาตุได้โดยที่อายุน้อยกว่ายี่สิบปี! เด็กนั่นจะต้องกินผลสมุนไพรวิเศษบางอย่างหรือไม่ก็ต้องได้รับสมบัติลับบางอย่างมาแน่ๆ ข้าคงต้องไปตรวจสอบดูสักหน่อยแล้ว”
หม่าหลางพาคนของมันไปยังตระกูลเชิง และครึ่งชั่วโมงต่อมาใบหน้าของมันปรากฎรอยยิ้มและดวงตาของมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“เมื่อสองเดือนก่อนเจ้าเด็กนั่นยังเป็นเพียงขยะ แต่จู่ๆก็เปิดเผยความสามารถอันโดดเด่นออกมา เหอะๆ เจ้าเด็กนั่นต้องได้รับสุดยอดสมบัติมาอย่างแน่นอน เพราะงั้นพลังบ่มเพาะของมันถึงได้เพิ่มขึ้นขนาดนั้นในเวลาสั้นๆ!”
“ไม่เช่นนั้นแล้วขยะที่มีรากฐานวิญญาณห้าธาตุปั่นป่วนจะสามารถทะลวงผ่านมายังระดับรวมธาตุได้อย่างไร?”
อีกทั้งแม้แต่ผู้อาวุโสเก้ายังถูกหลอกโดยเจ้าเด็กนั่น!
ขนาดขยะแบบนั้นยังสามารถก้าวหน้าจากระดับหลอมกายาขั้นสองมายังระดับรวมธาตุได้ภายในเวลาสั้นๆเพียงสองเดือน ถ้าข้าสามารถเอาสมบัตินั่นมาใช้ได้ล่ะก็...
หัวใจของหม่าหลางเต้นอย่างรวดเร็วโดยไม่อาจควบคุมได้ มันถูกเรียกว่าอัจฉริยะของนิกายหมาป่าหินผาในรุ่นปัจจุบัน ในขณะเดียวกันมันก็เป็นศิษย์ของอาวุโสเจ็ดด้วย และด้วยพลังของมัน มันถูกจัดอันดับอยู่ในศิษย์ที่แข็งแกร่งสามอันดับแรกของนิกายหมาป่าหินผา ผู้อาวุโสหลายๆคนในนิกายได้ตั้งความหวังไว้สูงมากว่ามันจะสามารถทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุได้
แต่ถ้ามันก้าวหน้าด้วยระดับความเร็วปรกติ กว่าจะทะลวงผ่านได้คงอย่างน้อยยี่สิบปีหลังจากนี้
“เมื่อข้าได้สมบัตินั่นมา ภายในสามปี ไม่สิอาจจะเพียงแค่หนึ่งปี ข้าจะสามารถทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุได้ เพราะอย่างไรข้าก็ครอบครองรากฐานวิญญาณระดับปฐพีขั้นกลาง พรสวรรค์ของข้ามากกว่าเจ้าขยะนั่นไม่รู้กี่เท่า!”
อย่างไรก็ตาม อำนาจของตระกูลหลิงเองก็ไม่ได้อ่อนแอ ข้าไม่สามารถลงมือแบบใจร้อนได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่สามารถนำสมบัตินั่นมาครอบครองได้ พวกมันอาจจะถึงขั้นเลือกที่จะทำลายสมบัตินั่นแทนที่จะมอบมันมาให้ข้าด้วยซ้ำ
อีกอย่าง ถ้าข้าลงมือโจ่งแจ้งเกินไป มันอาจจะไปดึงดูดสมาชิกคนอื่นที่แข็งแกร่งจากนิกายมาก็ได้ เมื่อถึงตอนนั้นข้าคงไม่มีโอกาสที่จะได้รับสมบัตินั่นมา
และเจ้าเด็กนั่นเองก็ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับอาวุโสเก้าด้วย ถึงแม้สถานะของอาวุโสเก้ากับอาจารย์ของข้าจะต่างกันอยู่บ้าง แต่ถ้าเขาออกหน้าแทนเจ้าเด็กนั่น ข้าคงขัดขืนคำสั่งของเขาอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้
เพราะงั้นเรื่องนี้จะต้องลงมืออย่างมีแผนการ...
...ใช่แล้ว ข้ามีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับจ้าวแห่งพิษ อู่เชิง ชายคนนี้มีทักษะในการใช้พิษที่สูงมาก และฉายาของมันคือ ‘พิษสังหารไร้เงา’ ถ้าข้าให้มันช่วย จะต้องจัดการหลิงฮันได้อย่างง่ายดายแน่นอน หลังจากนั้นข้าก็จะบังคับมันให้ส่งสมบัติลับมา และให้เชิงประกาศออกไปว่าหลิงฮันเป็นผู้สังหารฮังฉาน
สำหรับสมาชิกของตระกูลหลิงคนอื่น... ข้าคงต้องทำให้พวกมันตายไปซะเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลออกไป
ข้าจะให้คนส่งจดหมายไปหาจ้าวแห่งพิษในทันที ส่วนข้าจะอยู่ที่นี่และแสร้งทำเป็นตีสนิทกับเจ้าเด็กนั่นเพื่อแอบล้วงความลับของสมบัติที่ว่า
ไม่เกินหนึ่งเดือน สมบัติลับนี่จะต้องเป็นของข้า!
***
หลังจากที่หม่าหลางมาถึงเมืองหมอกเมฆา มันเดินไปรอบๆเมืองซ้ำไปซ้ำมา และทุกๆสองสามวัน มันจะไปยังที่พักตระกูลหลิงเพื่อนั่งดื่มและพูดคุยกับหลิงฮันราวกับว่ามันถูกชะตากับเขาตั้งแต่แรกพบ แต่ในทางกลับกันหม่าหลางเป็นคนที่โลภมาก มันเที่ยวไปหาตระกูลเล็กๆอื่นๆเพื่อที่จะได้รับของขวัญเล็กน้อยอยู่ทุกวัน
เมื่อถูกกดดันโดยอำนาจของนิกายหมาป่าหินผา รวมถึงความเกรงกลัวต่อกลุ่มคนที่หม่าหลางพามา ทำให้มันประสบความสำเร็จในการรับของขวัญทุกๆครั้ง
เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนแล้วที่มันมาเมืองหมอกเมฆา ทั้งเมืองได้มีความโกรธเกรี้ยวเกิดขึ้นในทุกๆตระกูล พวกมันไม่ต้องการอะไรเลยนอกจากไล่เจ้าตัวดูดเลือดนี่ออกไปจากเมืองซะ
แต่หลิงฮันกลับทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาพยายามบ่มเพาะพลังอย่างหนักในทุกๆวันเพื่อบรรลุไปยังรวมธาตุขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากบรรลุได้เขาจะมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะไปยังหุบเขาเจ็ดวายุเพื่อค้นหาหญ้ามังกรปฐพีและกลับมาได้อย่างปลอดภัย
ด้วยความพยายามอย่างหนักในเดือนนี้ เขาเกือบจะบรรลุถึงขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุดแล้ว เมล็ดก่อเกิดห้าธาตุเองก็เกือบจะกลายเป็นรูปร่างที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ความเร็วในการโคจรของมันไม่สามารถเร่งเพิ่มได้อีก ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องกระอักเลือดออกมาทันทีแน่นอน
แต่อย่างไรเมื่อเทียบกับชีวิตที่แล้วของเขาความเร็วในการโคจรระดับนี้ถือว่าเร็วกว่ามาก
แถมระหว่างที่เขากำลังบ่มเพาะอย่างหนักนี้เขายังทำการหลอมยาหลายๆชนิดด้วย อย่างเช่น โอสถคืนกำเนิดระดับกลาง และยาแก้พิษหลายๆชนิด โดยยาเหล่านี้เตรียมไว้เพื่อจัดการกับมังกรอสรพิษเกล็ดสีชาด วัตถุดิบต่างๆที่นำมาหลอมก็ได้มาจากตำหนักโอสถสวรรค์โดยที่เขามอบเม็ดยาที่หลอมเสร็จแล้วบางส่วนแทนค่าใช้จ่าย ซึ่งทำให้จูเฮอซินอดตื่นเต้นไม่ได้ที่จะได้รับเม็ดยาที่หลอมโดยปรมาจารย์แห่งการปรุงยา เม็ดยาที่ได้มามีค่าสำหรับการนำไปวิจัยเป็นอย่างมาก
‘พลังบ่มเพาะของข้าในตอนนี้เทียบได้กับจอมยุทธในระดับรวมธาตุขั้นที่ห้า’ หลิงฮันคิดในใจ ความรู้สึกชมเชยปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเขา ไม่ว่าอย่างไรรากฐานวิญญาณระดับนิรันดร์ก็ยังคงเป็นรากฐานวิญญาณระดับนิรันดร์ ผู้ที่ครอบครองมันสามารถได้รับผลประโยชน์มากมายขนาดนี้ เรียกได้ว่าหากสู้กับจอมยุทธในระดับเดียวกันจะไร้พ่ายโดยสิ้นเชิง
‘ใช้เวลาหนึ่งเดือนในการบ่มเพาะหนึ่งขั้น... นี่มันช้ากว่าที่ข้าคิดเอาไว้เยอะมาก’
‘ถ้าข้าใช้เม็ดยาช่วย ความเร็วคงจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย’ หลิงฮันคิดในใจ
อย่างไรก็ตาม เมืองหมอกเมฆานั้นเล็กเกินไป เม็ดยาที่ช่วยให้จอมยุทธระดับรวมธาตุเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะได้จึงหาซื้อยากมาก วัตถุดิบที่ใช้หลอมเองก็ไม่ต่างกัน
“ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น หลิวอู๋ตงเดินเข้ามาและพูด “หม่าหลางมาอีกแล้ว”
หลิงฮันเผยรอยยิ้มดูถูกออกมา “มันต้องคิดว่าข้าได้รับสมบัติบางอย่างมาแน่นอน พลังบ่มเพาะของข้าถึงก้าวหน้าได้รวดเร็วขนาดนี้ มันพยายามจะล้วงความลับนั่นจากข้ามาหลายรอบแล้ว”
“เจ้าอยากให้ข้าไล่มันกลับไปหรือไม่? หลิวอู๋ตงถาม”
นางอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้า ยิ่งกว่านั้นยังใกล้จะบรรลุถึงระดับสูงสุดแล้ว การจะจัดการกับจอมยุทธรวมธาตุขั้นสี่จึงเป็นเรื่องง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ
“ไม่จำเป็น ดูเหมือนว่าความอดทนของมันใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว ใกล้ถึงเวลาแล้วที่มันจะหงายไพ่ออก” หลิงฮันส่ายหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยประกาย หม่าหลางมีพลังอยู่ที่รวมธาตุขั้นสี่ระดับสูงสุด นี่ถือว่าเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ทดสอบพลังของตนเอง
เขาเดินตรงไปยังห้องโถงหลักพร้อมกับหลิวอู๋ตง โดยที่มีหลิงตงซิงนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งหลิงจงควั่นและหลานของมันก็อยู่ที่นั่นเช่นเดียวกัน พวกมันยืนอยู่อีกฝั่งด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันกำลังคิดจะทำอะไร
‘ถึงเวลาที่จะกำจัดหลิงจงควั่นและกลุ่มของมันให้สิ้นซากแล้ว’ หลิงฮันคิดในใจ
อย่างไรก็ตาม ข้างๆหม่าหลางได้มีรุ่นเยาว์อีกคนที่สวมชุดดำทั้งตัวอยู่ด้วย มันดูราวกับซากศพเดินได้ โดยที่บนใบหน้าของมันไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง
“น้องชายหลิงพวกเราไม่ได้พบกันสักพักแล้ว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หม่าหลางยืนขึ้น ตาของมันมองไปทั่วเรือนร่างอันงดงามของหลิวอู๋ตง
ผู้หญิงที่งดงามจนทำให้หัวใจมันเต้นรัวได้แบบนี้ มันสาบานกับตัวเองไว้แล้วว่าเมื่อมันสังหารหลิงฮันเสร็จและได้รับสมบัติลับมา มันจะต้องครอบครองสตรีนางนี้อย่างแน่นอน
หลิงฮันยิ้มบางๆ “ข้าสบายดี”
ขณะที่หลิงตงซิงสั่งให้คนรับใช้นำชามาต้อนรับ หม่าหลางได้เชิญชวนให้หลิงฮันไปเยี่ยมเยือนนิกายหมาป่าหินผา
เมื่อหลิงฮันยกถ้วยชาขึ้น สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปทันที
ในน้ำชามีพิษ!
เขาเป็นนักปรุงยา และนักปรุงยานั้นจะมีความเข้าใจในเรื่องพิษที่สูงมาก เนื่องจากการจะหลอมยาบางชนิดจำเป็นต้องใช้สมุนไพรที่มีพิษ
“ปัง!”
เขาสะบัดฝ่ามือออกไป ปราณก่อเกิดของเขาได้สร้างแรงสั่นสะเทือนจนแก้วชาในมือหลิงตงซิงแตกออกทันที น้ำชาที่อยู่ข้างในเองก็กระจายไปทั่วทุกทิศ
“ฮันเอ๋อร์!” หลิงตงซิงประหลาดใจ มันไม่รู้เลยว่าบุตรของมันกำลังทำอะไร
“ในชานี่มีพิษ!” หลิงฮันพูด
“ว่าไงนะ?” สีหน้าที่เกรี้ยวกราดปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของหลิงตงซิง แน่นอนว่ามันไม่สงสัยในคำพูดของบุตรมันแน่นอน หลิงตงซิงหันไปมองที่หลิงจงควั่นและหลานของมัน ในที่นี้คนที่มีแรงจูงใจและความสามารถที่จะใส่ยาพิษลงไปในชาได้ ต้องเป็นหลิงจงควั่นคนเดียวเท่านั้น
**ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ**