ตอนที่ 156 เดิมพัน (FREE)
"..."
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้รีบร้อนที่จะไปเมืองหลวง เพราะถ้าเขาขี่ม้าป่ามังกรหิมะไปล่ะก็จะใช้เวลาเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น
เขาจึงไม่ได้รีบร้อน
อย่างแรกเขาต้องการเตรียมความพร้อมในการทดสอบระดับจักรพรรดิ อย่างที่สอง เขาต้องการแสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงความพยายามในการเข้าถึงระดับสะท้อนสวรรค์ของเขา
ฟาง เจิ้งจือ ออกเดินทางจากทะเลทรายเหนือไปยังเมืองหลวง ระหว่างทางเขาแวะตามเมืองต่างๆ ทั้งร้านอาหาร โรงชามากมายต่างพูดถึงเรื่องของเขาอย่างนับไม่ถ้วนโดยแต่ละเรื่องนั้นก็แตกต่างกันออกไป เด็กๆ ต่างร้องเพลงที่เกี่ยวกับการเข้าถึงระดับของเขา
ประเด็นคือ ฟาง เจิ้งจือ ผู้ที่มากจากหมู่บ้านที่ยากจนบนภูเขา แต่กลับสามารถเป็นผู้ชนะได้ในทั้งการสอบ ระดับมณฑลและระดับเมืองหลวง ทั้งยังเข้าถึงระดับสะท้อนสวรรค์ได้ในอายุแค่ 15 ปี
ชื่อเสียงของเขาจึงโด่งดังไปทั่ว ตอนนี้เขาเป็นแบบอย่างสำหรับเด็กทั่วทุกคน
เขาเป็นที่พูดถึงอย่างมากในหมู่คนรุ่นหลัง
เด็กๆมากมาย มักสวมชุดคลุมสีน้ำเงินและถือดาบไม้แล้วตะโกนออกมาว่า ฟาง เจิ้งจือ อยู่ที่นี่แล้ว
ครั้งแรกที่ ฟาง เจิ้งจือ รู้เรื่องนี้ เขาถึงกับตกใจ เด็กๆพวกนี้ดูผอมแห้ง แต่พวกเขาก็ยังทำเรื่องแบบนี้อย่างร่าเริง
เขาชื่นชมวิธีการของ ซูจิว
ที่โรงชา ...
ฃเพลงของพวกเด็กๆเป็นการกระจายข่าวที่รวดเร็วที่สุด
เขาหยุดพักตามเส้นทางมากมาย เพื่ออ่านหนังสือและเพลิดเพลินไปกับสิ่งเหล่านั้น ทุกครั้งที่เขาได้เห็นเขาก็ปลื้มปริ่มเป็นอย่างมาก เขาจึงหยุกพักผ่อนเพื่ออ่านหนังสือและจิบชาเบาๆ
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เร่งรีบในการเดินทางนัก
ยังไงก็ตาม เขารู้สึกว่าควรจะสนุกสนานไปกับวิถีชีวิตแบบนี้ในขณะที่ยังมีมันอยู่ เมื่อเขาไปถึงเมืองแล้วเขาอาจจะต้องต่อสู้อย่างเดียว เพื่อเอาชีวิตรอด
แต่ถึงอย่างนั้น ม้าป่ามังกรหิมะก็พาเขาไปถึงเมืองหลวงภายในเวลา 2 เดือน มันเร็วกว่าที่เขาคิดไว้มาก
"ในที่สุดก็มาถึง ที่นี่... " เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่คำว่า "เมืองเหยียน" ฟาง เจิ้งจือ เปลี่ยนท่าให้สบายตัวแล้วพยักหน้า ก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ประตู
"ข้าคิดว่าโรงเตี้ยมที่นี้คงเต็มหมดแล้ว ทำไมเจ้าไม่มาอยู่กับข้าล่ะ?" เหยียน ซิว ตระหนักถึงความเป็นจริงที่ผู้คนแห่กันมาเข้าร่วมการทดสอบ
นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกๆปี
"อยู่กับเจ้า? ข้าคิดว่ามันคงจะมีปัญหาแน่ ในขณะที่พวกเราอยู่ที่นี่ เจ้าจะรับมือมันได้รึ " ฟาง เจิ้งจือ รู้ดีว่า เหยียน ซิว เอาเหตุผลมาอ้างเพื่อปกปิดความกังวลในใจที่มีต่อ ฟาง เจิ้งจือ
"ข้าจะพยายาม" เหยียน ซิว ตอบอย่างใจเย็น
"ได้เลย งั้นลองดู" ฟาง เจิ้งจือ ไม่ปฏิเสธ พวกเขาเป็นเพื่อนกัน จึงไม่จำเป็นต้องพูดอ้อมค้อม
"..."
ทั้งสองเดินผ่านประตูเมือง เมื่อเห็นม้าป่ามังกรหิมะของทั้งสอง ทหารยามที่ประตูก็ผงะไปชั่วครู่ พร้อมแววตาที่ส่องประกาย
ม้าป่ามังกรหิมะเป็นสัญลักษณ์ของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์
ข่าวที่ ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว ขี่ม้าป่ามังกรหิมะนั้นแพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นชายหนุ่มทั้งสองที่ขี่ม้าป่ามังกรหิมะมาที่ประตูเมือง ทหารยามก็รู้ในทันที
"ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว มาถึงเมืองหลวงแล้ว!"
เมื่อมั่นใจแล้ว ทหารยามคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้าไปในตัวเมืองเพื่อที่จะส่งข้อความ
ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว มองตามอย่างใจเย็น พวกเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกันนี้มาหลายต่อหลายครั้งตามเส้นทางที่เขาเดินทางมา จึงไม่ได้แปลกใจอะไร
"ไปกันได้แล้ว!"
"อืม"
"..."
โรงชาหอม เป็นโรงน้ำชาที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองหลวง ว่ากันว่าก่อตั้งมานานนับศตวรรษแล้ว ทั้งยังได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมาก
ที่ผนังนั้นมีบทกลอน บทกวี เขียนเอาไว้ บ้างก็กล่าวถึงทิวทัศน์ บ้างก็กล่าวถึงการแก้แค้นและกองทัพ
บทกวีบนผนังของโรงชาหอมเป็นที่ดึงดูดของเหล่าผู้คนที่มาเยือนเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ที่พื้นยังได้รับการออกแบบอย่างประณีต
มีผู้ที่ร่ำรวยมากมายในเมืองเหยียน แต่มีไม่ถึง 20 คน ที่สามารถจองที่นั่งส่วนตัวในโรงชาแห่งนี้ได้
ตอนนี้มีคน 3 คนอยู่ในห้อง
หญิงสาว 2 คนและชายหนุ่ม 1 คน
และเหลือเพียงแค่ ชาย 1 หญิง 1 หลังจากที่สาวใช้ของโรงชาเสิร์ฟชาเสร็จสิ้น นางก็ออกไปอย่างรวดเร็ว
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของชาลอยขึ้นไปในอากาศ กลิ่นได้รับการขัดเกลามาอย่างไม่น่าเชื่อทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
"พี่9 ข้าไม่ค่อยสบาย!" หญิงคนนั้นร้องเสียงแหลม เสียงของนางช่างแหลมคม ไม่เข้ากับบรรยากาศเสียเลย
การแต่งหน้าของนางยิ่งไม่เหมือนใคร มันน่าประหลาดมาก ผมของนางรวบรัดด้วยที่รัดสีแดงสด นางสวมชุดคลุมสีแดงเข้ม และรองเท้าส้นสูงสีทองดวงตาของนางสดใสราวกับสายน้ำ
นางช่างดูสง่างามยิ่ง
ชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับนางก็ดูสุภาพขึ้นมาในทันที เขาสวมชุดสีขาวและมีดอกไม้ปักอยู่ใบหน้าสีขาวซีด มันทำให้เขาดูอ่อนแอ
ถอนหายใจในขณะที่กำลังจ้องไปที่หญิงนางนั้น
"เจ้ารู็สึกไม่สบายตรงไหนรึ?"
"ในหัวใจของข้า!"
ถ้าเป็นในหัวใจล่ะก็ ข้าคงไม่สามารถทำอะไรได้ ปัญหาหัวใจสามารถรักษาได้โดยยารักษาโรคหัวใจเท่านั้น! " ชายหนุ่มตอบอย่างใจเย็น
"แต่เจ้ามียาใช่ไหม?" หญิงสาวถาม
"ฮึ่ม ... ข้าจะให้สิ่งที่เจ้าต้องการ แต่ข้าไม่สามารถให้ ม้าป่ามังกรอัศนีย์..ได้! " ชายหนุ่มตอบอย่างรวดเร็ว เพราะเขารู้ถึงอุบายของหญิงสาวคนนี้ดี
"ข้า...พวกเราจะเดิมพันกันหน่อยไหม?" หญิงสาวเอาขาขึ้นพาดโต๊ะ แววตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งหวัง
"ไม่มีใครยินดีจะเดิมพันกับเจ้าหรอก" ชายหนุ่มส่ายหัว
"แต่เจ้าต่างจากพวกเขา เจ้าตามใจข้ามาก ตั้งแต่ข้ายังเด็ก เจ้าก็ดีกับข้ามากเจ้าเป็นเหมือนพี่ชายของข้าเลย ... "
"เอาล่ะ เอาล่ะ บอกข้ามาว่าเจ้าจะเดิมพันอะไร" ชายหนุ่มพูดแทรกด้วยความขุ่นเคือง
"เจ้ารู้จัก ฟาง เจิ้งจือ หรือไม่?" เมื่อชายหนุ่มยินยอม หญิงสาวก็รีบวิ่งเข้าไปนั่งข้างๆด้วยแววตาที่เป็นประกาย
"อืม..ข่าวคราวกระจายไปทั่วเรื่องที่เขาเข้าถึงระดับสะทอนสวรรค์ได้ แล้วข้าจะไม่รู้จักได้ยังไง?" ชายหนุ่มเอนตัวไปข้างหลัง จากนั้นก็ยกแก้วชาขึ้นมาจิบเบาๆ
"เจ้ามีความเห็นยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้"
"ข้าไม่ได้คิดอะไร ยังไงก็ตามเขาคงต้องเก่งมาก ฉือ กูเหยียน ถึงกล้าประกาศเรื่องการแต่งงานต่อหน้าผู้คนจากเมืองหลวงทั้ง 5 จากความสามารถที่ได้แสดงให้เห็นในการทดสอบทั้งสองระดับที่ผ่านมา ทั้งยังเข้าถึงระดับสะท้อนสวรรค์ได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี เรื่องพวกนี้มันทำให้เขาน่าทึ่งไม่น้อยทีเดียว " ชายหนุ่มจิบชาอีกครั้ง
"เอาล่ะ ข้าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้" ชายหนุ่มไม่พูดอะไรอีก
"...เจ้าดีที่สุดสำหรับข้าแล้ว! ในเมื่อเจ้าคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ เป็นคนน่าทึ่ง งั้นมาใช้เขาเป็นการเดิมพันระหว่างพวกเรากัน " หญิงสาวพูด
"ใช้ ฟาง เจิ้งจือ? ยังไง?" ชายหนุ่มถาม
"ข้าคิดว่าถ้าเขาได้พบกับข้าเขาจะต้องเต็มใจช่วยเหลือข้าเป็นแน่ และข้าใจทำให้เขากลายเป็นคนใช้ของข้า" หญิงสาวกระพริบตาอย่างมั่นใจ
"คนรับใช้? ข้าไม่คิดอย่างนั้น ข้าได้ยินมาว่าเขาได้ท้าทายและกลายเป็นลูกเขยของกองตรวยการศักดิ์สิทธิ์แล้ว แม้ว่าเขาจะมาจากครอบครัวที่ยากจน แต่ข้าก็คิดว่าเขาเป็นคนมีหลักการเขาคงจะไม่มัวเมาในเงินทองหรอก"
"ในเมื่อเจ้าไม่เชื่อ เจ้าจะเดิมพันหรือไม่"
"แน่นอน แต่ถ้าเจ้าแพ้เดิมพัน ข้าจะไม่ขออะไรตอบแทน ขอแค่เจ้าหยุดความคิดที่จะขอ ม้าป่ามังกรอัศนีย์...ของข้าก็พอแล้ว ตกลงหรือไม่?"ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วพูดด้วยความสงบ
"แน่นอน!" หญิงสาวกระโจนเข้าหา "รักษาคำพูดของเจ้าด้วยล่ะ ข้าได้ยินมาว่า ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว มาถึงที่นี้แล้ว ข้าจะไปหาพวกเขาเสียหน่อย ฮ่าฮ่าฮ่า.."
ขณะที่นางกำลังจะออกไป นางก็หันหลับมามองที่ชายหนุ่ม
"อันที่จริง ข้ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ข้าฉลาดไหมล่ะ?" และนางก็หันกลับไปก่อนที่จะเดินจากไป
ชายหนุ่มมองเงาที่ค่อยๆห่างออกไปของนาง ยังไงก็ตามเขารีบส่ายหัวแล้วแหงนมองไปบนท้องฟ้าที่กำลังมืด เขารู้กังวลใจมากขึ้น
"เห้อ...ต้องมีเรื่องตามมาอย่างแน่นอน!"
...
เพจหลัก : Double gate TH