ตอนที่แล้วตอนที่ 154 กระจกป้องกันจิตใจ (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 156 เดิมพัน (FREE)

ตอนที่ 155 กระจายข่าว (FREE)


ฟาง เจิ้งจือ คิดยอมแพ้  อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดว่าตัวเขาเป็นความคาดหวังของหมู่บ้านและ ฉิน ซูเหลียน แม่ของเขานั้น การที่จะกลับไปยังหมู่บ้านทั้งๆที่ไม่ประสบความสำเร็จนั้นเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้คิดไว้เลยแม้แต่น้อย

นอกจากนี้ใช่ว่าเขาจะหนีไปจากราชาต้วนได้ง่ายๆ

ฟาง เจิ้งจือ ตัดสินใจว่าจะไม่ยอมแพ้ แต่เขาไม่ได้ตั้งใจจะเอาหัวไปชนกำแพงอิฐ

"ทำไมเจ้าคิดว่าราชาต้วนอยากให้ข้าพบกับความล้มเหลวกัน?"ฟาง เจิ้งจือ ไม่เข้าใจจริงๆ เขาไม่เคยมีปัญหากับราชาต้วน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่เคยเจอกันมาก่อน

"ข้าคิดว่ามันคงจะเกี่ยวข้องกับ ฉือ กูเหยียน" เหยียน ซิว ตอบ

"หึงหวง?" ฟาง เจิ้งจือ คิดว่ามันเป็นเหตุผลเดียว

"ก็อาจเป็นได้ แต่ที่สำคัญมันคงจะบางอย่างเกี่ยวข้องกับคำทำนายศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างล่ะ! "

"อืม..ผู้ชนะบนทำเนียบมังกรทั้งสองจะทำให้โลกต้องตกตะลึง และนำพาความสงบสุขมาสู่โลก ยังไงก็ตาม มันไม่ได้หมายถึง ฉือ กูเหยียน หรอกรึ? " ฟาง เจิ้งจือ สับสน

"ใช่ ราชาต้วนเองก็คิดว่ามันคือ ฉือ กูเหยียน และองค์ชายผู้สืบบัลลังก์ก็ต้องคิดเช่นเดียวกัน แม้แต่เซียน ก็บอกว่านั่นคือ ฉือ กูเหยียน แต่ถ้าเจ้าเอาชนะนางได้? "

"เอาชนะ ฉือ กูเหยียน? ฮ่าฮ่า ... ข้าสงสัยเสียจริง ว่ามันจะเป็นไปได้งั้นรึ? " แม้ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะพูดอย่างมั่นใจในงานเฉลิมฉลองก็ตาม แต่มันก็เป็นเพียงการทำตามน้ำเท่านั้น เขาไม่คิดว่าจะเอาชนะนางได้จริงๆหรอก

"ใช่ ทุกคนต่างก็คิดว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เจ้าก็อยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์แล้วนอกจาก ฉือ กูเหยียน เจ้าเป็นคนที่ 2 ที่เข้าถึงระดับนี้ได้ก่อนอายุ 15 ปี! คนอื่น ๆ จะคิดยังไงกัน? " เหยียน ซิว มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ

แม้ว่า เหยียน ซิว จะไม่ได้สนใจเรื่องการเมืองมากนัก แต่ด้วยพื้นเพทางสังคมของเขาทำให้เขาเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี

"..." ฟาง เจิ้งจือ "เจ้าคิดว่าข้าไม่ควรพยายามงั้นรึ?"

"ควรพยายามเป็นอย่างมาก ถ้าเจ้าสอบระดับจักรพรรดิผ่าน สายตามากมายก็จะจับจ้องมาที่เจ้า รวมถึงเจ้าอาจจะได้รับตำแหน่งสำคัญๆ " เหยียน ซิว อธิบาย

"เท่าที่เจ้าพูดมา ดูเหมือนราชาต้วนไม่ต้องการให้ข้าเป็นที่จับจ้องของผู้คน?" ฟาง เจิ้งจือ เข้าใจว่า เหยียน ซิว กำลังพูดถึงสิ่งใด หากเขาเป็นเพียงชาวนาในไร่ ความตายของเขาจะไม่ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย แต่ถ้าเป็นผู้มีบทบาทในสังคมล่ะก็ จะต้องมีการสืบสวนถึงสาเหตุการตายอย่างแน่นอน

"ใช่ ข้าคิดว่าราชาต้วนไม่อยากให้เจ้าได้ทำงานรับราชการ!" เหยียน ซิว พยักหน้ารับ

"ข้าเข้าใจแล้ว ดังนั้น สิ่งที่เจ้าพูดถึงก็คือ หากข้าต้องการจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ข้าต้องสอบระดับจักรพรรดิให้ผ่าน และได้เป็นเจ้าหน้าทางอย่างเป็นทางการ มันถึงจะทำให้พวกเขาเกิดความลังเล? "

"ใช่แล้ว!"

"เหมือนข้าหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ!" ในที่สุด ฟาง เจิ้งจือ ก็ตระหนักถึงความสำคัญของการกระทำและคำพูดของตัวเอง

ถ้าเขารอความพ่ายแพ้ในการท้าทาย 2 ปีทุกอย่างก็คงไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ความพยายามของเขาทำให้เขาเข้าถึงระดับสะท้อนสวรรค์ทำให้เป็นที่จับจ้องของคนหมู่มาก

ไม่ว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงปัญหามากแค่ไหน ปัญหาก็เข้ามาหาเขาอยู่ดี ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น มีแต่ต้องสู้เท่านั้น!

"เจ้าพึ่งบอกว่า ราชาต้วนเกี่ยวข้องกับการทหารด้วย งั้นใครเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องด้านการเมืองกัน?" ฟาง เจิ้งจือ ต้องรู้ว่าเขากำลังต่อสู้อยู่กับใคร ถ้ายังไงแล้วเขาก็ต้องต่อสู้

"นอกจากพวกเซียนก็มีองค์ชายรัชทายาทที่เป็นผู้นำ" เหยียน ซิว ตอบ

"องค์ชาย? ราชาต้วน... " ฟาง เจิ้งจือ เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ไม่ก็ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกับตัวเอง

มันเป็นเรื่องปกติ ถ้าเขารู้ว่าใครจะได้เป็นใหญ่ในอนาคตคงเลือกได้ง่าย

แต่ตอนนี้เขาไม่รู้อะไร้ทั้งนั้น...

เขาไม่รู้จะเล่นเกมนี้ยังไงดี?

ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงถึงได้ผลลัพธ์ที่ดี การแย่งชิงอำนาจนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไรนัก ถ้าเขาเลือกข้างเร็วเกินไป อาจจะเกิดเรื่องแย่ๆตามมา

การวางตัวเป็นกลางตอนนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

"ถ้าเจ้าชายผู้สืบทอดบัลลังก์ได้เป็นผู้คุมการทดสอบในรอบนี้ จะเป็นผลดีต่อข้ามากกว่าใช่หรือไม่?" ฟาง เจิ้งจือ ถามออกมาหลังจากคิดได้สักพัก

"อย่างน้อยก็ดีกว่าราชาต้วน" เหยียน ซิว ตอบ

"แล้วข้าจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้เจ้าชายผู้สืบทอดได้เป็นผู้คุมการทดสอบ?" เหยียน ซิว ไม่เข้าใจเรื่องการจัดการภายในเท่าไรนัก

"ถ้าเขาได้ยินเรื่องที่เจ้าสามารถเข้าถึงระดับสะท้อนสวรรค์ได้ ข้าคิดว่าเขาน่าจะรู้ถึงเจตนาที่ราชาต้วนอยากเป็นผู้คุมการทดสอบ อย่างไรก็ตามราชาต้วนได้ออกจากเมืองเกล็ดทองไปแล้วอย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วตอนนี้ข้าเกรงว่าพวกเราคงตามไม่ทัน ต่อให้ทันมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่เราจะรายงานเรื่องนี้ได้เร็วพอ" เหยียน ซิว คาดการณ์

"ถ้าเป้าหมายของเราแค่ใหเจ้าชายผู้สืบทอดรู้ละก็ ข้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องยาก!" ฟาง เจิ้งจือ คิดถึงใครบางคนขึ้นมาทันที

"เจ้ามีความคิดดีๆแล้วงั้นหรือ?"

"อืม!"

"ความคิดอะไร?"

"กระจ่ายข่าวไปทั่วทุกที่! ตราบเท่าที่ข้าสามารถตามหาใครคนหนึ่งได้ ข้าเชื่อว่าข่าวนี้ต้องแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว! "

"เจ้าต้องการให้ทั้งอณาจักรรู้เกี่ยวกับการเข้าถึงระดับสะท้อนสวรรค์ของเจ้างั้นหรือ?"

"ใช่ถ้าเราทำได้ก็จะเป็นข้อได้เปรียบของพวกเราเป็นอย่างมาก"

"เจ้าหมายความว่า...?"

"พวกเรารู้ความตั้งใจของราชาต้วนแล้ว แต่เรายังไม่แน่ใจถึงความตั้งใจของเจ้าชายผู้สืบทอดบัลลังก์และอีกคนหนึ่ง! "

"ใคร?"

"เซียน!"

"ความตั้งใจของเซียน?!"

"..."

ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว เดินทางมาถึงเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งใกล้ๆเมืองเกล็ดทองอย่างรวดเร็ว  เพราะพวกเขาขี่ม้าป่ามังกรหิมะมา ทหารยามที่ประตูให้ความเคารพพวกเขาเป็นอย่างมาก

เมื่อพวกเขาเข้าไปในเมืองพวกเขาเห็น ซูจิว ที่แต่งตัวเป็นเด็กรับใช้ตามปกติ ยืนรออยู่

"ยินดีที่ได้พบนายน้อยฟาง!" ซู จิว ยิ้มทันทีเมื่อได้เห็น ฟาง เจิ้งจือ เดินเข้ามา

"ยินดีที่ได้พบนายน้อยฟาง!" ซู จิว ยิ้มทันทีเมื่อได้เห็น ฟาง เจิ้งจือ เดินเข้ามา

"ซูจิว? เจ้าไม่ได้อยู่ที่เมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์งั้นหรือ?ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?" ฟาง เจิ้งจือ รีบมองหา วู่ จวี้เอ๋อ ในทันที การที่มาพบ ซูจิว ที่นี่ เป็นเรื่องน่าสงสัยมาก

"พวกเรารู้ว่าพลังของท่านได้เข้าสู่ระดับสะท้อนสวรรค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงรีบมาแสดงความยินดี" ซูจิว ตอบทันที ราวกับรู้อยู่แล้วว่า ฟาง เจิ้งจือ จะถามคำถามนี้ออกมา

"เจ้าอยู่ที่นี่ตลอดเลยงั้นหรือ?" ฟาง เจิ้งจือ ถามออกไป

เขาพึ่งเข้าถึงระดับสะท้อนสวรรค์เมื่อวาน ยิ่งไปกว่านั้น มันเกิดขึ้นตอนที่เขาอยู่ในกองตรวจการศักดิสิทธิ์ แต่ วู่ จวี้เอ๋อ ยังรู้เรื่องของเขาได้ รวมถึงยังส่ง ซูจิว มายืนรออยู่ที่นี่

นั่นอาจจะตีความได้ 2 อย่าง 1 นางอาจจะให้ ซูจิว มาด่อมๆมองๆอยู่แถวเมืองเกล็ดทองอยู่ก่อน 2 นางมีเส้นสายอยู่ในกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์

"เมื่อวานนี้ข้าอยู่ที่เมืองเกล็ดทอง แต่เมื่อได้ข่าวว่าท่านเข้าสู่ระดับสะท้อนสวรรค์เจ้านายของข้าก็รีบเดินทางออกจากเมือง ส่วนข้าก็รอท่านอยู่ที่นี่!"  ซูจิว ส่ายหัว

"ข้ารู้แล้ว ข้ามีเรื่องบางอย่างจะบอก วู่ จวี้เอ๋อ นางอยู่ที่นี่หรือไม่่?" ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า

"นางกำลังรีบไปเมืองหลวง ถ้าท่านต้องการจะบอกอะไรสามารถฝากข้าไว้ได้" ซูจิวตอบอย่างสุภาพ

" วู่ จวี้เอ๋อ กำลังจะไปเมืองหลวง?" ฟาง เจิงจือ พยัก เขาไม่รู้ถึงเหตุผลของนาง แต่ ฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่ได้ถามให้มากความ "ข้าต้องการให้เจ้ากระจายข่าวที่ข้าเข้าสู่ระดับสะท้อนสวรรค์!"

"นายน้อย ไกลแค่ไหนที่ท่านจะให้ข่าวนี้ไปถึง?"

"เมืองหลวง!"

"ใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน!"

"อืม...ไม่ใช่ปัญหา แต่ข้ามีเรื่องจะขอเพิ่ม"

"โปรดบอก"

"ข้าต้องการข่าวนี้ไปถึงหูของผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"

"ข้าเข้าใจแล้ว" ซูจิว ทุบหน้าอกด้วยความมั่นใจ

"แล้วเงินที่ วู่ จวี้เอ๋อ จะมอบให้เพื่อแสดงความยินดีกับข้า?"

"นายท่านมอบมันให้ข้า?" ซูจิว มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความคาดหวัง

"แล้วเจ้าคิดว่ายังไงละ?"

"ฮ่า ๆ ... ข้าแค่ล้อเล่น นายท่านได้เตรียมหนึ่งพันเหรีญเงินไว้ให้ท่านแล้ว โปรดรับไป! " ซูจิว ยิ้ม

" งั้นข้าตอบแทนเจ้าร้อยหนึ่งละกัน! " ฟาง เจิ้งจือ ดึงเงินมาจากมือ ซูจิว อย่างหยาบคาย และเอามันใส่ในกระจกป้องกันใจ

จากนั้นเขาก็นับเงินหนึ่งร้อย และโยนให้ซูจิวไป

"ขอบคุณสำหรับรางวัล!"

"..."

ยามค่ำ 2 เดือนต่อมา แสงสีทองส่องออกมาจางๆจากตะเกียงไฟข้างๆกำแพงเมือง

แม้ว่าจะใก้ลมือด แต่ถนนที่มุ่งไปสู่เมืองยังเต็มไปด้วยผู้คน ในฐานะเมืองหลวงของอณาจักร มันเป็นเรื่องทั่วไป

แม่น้ำในเมืองไหลอย่างรวดเร็วและเชี่ยวกราด

ยามเฝ้ามองกำแพงแต่ละคนถือหอกไว้ในมือและสวมชุดเกราะอันเงางาม พวกเขายืนด้ยท่าทีอันเคร่งขรึม

ที่นี่เสมือนแกนกลางของอราจักร

มันงดงามและดูศักดิ์สิทธิ์

อย่างไรก็ตามไม่ว่าสถานที่แห่งนี้จะงดงามและศักดิ์สิทธิ์เพียงไหน แต่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเช่นนั้น อย่างเช่นชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงิน ที่กำลังจะเข้าเมือง

ท่าทีของเขาเต็มไปด้วยความขี้เกียจ เขานอนเล่นอยู่บนหลังม้าป่ามังกรหิมะ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาขี่มาพันธุ์นี้อยู่ คนที่เห็นต่างปรารถนาให้เขาตกลงมาให้รู้แล้วรู้รอด

ถัดไปเป็นเด็กหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าอย่างเรียบร้อยไร้ที่ติ เขามีท่าทีที่เย็นชา

ราวกับก้อนน้ำแข็ง

ไม่มีใครคาดคิดว่าทั้งสองคนนั้นจะเป็นเพื่อนกัน แต่ความจริงทั้ง 2 คนนั้นขี่ม้ามาด้วยระดับความเร็วที่เท่ากัน

เพจหลัก : Double gate TH

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด