Chapter 4: การฝึกฝนของ เยล
Chapter 4: การฝึกฝนของ เยล
ในตอนที่ เยล อ่านมันแล้วเขาก็เข้าใจว่าเขามีเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้นที่จะไปต่อได้ เขาจำเป็นต้องเพิ่มค่าความแม่นยำอย่างน้อย 1 หน่วย
“การเพิ่มค่าความแม่นยำไม่น่าจะใช่เรื่องยาก ข้าสามารถคิดหาทางได้หลายทางเพื่อจะทำแบบนั้นแต่ข้าต้องหาทางที่มันได้ผลที่สุด ถ้าข้าสามารถเพิ่มมันมาเป็น 10 หน่วยได้และเควสนั้นมีรูปแบบเหมือนที่ข้าคิดไว้ข้าจะได้พรสวรรค์ทางเวทย์ระดับสูงมา”
ระบบตอบกลับทันที
“วิธีที่ได้ผลที่สุดในการเพิ่มค่าความแม่นยำนั้นคือการฝึกธนูและในเวลาเดียวกันมันก็จะเพิ่มค่าแรงขึ้นด้วย”
อันที่จริงการฝึกธนูของคนเรานั้นดีอย่างมากในการฝึกความแข็งแรงและความแม่นยำและเขาสามารถเพิ่มค่าความแม่นยำขึ้นมาแล้วใช้ทำเควสต่อได้ มันถือเป็นตัวเลือกที่ดีอย่างมาก อีกอย่างเขาต้องการเพิ่มค่าแรงตัวเอง เขารู้สึกละอายเมื่อเห็นว่ามันมีแค่เพียงหน่วยเดียวเท่านั้น
ระบบดูเหมือนจะรู้เพราะมันได้เสนอการฝึกธนูออกมาให้ ปกติแล้วมีเพียงแค่คนที่อยากเป็นนักธนูเท่านี่จะไปฝึกการยิงธนูตั้งแต่แรก
แต่มันก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นที่มีเด็กบางอย่างอยากจะฝึกมันก่อนที่จะรู้พรสวรรค์ของตัวเอง มันถือเป็นการฝึกที่ดีต่อร่างกายและเจ็บน้อยการกว่าฝึกอย่างอื่นเช่นดาบรึหอก แม้ว่ามันจะโดนดูถูกจากพวกคนที่เป็นนักรบจริงๆก็ตาม
“ดูเหมือนว่าข้านั้นต้องเริ่มฝึกธนู พรุ่งนี้ข้าจะไปบอกให้คนรับใช้สมัครการเรียนรู้ธนูไว้ให้”
เมื่อเขาตัดสินใจแบบนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนและเลิกสนใจระบบที่มีไปและในเวลาเดียวกันระบบก็ได้ตอบโต้กลับมา
“การฝึกสอนเสร็จสิ้นแล้ว ผู้ใช้สามารถทำการทบทวนตอนไหนก็ได้”
อย่างที่ เยล คาดเอาไว้ การฝึกสอนนี้ได้อธิบายฟังก์ชันทุกอย่างของระบบแล้ว ดังนั้นการฝึกสอนก็น่าที่จะจบลง เขาเองก็ยังสงสัยในตอนที่ระบบได้ปลดล็อคฟังก์ชันเพิ่มขึ้นมาและคิดว่าตอนนั้นคงมีคำอธิบายออกมาเพิ่มอีก
เยล ไม่ต้องการที่จะอยู่ในห้องสมุดอีกต่อไปและกลับไปที่ห้องตัวเอง แน่นอนเขาโดนเจอตัวในระหว่างที่กลับไปและโดนหนึ่งในคนรับใช้นั้นดุเอา เยล ไม่ได้สนใจ เขายังคงสนใจแต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาและคิดแผนสำหรับอนาคต
***
เช้าวันต่อมา เยล ได้บอกคนรับใช้ว่าเขาต้องการที่จะฝึกธนู คนรับใช้นั้นแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ นี่คือความสัมพันธ์ของคนรับใช้กับ เยล ไม่มีเรื่องอื่นให้พูดคุยกันมากนัก คนรับใช้นั้นสนใจเพียงแค่ทำงานให้กับ เยล เท่านั้นไม่ได้มีเรื่องใดมากกว่านี้
เยล ยังรู้ว่าถ้าเขาขอมันแล้ว เขาจะไม่สามารถเริ่มฝึกมันในตอนนี้ได้ ฐานะของเขาไม่ดีพอที่จะเข้าไปเรียนในโรงฝึกโดยที่ไม่ได้แจ้งเข้าไปก่อน มันต้องใช้เวลาราวๆหนึ่งอาทิตย์กว่าที่จะได้ไปฝึกที่โรงฝึกนั้น
แต่แม้ว่าเขาจะเข้าไปได้ทันทีแต่เขาก็ไม่สามารถยิงธนูด้วยแรงที่มีอันน้อยนิดได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้เวลานี้เพื่อออกกำลังกาย
เยล ได้พยายามวิดพื้นในห้องของเขาแต่เขาก็ทำมันไม่ได้เลยสักครั้ง
“ดูเหมือนว่าระบบนั้นไม่ได้โกหกเรื่องค่าแรงของข้า ข้าอ่อนแอเกินไป ข้ามักคิดมาเสมอว่าการวิดพื้นนี่เป็นเรื่องง่ายๆในตอนที่ข้าอ่านเจอแต่ร่างกายของข้านั้นกลับทำในทันทีไม่ได้เลย...”
แน่นอนนั่นเพียงพอที่จะหยุด เยล ได้ เขาไม่ได้มีอุปกรณ์ใดๆเพื่อทำการฝึกฝน ดังนั้นแล้วเขาจึงสนใจแค่การออกกกำลังกายธรรมดา แม้ว่ามันจะเหนื่อยมากสำหรับเขาก็ตาม
ในเช้าวันที่สอง เยล ได้ขอให้ระบบเตือนเขาถ้าค่าสเตตัสใดเปลี่ยนแปลงและระบบได้ตั้งค่าการแจ้งเตือนให้เมื่อค่าสเตตัสเปลี่ยนไปแต่สุดท้ายแล้วในวันนั้นค่าสเตตัสของเขาก็ยังคงเดิมอยู่
ในเวลาเดียวกันมันก็มีเรื่องพูดคุยกันในสมาคม หนอนหนังสือของสมาคมนั้นเป็นบ้าไปแล้วถึงได้มาฝึกร่างกาย
ในวันที่ห้าการฝึกของ เยล นั้นยังคงต่อเนื่องไปเรื่อยๆโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ค่าสเตตัสของเขาก็ยังคงเดิมอยู่
ดังนั้นในตอนที่คนรับใช้ได้บอกกับเขาว่าเขาได้รับจดหมายจากพี่สาวของเขา เขาก็หยุดออกกำลังกาย พี่สาวของ เยล นั้นเป็นเพียงคนเดียวในสมาคมที่ห่วงใยเขาและเป็นเพียงคนเดียวที่ เยล ห่วงใยด้วย
ชื่อของเธอคือ แองโรนแมด บุคคลผู้สง่าแม้จะเทียบในระดับเมืองนาคิไซ นางแก่กว่าเขาเพียง 5 ปีแต่เธอนั้นเป็นนักปราชญ์ 4 ดาวแล้ว อีกอย่างเธอมีพรสวรรค์ทางเวทย์ระดับสูงและมีธาตุที่สอดคล้องกับการรักษาในระดับสมบูรณ์
เพราะพรสวรรค์ที่น่าตะลึงนี้ โรเงรียนนาคิไซได้เข้ามาชวนเธอให้เข้าเรียน ปกติแล้วการจะเข้าเรียนนั้นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่สูงและผ่านการทดสอบเพื่อที่จะได้เข้าเรียนแต่ แอง นั้นถือว่าเป็นกรณีพิเศษ
ในรอบพันปีที่ผ่านมาเมืองนาคิไซนั้นไม่ได้มีใครที่มีความสอดคล้องกับการฮีลในระดับที่สมบูรณ์จนกระทั่ง แอง นั้นปรากฏตัวออกมา ความสอดคล้องในการฮีลของนางนั้นถือเป็นชนิดพิเศษของความสอดคล้องกับธาตุเพราะมันให้พรสวรรค์ในการฝึกฝนคาถาใดๆที่เกี่ยวข้องกับการฮีลโดยไม่สนว่าเป็นของธาตุใด
คาถาฮีลนั้นยากอย่างมากที่จะเชี่ยวชาญมันโดยเฉพาะด้วยความสามารถทางการฮีลคนอื่นและอีกทั้งธาตุที่สอดคล้องกับการรฮีลนั้นยากที่จะหาได้ ดังนั้นแล้วจึงไม่มีฮีลเลอร์มากมายนักและถือว่าพวกนี้น่ะมีค่าอย่างมาก
เพราะแบบนั้น แอง จึงใช้เวลาส่วนมากที่โรงเรียนนาคิไซ โรงเรียนนั้นได้ดูแลเธออย่างดี เธอได้ทุกอย่างตามที่ขอแต่เธอนั้นไม่ได้กลับบ้านตามต้องการ เยล เห็นเธอแค่เพียงไม่กี่ครั้งตั้งแต่ที่เธอไปโรงเรียนนั้นมา
เยล และ แอง นั้นส่วนมากจะติดต่อกันผ่านทางจดหมายและสำหรับ เยล แล้วการอ่านจดหมายของพี่สาวน่ะเป็นเรื่องสำคัญกว่าการฝึกฝนเพราะเธอน่ะคือคนที่คอยให้กำลังใจเขา
ครั้งนี้จดหมายไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้ชีวิตที่โรงเรียนเหมือนปกติแต่ส่วนมากนั้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนนิสัยการใช้ชีวิตของ เยล เพราะเขาเริ่มที่จะฝึกฝนโดยไม่หยุดพักแทนที่การอ่านหนังสือทั้งวัน
อันที่จริงเรื่องที่ซุบซิบนินทาเกี่ยวกับเขานี้ได้ไปถึงหูของพี่สาวเขาด้วย แอง นั้นมักจะรู้เรื่องของน้องชายเธอ เธอนั้นเป็นคนจิตใจดีอย่างมากและมักจะปกป้องเขาอยู่เสมอ
พวกเขานั้นมีแม่คนเดียวกัน ดังนั้นแล้วจึงต่างกับพี่น้องคนอื่นๆในสมาคม ความสัมพันธ์นี้ลึกซึ้งและการตายของแม่นั้นก็ทำให้ แอง มักจะกังวลเรื่อง เยล อยู่เสมอเพราะ เยล นั้นไม่มีใครอื่นนอกจากเธอ
เพราะแบบนั้นแล้วทำให้ แอง นั้นเป็นผู้ใหญ่ได้เร็วกว่าเด็กผู้หญิงคนอื่นๆและพ่อนั้นไม่ได้เมินเฉยต่อเธอเหมือนที่ทำกับ เยล ดังนั้นตั้งแต่ที่เธอจะมีพรสวรรค์ที่ทำให้ทั้งเมืองช็อค เธอก็ได้รับตำแหน่งที่ดีในสมาคมไปแล้ว
แน่นอนว่าเธอพยายามที่จะเปลี่ยนความคิดของพ่อเกี่ยวกับ เยล แต่นั่นเป็นเพียงหัวข้อที่พ่อของเธอนั้นไม่เคยพูดถึงเลยสักครั้ง
เพราะตำแหน่งของเธอในเมืองเริ่มสูงขึ้น เธอคิดว่ามันจะเป็นวิธีที่จะช่วยน้องชายของเธอได้
เพราะ เยล นั้นเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นหนอนหนังสือ เธอจึงเตรียมที่จะหาหนังสือดีๆเอาไว้ให้กับเขาตอนที่เธอขึ้นไปถึงระดับ 5 ดาวในระดับมนุษย์ได้แต่เพราะเธอได้ยินมากว่า เยล นั้นเปลี่ยนไป เธอจึงเปลี่ยนใจและได้ส่งยาให้เขาแทน
ยาพวกนี้เป็นยาระดับต่ำที่สุดทำได้แค่ฟื้นฟูแรงขึ้นมา คนที่เป็นเหมือนคนทั่วไปอย่าง เยล นั้นจะฟื้นฟูแรงทั้งหมดของเขาขึ้นมาแต่คนที่เริ่มฝึกฝนแล้วจะฟื้นฟูแรงขึ้นมาแค่เพียงบางส่วนเท่านั้น
ดังนั้นแล้วยาพวกนี้จึงไม่ได้มีค่ามากเท่าไหร่และ แอง นั้นก็หามันได้โดยไม่ยากนักแต่ยาพวกนี้แหละคือสิ่งที่ เยล ต้องการที่สุดในตอนนี้
อันที่จริง แอง คิดว่า เยล โหยหาความรักของพ่อแม่และเริ่มที่จะฝึกร่างกายเพื่อให้พ่อของทั้งคู่นั้นสนใจเพราะพ่อของเขานั้นสนใจเรื่องความแข็งแกร่งของร่างกายมากที่สุด ดังนั้นแล้วเธอจึงรีบส่งยาให้กับ เยล เพื่อช่วยเขาในการฝึก
เยล รู้สึกดีกับพี่สาวตัวเองอย่างมากถึงแม้ว่าจะรู้ว่าเธอเข้าใจผิดสำหรับเหตุผลที่เขาทำการฝึกฝนก็ตาม
ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลอะไร ยาวพวกนี้ก็คือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดและเขาไม่อยากให้มันเสียเปล่า ด้วยยาพวกนี้แล้ว เยล เริ่มฝึกฝนโดยไม่หยุดพักเพราะใช้ยานี่ฟื้นฟูแรงขึ้นมาแทนการพักได้
ในที่สุดเช้าวันต่อมาก็ได้มีการแจ้งเตือนดังขึ้นมาในหัวของเขา
“แจ้งเตือนจากระบบ : ค่าแรงเพิ่มขึ้นจาก 1 เป็น 2 หน่วย”