ตอนที่แล้วChapter 1: เยลโรนแมด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 3: พรสวรรค์ภายในของ เยล

Chapter 2: ระบบความหวังสุดท้าย


Chapter 2: ระบบความหวังสุดท้าย

 

“เงื่อนไขสมบูรณ์ ระบบความหวังสุดท้ายได้ปลดล็อค”

“ระบบความหวังสุดท้ายกำลังทำงาน : โปรดรอ”

ตอนนั้นก็ได้มีช่องโหลดโผล่ขึ้นมาในหัวของ เยล สองนาทีกว่าที่มันจะเสร็จสิ้น

“ระบบความหวังสุดท้ายเปิดทำงานสำเร็จ  เยลโรนแมด ลงทะเบียนเป็นผู้ใช้งานระบบ  คุณสามารถเริ่มการทำงานของระบบได้”

เยล ตื่นเต้นขึ้นมา แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร ระบบก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

“คุณต้องการที่จะเริ่มบทฝึกสอนของระบบหรือไม่ ?”

เยล ยังคงไม่รู้ฟังก์ชันของระบบนี้ ดังนั้นแล้วเขาจึงพูดมันออกมาดังๆ

“ต้องการ !”

แต่ระบบนั้นไม่ได้ตอบโต้อะไรจึงทำให้เขาต้องพูดออกมาอีกครั้ง

“ข้าต้องการที่จะเริ่มการฝึกสอน !”

ระบบนั้นยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  เยล หยุดพูดแล้วเห็นว่าตอนนี้มันก็มืดแล้วและไม่มีใครอยู่ในห้องสมุด  เขานั้นโชคดีเพราะถ้ามีคนอยู่ที่นี่ เขาคงโดนและที่สำคัญกว่านั้นการมีอยู่ของระบบนี้จะถูกเปิดเผยออกมา

เขามั่นใจว่าระบบนี้ล้ำค่าอย่างมากและเพียงพอที่จะปลุกความโลภในตัวคนอื่นได้  บางอย่างที่จำเป็นต้องใช้ความรู้มากมายในการปลดล็อคมันออกมาคงไม่มีทางเป็นของธรรมดาแน่  ถ้าการมีอยู่ของระบบนี้นั้นถูกเปิดเผยออกมาแล้วเขาคงพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก

เขาสาบานกับตัวเองในใจว่าเขาจะไม่ทำผิดพลาดแบบนี้อีก  ระบบนี้ควรจะเป็นความลับสุดยอดของเขา  เยล นั้นจำเป็นต้องหาทางซ่อนมันจากคนอื่นไม่งั้นแล้วเขาเองนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายเดือดร้อน

“ผู้ใช้ไม่ต้องกังวล : ไม่มีใครสามารถรู้การอยู่ของระบบได้ถ้าคุณไม่เปิดเผยมัน”

เยล แปลกใจ ระบบนั้นตอบโต้ไปตามความคิดของเขา จากนั้นเขาก็ได้พยายามพูดในใจดูด้วยคำพูดที่เขาตะโกนก่อนหน้านี้

“การฝึกกำลังเริ่มต้น....”

เยล ถอนหายใจออกมาที่เห็นว่ามันได้ผล  ตอนนี้เขาเข้าใจว่าเขาจำเป็นต้องคิดในการที่จะใช้ระบบ ก่อนหน้านี้เขาตื่นเต้นเกินไปและไม่คิดอะไรมากจนตะโกนออกมา   เยล หยุดคิดและสนใจกับการฝึกสอนที่ระบบจัดให้มา

“ระบบความหวังสุดท้ายนั้นมีสองฟังก์ชันหลัก  ระบบค้นหาฐานข้อมูลและเมนูเควส   การค้นหาข้อมูลจะให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลต่างๆที่ถูกจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลได้  ระบบนั้นได้ทำการสแกนร่างกายและวิญญาณของคุณแล้ว ข้อมูลทุกอย่างนั้นถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล  ความรู้ทุกอย่างที่ใช้ในการปลดล็อคระบบเองพร้อมใช้งานตอนไหนก็ได้”

เยล ดีใจที่ได้ยินแบบนั้น แม้ว่าเขาจะมีความจำที่ดีเพียงใดแต่เขาก็ไม่อาจที่จะจดจำทุกสิ่งที่เขาอ่านรึเห็นมาในอดีตได้  เขาจำได้แค่รายละเอียดหลักๆเท่านั้นแต่เขาไม่สามารถจดจำเรื่องเล็กๆน้อยๆได้  ด้วยการมีอยู่ของฟังก์ชันนี้แล้วเขาสามารถได้รับข้อมูลทุกอย่างที่เขาต้องการตอนไหนก็ได้ !

แต่สิ่งที่ทำให้เขาสนใจคือการสแกนร่างกายและวิญญาณ  เยล สงสัยว่ามันคือข้อมูลแบบไหนที่ระบบได้ไปในตอนที่ระบบได้หยุดความคิดของเขาไป

“เพราะผู้ใช้สนใจมัน ข้อมูลที่ได้จากร่างกายและวิญญาณได้สร้างขึ้นอีกสองฟังก์ชัน เมนูสเตตัสและเมนูพรสวรรค์โดยกำเนิด”

ในตอนที่ระบบได้พูดขึ้นมา เยล ก็ช็อค เขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้และระบบได้สร้างฟังก์ชันใหม่สองอันขึ้นมา  ตอนแรกแล้วระบบมีเพียงแค่สองฟังก์ชันแต่ตอนนี้มันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

เขาไม่มั่นใจเกี่ยวกับสเตตัสสแต่พรสวรรค์โดยกำเนิดนั้นเป็นของที่ใครๆต่างก็ต้องการ มีเพียงแค่คนที่มีพรสวรรค์แต่กำเนิดเท่านั้นที่ทำให้คนสนใจได้  พรสวรรค์นั้นเป็นของที่คนเราเกิดมาพร้อมกับมันและไม่อาจได้รับมันมาได้มากกว่านี้อีก  แม้ว่าจะเป็นไปได้ที่จะพัฒนาพรสวรรค์ที่มีแต่ก็คงยากขึ้นเรื่อยๆที่จะทำให้มันพัฒนาได้ในตอนที่โตแล้ว

ประเพณีที่จะทำการทดสอบเด็กๆนั้นจะอยู่ตอนพวกเขาอายุได้สิบปี ในตอนที่เสียการปกป้องจากโลกไปและสามารถเข้ารับการฝึกฝน,ทดสอบมันก่อนที่จะบอกผลลัพธ์ออกมา  พรสวรรค์แต่กำเนิดนั้นยากที่จะตีค่าได้

เยล สงสัยว่าเมนูพรสวรรค์นี้น่ะสามารถแสดงพรสวรรค์ของเขาได้ตอนไหนก็ได้  พรสวรรค์อาจจะมีทั้งในร่างกายและวิญญาณ  ระบบนี้ควรที่จะมีข้อมูลที่จำเป็นเนื่องจากมันได้สแกร่งกายของเขาไปแล้ว  เขาอ่านเจอมาว่ามีบางคนที่สัมผัสได้ว่าตัวเองนั้นมีพรสวรรค์  การรู้ของตัวเองนั้นง่ายยิ่งกว่าการไปการตรวจสอบของคนอื่นแต่มีเพียงแค่อัจฉริยะที่แท้จริงเท่านั้นที่โชคดีที่สามารถทำแบบนั้นได้

ถ้า เยล รู้เรื่องพรสวรรค์ของตัวเองตอนนี้ โอกาสที่เขาจะพัฒนาตัวเองได้ก็คงจะสูงกว่าคนอื่นอย่างมากเพราะเขาอายุแค่เพียงหกปี อีกสี่ปีนี้นั้นคือเวลาที่สำคัญอย่างมาก

เขายังคงหลงไปกับความคิดนั้นตอนที่ระบบได้ทำงานต่อ

“เมนูสเตตัสสามารถโชว์ข้อมูลผู้ใช้เป็นตัวเลขเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ”

จากนั้นสเตตัสก็ได้โผล่ขึ้นมาในหัวของเขา

 

"Name: เยลโรนแมด| Age: 6 (กฎการปกป้องจากโลก) | ระดับร่างกาย: 0 |ระดับจิตใจ: 0"

"Vitality: 3 | Strength: 1 | Agility: 1 | Intelligence: 10 | Wisdom: 10 | Dexterity: 7"

ระบบได้บอกว่าเลขหนึ่งคือค่าน้อยสุด  เยล แสดงสีหน้าแปลกๆออกมาพร้อมกับพึมพำ

“นี่มัน...ข้ารู้ว่าข้าน่ะไม่ได้ออกกำลังกายมากเท่าไหร่แต่การมีค่าแรงและความว่องไวแค่เพียงหนึ่งนี้มัน....”

อันที่จิรงแล้ว เยล ไม่ได้ออกกำลังกายอะไรเลย  นอกซะจากว่าเขาจะเกิดมาด้วยร่างกายที่แข็งแรงแล้วตัวเลขพวกนี้ก็เหมาะกับอายุและรูปแบบการใช้ชีวิตของเขาแต่การที่มีค่าแรงน้อยแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ เยล ชอบนัก

ค่าความอึดของเขาก็ถือได้ว่าเฉลี่ยทั่วไปกับช่วงอายุ  แต่การที่มีค่าความแม่นยำถึง 7 หน่วยนี้ถือว่าเยอะ สำหรับค่าความฉลาดและไหวพริบแล้ว พวกมันเยอะสุดเท่าที่เป็นไปได้  ด้วยเลเวลเพียงแค่ศูนย์จะไม่มีสเตตัสใดที่เกินสิบได้ นั่นคือขีดจำกัดของมัน   การจะเกิดกว่านี้เลเวลน่าจะต้องเป็นสอง ในอีกความหมายคือต้องกลายมาเป็นนักปราชญ์ 2 ดาวก่อน

มีสองทางที่จะแข็งแกร่งได้ในโลกของ เยล  ทางแรกคือฝึกพลังฉีและกลายเป็นนักรบ  อีกทางคือฝึกจิตใจและกลายมาเป็นมากัส   ยังมีรูปแบบอื่นๆอยู่อีกแต่ส่วนมากก็ได้หายไปตั้งแต่ยุคโบราณรึไม่ก็ถูกละทิ้งไปเพราะไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าสองทางแรก

ระบบนั้นเพียงแค่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับสองทางเลือกนี้  เลเวลในสเตตัสก็ได้แสดงแยกออกกันไปและแต่ละอันก็มีข้อบ่งบอกที่ต่างกัน  เลเวลของร่างกายหมายถึงการเพิ่มค่าความอึด,แรงและความว่องไว ในอีกด้านเลเวลของจิตใจนั้นหมายถึงการเพิ่มของความฉลาด,ไหวพริบและความแม่นยำ

ในระบบตอนแรกทั้งสองอย่างนั้นอยู่ที่เลเวล 0 ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา  คนทั่วไปตอนนี้ที่เริ่มฝึกฝนพลังฉีรึเวทย์มนต์นั้นจะถือว่าอยู่ในเลเวล 1 ซึ่งเดี่ยวเท่าได้กับนักสู้ 1 ดาวรึนักปราชย์ 1 ดาว นั่นไม่ได้ทำให้ข้อจำกัดของสเตตัสนั้นเปลี่ยนไปแต่มันบ่งบอกได้ว่าคนๆนั้นอย่างน้อยก็มีพรสวรรค์มากกว่าคนธรรมดา นี่เป็นก้าวแรกของการกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ

แน่นอนมันเป็นไปได้ที่จะฝึกทั้งสองอย่าง  มีหลายคนที่ลองทำแบบนั้นแต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องเลือกที่จะสนใจในด้านเดียวเพราะพวกเขาต้องเป็นนักรบระดับมือใหม่รึมากัสมือใหม่ก่อนที่จะอายุ 16 ปี หลังจากที่อายุ 16 แล้ว มันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึงระดับ 9 ดาวได้  ดังนั้นในท้ายที่สุดแล้วการสนใจแค่เพียงทางเลือกเดียวนั้นก็จะมีโอกาสดีกว่าที่จะได้เป็นอันดับหนึ่งในตัวเลือกนั้นได้

การฝึกพลังฉีรึเวทย์นั้นสามารถทำได้ตอนที่อายุ 10 ปีไปแล้วและเสียการปกป้องจากโลกไป  ไม่มีใครทำได้สำเร็จในก่อนหน้านี้และแม้ว่าจะลองทำก็เหมือนกับการคุกคามตัวเอง

เพราะอายุ เยล จึงยังคงเป็นคนทั่วไปอยู่และจากสเตตัสแล้ว ชัดแล้วว่าเขาน่ะเหมาะที่จะเป็นมากัสและมันคงยากอย่างมากถ้าเขาต้องการที่จะเป็นนักรบ  แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ  เยล ยังคงเหลือเวลาอีกสี่ปีเพื่อทำการฝึกฝนก่อนที่เขาจะได้ทำการฝึกได้  ดังนั้นแล้วการเพิ่มค่าสเตตัสของเขานั้นคงเป็นเรื่องดีอย่างมากสำหรับการเตรียมตัว และเพราะความฉลาดและไหวพริบที่มีนั้นถึงขีดจำกัดแล้ว เขาควรที่จะไปสนใจค่าสเตตัสอย่างอื่นแทน

ดังนั้นสิ่งที่สำคัญสำหรับ เยล มากกว่าค่าสเตตัสของเขาคือพรสวรรค์ของเขา   คนเรานั้นสามารถที่จะฝึกพลังฉีได้ตราบใดที่ฝึกหนักพอแม้ว่าจะไม่มีพรสวรรค์ก็ตาม

แต่เวทย์นั้นมันเกี่ยวข้องกับพรสวรรค์ภายใน ถ้าคนเราไม่มีพรสววรค์ด้านเวทย์เลย มันก็ไม่สำคัญว่าจะมีค่าความฉลาดและไหวพริบที่สูงเพียงใด ยังไงคนๆนั้นก็ไม่มี่ทางที่จะเป็นมากัสได้

ในที่สุดระบบก็ได้ทำการอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับสเตตัสทั้งหมดให้ เยล ฟัง ตอนนั้นเองมันก็ได้เปลี่ยนไปที่เมนูพรสวรรค์  เยล นั้นกังวลอย่างมากในตอนที่มันโผล่ขึ้นมาในหัวของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด