Chapter 1: เยลโรนแมด
Chapter 1: เยลโรนแมด
คืนนั้นมีแสงไฟลอดออกมาจากห้องสมุดของสมาคมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนาคิไซ ด้านในนั้นมีเด็กอายุเพียง 6 ขวบนั่งอ่านหนังสืออยู่เพียงคนเดียว
เด็กนั่นคือ เยลโรนแมด หนึ่งในผู้สืบทอดที่ถูกต้องของสมาคมโรนแมด พ่อของ เยล นั้นเป็นบุคคลที่มีอำนาจในสามคม แต่เขานั้นมีลูกชายและลูกสาวมากมาย ทั้งที่เกิดจากหญิงที่สมรสและนอกสมรส
ปกติแล้วเด็กนอกสมรสนั้นจะแทบไม่มีสิทธิใดๆในสมาคม นอกซะจากว่าพวกเขาจะแสดงพรสวรรค์อันโดดเด่นออกมาแต่พวกเขานั้นยังคงได้รับอนุญาติให้อาศัยอยู่ในสมาคมได้จนกว่าพวกเขาจะโต หลังจากที่โตแล้วพวกเขาจะต้องเป็นคนรับใช้รึเสียสิทธิในการอยู่อาศัยในสมาคมไป
แม่ของ เยล เองก็เป็นชายาอย่างถูกต้องตามกฎหมายของพ่อเขาและแม้แต่พวกคนรับใช้เองพากันพูดถึงเรื่องรักแท้ระหว่างและแม่ของเขา โดยปกติแล้วฐานะในสมาคมของ เยล นั้นถือว่าสูง แต่ว่าแม่ของเขานั้นตายตั้งแต่เขาเกิด
ตั้งแต่ตอนนั้นมาพ่อของเขาก็มักจะโทษเขาที่ทำให้แม่ตาย เขาไม่เคยแสดงความหวังดีต่อตัว เยล เลยสักครั้ง กลับกันแล้วพ่อของเขากลับไม่สนใจเขาสักนิดเลย เยล นั้นจะได้เห็นพ่อก็แค่ตอนงานที่เป็นทางการเท่านั้น
ดังนั้นแล้วแม้ว่าสมาคมนี้จะไม่ได้ทอดทิ้งเขาและเขาเองก็ยังมีตำแหน่งที่ดีกว่าลูกนอกสมรส แต่มันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมาก อันที่จริงแล้วลูกนอกสมรสบางคนน่ะเกลียดเขาและมักจะคิดที่จะกลั่นแกล้งเขา แต่ถึงยังไง เยล นั้นเป็นพวกชอบอ่านและศึกษาหนังสือ ดังนั้นแล้วเขาจะใช้เวลาส่วนมากในห้องสมุดไม่ก็ห้องของตัวเองและนั่นคือพื้นที่หวงห้ามสำหรับพวกลูกนอกสมรสที่ซึ่งไม่สามารถเข้าไปในเขตนั้นได้ พวกนั้นโดนกีดกันไม่ให้สามารถเข้ามาในสมาคมได้
ถ้า เยล เป็นเด็ก 6 ขวบทั่วไปเขาคงต้องเจ็บปวดกับการที่แม่ของเขาตายและการที่พ่อนั้นเมินเฉยใส่เขา
เทียบกับเด็กที่อายุเท่ากันแล้ว เยล นั้นไม่ได้ปกติเหมือนคนอื่นทั่วไป เขานั้นเป็นหนึ่งในพวกหายากที่ซึ่งจดจำความทรงจำก่อนที่จะเกิดได้ ในอีกความหมายคือความทรงจำในชาติก่อน
อันที่จริงแล้ว เยล นั้นเกือบจะไม่ได้ถูกจัดอยู่ในประเภทแบบนั้น เทียบกับคนอื่นที่มีความทรงจำของชาติก่อนแล้วเขาจำได้แค่เพียงน้อยนิด ส่วนคนอื่นในกลุ่มนี้นั้นจำได้ทั้งหมดรึเกือบหมด อีกอย่างแล้วความรู้ที่ได้จากชาติที่แล้วนั้นก็เป็นความรู้ทั่วไปที่แทบจะใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย
ถึงแม้จะมีความทรงจำแค่เพียงน้อยนิดแต่นั่นก็เพียงพอที่จะสร้างความต่างระหว่างเขาเองกับเด็กรุ่นเดียวกันได้เพราะเศษความทรงจำที่เขามีรวมถึงการตาย,ความเจ็บปวด,การเจ็บป่วยและความรู้สึกที่เขามีแล้วทำให้เขารู้สึกว่าความทรงจำเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องที่เด็กธรรมดาจะเข้าใจได้
เยล รู้รสชาติของความตายและไม่อยากจะสัมผัสกับมันอีก ชีวิตก่อนของเขานั้นเป็นชีวิตที่มีแต่ความยุ่งยากและในท้ายที่สุดเขาก็ต้องตายอย่างเจ็บปวด แม้ว่าเขาจะจำรายละเอียดไม่ได้แต่ เยล ก็มั่นใจว่าเขาอธิบายความเจ็บปวดนั้นได้และจิตใจเขาเองก็จดจำมันได้ ในอีกด้านเขารู้ว่าชีวิตของเขาตอนนี้น่ะตรงกันข้าม แม้ว่าในสมาคมจะมีกฎของความป่าเถื่อนที่ว่าผู้แข็งแกร่งนั้นถูกต้องเสมอแต่เขาได้ปฏิเสธที่จะให้ตัวเองนั้นอ่อนแอ เยล นั้นขยันอย่างมากตั้งแต่ที่เขาเกิดมา
ความขยันของเขาไม่ได้เกี่ยวกับการได้ร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นมาแต่เป็นด้านความรู้ ความจำของเขา บอกเขาว่าความรู้คือพลังอันยิ่งใหญ่ อันที่จริงแล้วการขาดความรู้นั้นคือสิ่งที่นำเขาไปสู่ความตาย ดังนั้นแล้วเขาจึงเรียนรู้ที่จะพูดและเขียนได้เร็วกว่าเด็กคนอื่นและไม่นานเขาก็เริ่มกลายเป็นหนอนหนังสือขึ้นมา
คนรับใช้ที่คอยดูแลเขานั้นทึ่งกับความขยันและฉลาดของเขาแต่ไม่มีใครเคารพในเรื่องนี้ คนรับใช้ทุกคนคิดว่าเขาเป็นเด็กที่ฉลาดที่ซึ่งขาดความรักและสุดท้ายก็ฝังตัวเองไว้กับโลกของหนังสือ
แม้ว่าเขาจะมีเศษความทรงจำแต่พวกมันก็ไม่ได้ส่งผลให้ เยล กลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ด้วยความทรงจำพวกนั้น เยล ก็เป็นแค่ เยล เขาไม่ได้ถือว่าเป็นคนตายที่มาอยู่ในร่างใหม่ ดังนั้นแม้ว่า เยล จะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนทั่วไปและขยันกว่าเด็กคนอื่นๆแต่เขาก็ยังคงเป็นเด็กและการใช้ชีวิตของเขาก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่าภาพสะท้อนของสถานการณ์ของเขาตอนนี้
สำหรับการที่เด็กคนอื่นๆนั้นคิดยังไงกับเขาแล้ว เยล นั้นไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด พวกนั้นก็แค่เด็กธรรมดาแม้ว่าอนาคตจะกลายมาเป็นปิศาจแต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนี้
อีกอย่างแล้วด้วยการที่เด็กพวกนี้อายุไม่ถึงสิบปี พวกนี้จึงมีกฎหมายของโลกคอยคุ้มครอง การต่อต้านกฎนี้จะทำให้เกิดปัญหาอย่างมาก ถ้าเกิดเด็กคนไหนขัดขืนแล้วการปกป้องต่างๆจะหายไป กฎของโลกนี้นั้นให้ปกป้องเด็กๆแต่พวกมันไม่ได้หมายความว่าจะให้พวกเด็กๆทำตัวหยิ่งยโสต่อหน้าผู้ใหญ่ได้
เยล นั้นจะปลอดภัยจนกว่าจะอายุได้ 10 ปี ดังนั้นแล้วเขาจึงตัดสินใจที่จะไปสนใจเรื่องเป้าหมายของเขา เพื่อสร้างอนาคตที่ดีที่ชีวิตก่อนเขาหวังเอาไว้ เยล รู้ว่านั่นเป็นทางเดียวที่เขาจะประสบความสำเร็จในอนาคตได้และยิ่งเขาทำมันได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
เขาเริ่มรู้ถึงความสำเร็จนั้นจากการที่เขาได้สิ่งที่ส่งต่อกันมาจากชีวิตก่อนในตอนที่เขาอายุได้สี่ขวบ ตอนนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของเขา
“นี่คือระบบความหวังสุดท้าย สร้างโดยคำขอของเจ้าของชีวิตในชาติก่อน ถ้าคุณต้องการที่จะปลดล็อคมัน คุณต้องรวบรวบความรู้อย่างมากมาย”
เยล ช็อคในตอนที่ได้ยินมันแต่เขาก็เห็นคำพูดที่เขาได้ยินมาในสมองของเขา เยล เข้าใจทันทีเลยว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง แม้ว่าเขาจะจำไม่ได้ว่าคำขอสุดท้ายของเขาคืออะไรแต่มันก็บอกเขาว่าระบบความหวังสุดท้ายนี่คือสิ่งที่ดี
เยล นั้นชอบศึกษามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เรื่องใหม่นี้ทำให้เขาขยันศึกษาเรื่องต่างๆหนักขึ้นกว่าเดิมจนได้กลายมาเป็นหนอนหนังสือประจำสมาคม เขาได้ใช้เวลาว่างเกือบทั้งหมดของเขาอยู่ในห้องสมุด
หลังจากที่ข้อความนั้นปรากฏขึ้นมาแล้ว เยล ตระหนักได้ว่ายิ่งเขาทำการศึกษาเรื่องต่างๆมากเท่าไหร่ เขายิ่งเรียนรู้และจดจำสิ่งใหม่ๆได้ง่ายขึ้นเท่านั้น เยล ยิ่งสบายใจกว่าเดิมที่ว่าระบบนี้คือสิ่งที่เขาต้องการมากกว่าสิ่งใด
ห้องสมุดนั้นเป็นส่วนสาธารณะที่เปิดให้สมาชิกอย่างเป็นทางการของสมาคมได้ใช้ ไม่มีเขตหวงห้ามด้านในและมันง่ายที่จะยืมหนังสือหนึ่งรึสองเล่มกลับไปที่ห้องได้
อันที่จริงแล้วมันก็มีเขตหวงห้ามอยู่ ที่ซึ่งต้องมีฐานะที่แตกต่างกันไปถึงจะสามารถอ่านหนังสือในเขตเหล่านั้นได้ แม้ว่า เยล จะคิดว่าหนังสือเหล่านั้นจะช่วยระบบที่เขามีได้มากกว่าเดิมแต่เขาก็ไม่มีสิทธิตามที่สมาคมกำหนดไว้
แน่นอนถ้าพ่อของเขาช่วยแล้วมันคงเป็นไปได้ที่จะอ่านหนังสือพวกนั้นแต่พ่อของเขาไม่คิดที่จะคุยกับเขา ดูเหมือนว่าการเป็นหนอนหนังสือนี้จะทำให้พ่อของเขานั้นรังเกียจ พ่อของเขาเชื่อว่าผู้ชายนั้นควรแต่ใช้หมัดในการพูดคุยและการฝึกร่างกายนั้นคือวิธีการเดียวที่จะได้เป็นชายชาตรี
เขาใช้ชีวิตแบบนั้นจนกระทั่งคืนหนึ่งที่เขาอ่านหนังสือจนดึก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยู่ในห้องสมุดจนเลยเที่ยงคืน คนรับใช้ของเขาน่าจะพากันหาตัวเขาอยู่ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เด็กควรที่จะตื่นอยู่ แต่คืนนั้นเขาสัมผัสได้ว่าเขาเกือบไปถึงจุดหนึ่งแล้วในตอนที่ระบบนั้นมีบางอย่างเกิดขึ้น เยล ได้ใช้เวลากว่าสองปีกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ดังนั้นแล้วเขาจึงอ่านหนังสือต่อไปโดยไม่รู้ตัวเลยว่าท้องฟ้านั้นได้มืดสนิทมาหลายชั่วโมงแล้ว
เยล นั้นอ่านหนังสือมากมายตั้งแต่ที่เกิดมา จำนวนหนังสือนี้ดูเยอะเกินไปสำหรับเด็ก 6 ขวบ ถึงแม้คนอื่นจะคิดว่าเขาเป็นหนอนหนังสือแต่ก็ไม่มีใครจะรู้ถึงจำนวนหนังสือที่เขาอ่านมา
ในตอนที่เขาอ่านหนังสือเล่มหนาจบ ในสมองของเขาระบบก็ได้มีบางอย่างเกิดขึ้น