ตอนที่ 41 หม่าหลาง
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 41 หม่าหลาง
หลังจากการต่อสู้ในที่พักตระกูลเชิง ตระกูลทั้งสองที่เคยมีสถานะเท่าเทียมกันในเมืองหมอกเมฆาตอนนี้ได้มีสถานะแตกต่างกันไป
อิทธิพลของตระกูลหลิงเพิ่มขึ้นในทุกๆวัน จนอีกไม่นานจะสามารถประกาศว่าเป็นตระกูลที่มีอำนาจที่สุดในเมืองหมอกเมฆาได้แล้ว ในทางกลับกัน ตระกูลเชิงได้ตกอยู่ในภาวะวิกฤติและถูกต้อนให้จนมุม หนึ่งในเหตุผลเป็นเพราะสภาพการเงินที่แตกต่างกันของพวกเขา และอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญเป็นเพราะตระกูลเชิงถูกทำลายขวัญกำลังใจอย่างหนัก
หลิงตงซิงมีบุตรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!
ตระกูลเล็กๆในเมืองเริ่มมาติดต่อกับตระกูลหลิงมากขึ้นเรื่อยๆ เป้าหมายของพวกมันก็คือชายหนุ่มที่แต่ก่อนถูกเรียกว่าขยะ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นอัจฉริยะที่คนทั้งเมืองรู้จัก หลิงฮัน แน่นอนว่าตระกูลเซินก็ได้กลายเป็นเรื่องตลกของชาวเมืองเช่นกัน
ในตอนแรก ตระกูลเซินได้ยืนยันให้หลิงฮันมาเป็นลูกเขย แต่พวกมันดันกลับคำพูดและปฏิเสธหลิงฮัน
มีหลายคนสงสัยว่าตอนนี้เซินจีอันจะรู้สึกอย่างไร
เฉินเฟิงเลี่ยได้กลับไปแล้ว แต่ไม่นานก็มีคนอื่นจากนิกายหมาป่าหินผามายังเมืองหมอกเมฆาอีกครั้ง ชื่อของมันคือหม่าหลาง มันนำกองกำลังจำนวนหนึ่งมากับมันด้วย โดยเดินสอบสวนอย่างอุกอาจไปทั่วทุกๆตระกูล
เมื่อหลิงฮันรู้เรื่องนี้เข้า ในใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อย หรือว่าคนเหล่านี้จะมาเพราะเรื่องของฮังฉาน?
ในไม่ช้า หม่าหลางและกองทัพของมันก็มายังตระกูลหลิง
นิกายหมาป่าหินผาเป็นราชาในบริเวณหนึ่งพันไมล์นี้ หม่าหลางมาในฐานะตัวแทนของนิกายหมาป่าหินผา ทุกๆคนจึงต้องไว้หน้าให้กับมัน ดังนั้นสมาชิกระดับสูงของตระกูลหลิงทุกคนจึงมารวมตัวกันเพื่อต้อนรับ ‘ตัวแทนของนิกายหมาป่าหินผา’
หลิงฮันมาช้าเล็กน้อย และเมื่อเขาเข้าไปยังห้องโถงหลักพร้อมกับหลิวอู๋ตง ก็มีคนมาก่อนหน้าเขาเต็มห้องแล้ว เขาส่ายหน้าให้กับคนรับใช้ที่กำลังจะทักทายเขาก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องโถง
มีเพียงคนเดียวในห้องโถงนี้ที่ไม่ใช่สมาชิกของตระกูลหลิง นั่นคือชายหนุ่มที่สวมชุดขาวทั้งตัว มันดูมีอายุประมาณยี่สิบสามหรือยี่สิบสี่ปี หน้าตาค่อนข้างธรรมดา แต่มันได้ปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาและหน้าตาเต็มไปด้วยความมั่นใจอันเต็มเปี่ยม
ข้อบกพร่องอย่างเดียวของมันคือใบหน้าอันเสแสร้งของมันที่ใครเห็นก็รู้สึกรังเกียจ
นอกจากหม่าหลางแล้ว ยังมีกลุ่มคนสวมชุดดำที่ยืนเรียงกันอยู่หน้าห้องโถง พวกมันทุกคนอยู่ในระดับรวมธาตุแต่พลังบ่มเพาะก็ไม่ได้สูงนัก ดูๆแล้วพวกมันทุกคนอยู่ในขั้นที่สองหรือไม่ก็สาม ไม่มีใครสักคนในกลุ่มพวกมันที่อยู่ในขั้นสี่
...ขั้นที่สี่และขั้นที่เจ็ดเป็นเสมือนกำแพงอันแข็งแกร่งที่ทะลวงผ่านได้ยาก
‘ชายหนุ่มชุดขาวนี่คงจะเป็นหม่าหลาง’ หลิงฮันคิดในใจ พลังของหม่าหลางสูงกว่ากลุ่มคนที่มากับมันมากนัก มันอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นหก สำหรับในพื้นที่รอบๆนี้ ด้วยอายุเพียงเท่านี้มันเหมาะสมกับฉายาอัจฉริยะอย่างไม่ต้องสงสัย เซินจีอันกับเชิงเซียงที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะเมื่อเทียบกับชายหนุ่มคนนี้แล้วไม่สามารถนับว่าเป็นอันใดได้
“ผู้นำหลิง ภายในช่วงหนึ่งเดือนมานี้ มีสมาชิกคนใดได้เข้าไปยังภูเขาแห่งสมดุลบ้างหรือไม่” หม่าหลางถาม
หัวใจของหลิงตงซิงเต้นอย่างรวดเร็ว มันรู้ว่าหลิงฮันเพิ่งจะกลับมาจากภูเขาแห่งสมดุลและหม่าหลางก็บังเอิญมาถามถึงภูเขาแห่งสมดุล จะไม่ให้มันตกใจได้อย่างไร? อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่มันเป็นผู้นำตระกูลมาหลายปีและมีความสุขุม สีหน้าของมันจึงไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย “เท่าที่ข้ารู้ ไม่มีสมาชิกคนใดที่เข้าไปยังบริเวณรอบๆภูเขาแห่งสมดุลเลย”
โชคดีที่หลิงฮันได้ออกไปและกลับมาอย่างลับๆ สมาชิกคนอื่นจึงรู้เพียงแค่ว่าหลิงฮันหายไปเป็นเวลาประมาณหนึ่งเดือน แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน
“อย่างนั้นรึ?” หม่าหลางเพียงพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรต่อ มันนั่งหลับตาอยู่ตรงนั้นดูราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
หลิงตงซิงรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร จึงรีบให้คนนำกล่องไม้มา “นายน้อยหม่าคงจะเดินทางมาอย่างยากลำบาก โปรดรับเหรียญเงินเล็กๆน้อยๆแทนความจริงใจจากตระกูลหลิงด้วย!”
ในที่สุดหม่าหลางก็ลืมตาและรับกล้องไม้นั่นไป มันไม่เกรงใจและเปิดดูในกล่องทันที ข้างในมีแผ่นกระดาษหลายแผ่นใส่เอาไว้อยู่ เมื่อหม่าหลางตรวจสอบดู รอยยิ้มก็ปรากฎที่ใบหน้าของมันทันที
กระดาษเหล่านี้คือสัญญาเงินตรา แต่ละใบมีค่าเป็นเงินห้าพันเหรียญและมีทั้งหมดสี่ใบซึ่งเท่ากับสองพันเหรียญ นี่นับว่าเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างเยอะอย่างมาก
ถึงแม้มันจะมาที่นี่เพราะภารกิจ แต่ก็ยังมีเป้าหมายเพื่อมารับเงินเป็นของกำนัลเล็กๆน้อยๆเช่นกัน ใครกันจะไม่เคารพและเกรงกลัวมันหากมันพากองกำลังจากนิกายหมาป่าหินผามาด้วย? อย่างไรตอนนี้ตัวมันก็ถือว่าเป็นตัวแทนของนิกายหมาป่าหินผา มันเดินไปยังตระกูลเล็กๆมากมายโดยเหลือตระกูลหลิงและตระกูลเชิงเป็นที่สุดท้าย
เมื่อมันได้รับผลประโยชน์มาแล้วจึงไม่แปลกที่มันจะรู้สึกพึงพอใจ มันลุกขึ้นยืนและพูด “ข้าอยู่ภายใต้คำสั่งของผู้อาวุโสเจ็ดและกำลังค้นหาค้นร้ายเพื่อจับกุมอยู่ ถ้าเจ้ารู้ว่ามีใครที่เข้าไปยังบริเวณภูเขาแห่งสมดุลภายในช่วงเดือนที่แล้ว ได้โปรดมาแจ้งให้ข้ารู้ด้วย ข้าจะอยู่ที่เมืองนี้ไปอีกประมาณสิบวัน”
“แน่นอน!” หลิงตงซิงตอบกลับ มันยืนขึ้นและพูดออกไป “ให้ข้าไปส่งนายน้อยหม่าเอง!”
หม่าหลางพยักหน้าอย่างมีความสุข ทั้งสองมือของมันไขว้อยู่ที่หลังและกำลังจะเดินออกไป
“นายน้อยหม่า!” ในตอนนั้นเอง หลิงจงควั่นก็พูดขึ้นมา
หม่าหลางขมวดคิ้วและหันไปถาม “มีเรื่องอันใด?”
“ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ามีสมาชิกคนหนึ่งได้หายไปจากตระกูลเป็นเวลาหนึ่งเดือน... บางทีคนๆนั้นอาจจะไปภูเขาแห่งสมดุลก็เป็นได้!” หลิงจงควั่นพูดออกมาด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา
“โอ้ ใครงั้นรึ?” หม่าหลางถาม?
“คนๆนั้นชื่อหลิงฮัน เป็นบุตรของผู้นำตระกูลหลิง” หลิงจงควั่นได้รอให้หม่าหลางถามกลับอยู่แล้ว มันจึงได้ตอบอย่างรวดเร็ว
พอได้ยินแบบนั้น สมาชิกทุกคนของตระกูลหลิงเริ่มที่จะสาปแช่งหลิงจงควั่น
หากไม่นับเรื่องที่ว่าหลิงฮันเป็นเหมือนกับแสงแห่งความหวังของตระกูลและเป็นเสาอันแข็งแกร่งที่จะคอยค้ำยันตระกูลหลิงในอนาคต หรือแม้หากเขาจะเป็นขยะเหมือนกับเมื่อก่อนก็ตาม ตราบที่ใดยังมีนามสกุลหลิง เจ้าก็ไม่ควรจะช่วยให้คนนอกมาทำร้ายคนในตระกูลตนเอง! มันอยากจะเป็นผู้นำตระกูลด้วยนิสัยแบบนี้น่ะรึ? ตระกูลหลิงจะต้องล่มสลายแน่หากมันสามารถทำได้สำเร็จ
หม่าหลางหันไปมองหลิงตงซิงและถาม “ผู้นำหลิง มีเรื่องเช่นนั้นด้วยรึ?”
สีหน้าของหลิงตงซิงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “บุตรของข้าได้ออกเดินทางไปฝึกฝนเมื่อเดือนก่อนจริงๆ แต่เขาไม่ได้ไปยังภูเขาแห่งสมดุล”
“โอ้ ถ้างั้นเขาไปที่ไหนกันล่ะ?” หม่าหลางทำแววตาเจ้าเล่ห์
“หุบเขาเจ็ดวายุ” หลิงฮันเดินออกมา
“เจ้าคือหลิงฮันรึ?” หม่าหลางหันไปมองหลิงฮัน
“ข้าคือหลิงฮัน” หลิงฮันพยักหน้า
หม่าหลางจ้องไปยังหลิงฮัน ใบหน้าของมันมีสีหน้าที่น่ากลัว ทำให้คนรอบๆรู้สึกหนาวเหน็บราวกับว่าพายุกำลังจะมา
“ฮ่าๆๆๆ!” จู่ๆมันก็หัวเราะออกมา และเดินไปแตะไหล่หลิงฮัน
“ไม่ต้องกังวลไป ข้าแค่มาเพื่อสอบถามนิดหน่อยเท่านั้น ข้ายังต้องไปที่ตระกูลเชิงอีก แต่เดี๋ยวข้าจะกลับมาหาใหม่ และคงจะมาคุยเรื่องทั่วๆไปด้วยสักหน่อย”
ชายคนนี้ช่างเปลี่ยนอารมณ์ง่ายเสียจริง
หลิงฮันยิ้มบางๆและพูด “แล้วเจอกันใหม่”
“ผู้นำหลิง ท่านไม่จำเป็นต้องไปส่งข้า!” หม่าหลางโบกมือและออกไปพร้อมกับกลุ่มของมัน
เมื่อร่างของมันหายไปจากสายตา คนในห้องโถงจึงเริ่มที่จะหายใจได้สะดวก ร่างกายของพวกมันถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อโดยไม่รู้ตัว นี่คือหลักฐานว่าชายหนุ่มคนนั้นทำให้พวกมันกดดันขนาดไหน
งูพิษ!
ใช่แล้ว ชายหนุ่มคนนี้ช่างเหมือนกับงูพิษยิ่งนัก! ใครก็ตามที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับเขาจะต้องเกิดความกังวลจนเหงื่อท่วมตัว
**ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ**