ตอนที่ 153 ของว่าง (FREE)
อะไรก็ตามที่ถูกเรียกว่าสมบัตินั้นมันต้องมีความสามารถพิเศษอะไรบางอย่าง หากสมบัตินั้นไม่มีประโยชนืกับตัวคุณเอง ก็แสดงว่าสมบัตินั้นไม่ได้มีไว้เพื่อคุณ
นี่คือสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ พึมพัมกับตัวเอง
เหยียน ซิว ไม่ค่อยเข้าใจ เขาคิดว่าการใช้สมบัติได้ดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับพลังของผู้ใช้ เกี่ยวอะไรกับความเหมาะสม?
ในความเป็นจริงเขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิด ฟาง เจิ้งจือ เท่าไร
ดวงตาสะกดจิต?
มันเป็นแค่ของทั่วๆไป
เหยียน ซิว รู้สึกว่าโอกาสที่จะได้เข้าไปยังหอสมบัติสวรรค์นั้นหาได้ยากมาก ฟาง เจิ้งจือ ควรจะเอาสมบัติที่มีค่ามากกว่านี้ออกมา อย่างน้อยที่สุดก็ควรเป็นอาวุธ
การสะกดจิต?
ในการต่อสู้ มีเพียงแค่คนโง่ที่จะมามองสมบัติในมือของคนอื่นถึง 3 วินาที
ยิ่งในสนามรบ มีแต่การนองเลือดใครจะมาสนใจเรื่องอื่น
เหลือบมองอาจจะพอเป็นไปได้
แต่ใครจะมาเหลือบมองสิ่งเดิมถึง 3 วินาทีกัน?
แต่ตอนนี้ เหยียน ซิว กำลังสับสนกับความคิดของตนเอง เพราะตอนนี้เขาเห็น ฉือ เฮา ที่แข็งแกร่งกำลังนอนอยู่บนพื้น
มันเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
ฉือ เฮา มองดวงตาสะกดจิตไปถึง 5 วินาที…
เหยียน ซิว มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ที่กำลังเก็บดวงตาสะกดจิต หรือต้องรู้วิธีใช้งานมันถึงมีประโยชน์?
สิ่งที่พวกเขาไม่ร้คื ดวงตาสะกดจิตนี้เป็น 1 ในสมบัติในตำนาน การกระทำของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นแสดงให้เห็นถึงพลังอันแข็งแกร่งของสมบัติชิ้นนี้
ฟาง เจิ้งจือ ค่อยๆเก็บดวงตาสะกดจิตอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เหลือบมอง ฉือ เฮา ที่นอนอยู่บนพื้น และมองไปที่เหล่าคนรับใช้ที่ยืนตะลึงอยู่
“พื้นที่นี่เย็นมาก!” ฟาง เจิ้งจือ กล่าวเตือน
“หืม?”
“พวกเจ้าจะปล่อยให้เจ้านายหลับอยู่บนพื้นอย่างนี้รึ?” ฟาง เจิ้งจือ พูดขึ้นมา
“นายท่านล้มลงไปแล้ว พวกเรารีบเข้าไปช่วยท่านเร็ว!”
“พวกเจ้ากำลังพูดอะไรกัน? นายท่านกำลังนอนหลับอยู่ เขาอาจจะเหนื่อยเกินไป!” ในขณะที่สาวใช้กำลังนั่งเศร้า ผู้ดูแลเหวินก็ปรากฎตัวขึ้น
เขามองไปที่ ฉือ เฮา ที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนพื้น แล้วหันไปมอง ฟาง เจิ้งจือ ที่ดูไร้เดียงสา
เขาตกใจอย่างมาก
ไม่ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะทำยังไงก็ตามเขาก็เอาชนะ ฉือ เฮา ได้ในที่สุด เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ย่อมทำให้ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วอณาจักร แม้แต่ปีศาจก็ต้องรู้จัก
"นายน้อยฟาง คุณหนูบอกให้ข้ามาเชิญท่านไปพบ เมื่อนายน้อยออกมาจากหอสมบัติสวรรค์ นางคงจะเล่นกู่เจิงอยู่ที่ศาลา โปรดตามข้ามา! " สาวใช้กล่าวอย่างสุภาพ
"ข้ากำลังยุ่ง บอกนางว่าถ้าอยากพบข้า ก็ให้มาหาข้าเอง!" ฟาง เจิ้งจือ ปฏิเสธคำเชิญโดยไม่ลังเล
"..."
ผู้ดูแลเหวินผงะไปชั่วครู่ บนดินแดนทะเลทรายทางเหนือ มีน้อยคนนักที่กล้าขัดคำสั่งของคุณหนู
ในขณะที่เขาเตรียมจะไปบอก ฉือ กูเหยียน ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว กำลังเดินออกไปแล้ว
ผู้ดูแลเหวินรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาโดยพลัน ฟาง เจิ้งจือ คิดจะจากไปจริงๆงั้นรึ? ในขณะที่เขากำลังคิดถึงเรื่องนี้ ฟาง เจิ้งจือ ก็หยุดเดินแล้วหันกลับมา
ผู้ดูแลเหวินยิ้ม
"นายน้อยฟาง เปลี่ยนใจแล้วงั้นหรือ?"
"เปลี่ยนใจอะไร?" ฟาง เจิ้งจือ มองด้วยความสับสน จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ "อาวุธลับ" ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น "ข้าอยากให้สาวใช้เก็บอาวุธพวกนั้นแล้วนำกลับไปที่ห้องของข้าด้วย ขอบคุณ!"
จากนั้นเขาก็หันกลับไป ทิ้งให้ผู้ดูแลเหวินและเหล่าสาวใช้จ้องมองแผ่นหลังของเขาค่อยๆห่างออกไปท่ามกลางสายลมอันหนาวเย็น ...
"..."
ฟาง เจิ้งจือ รู้ดีว่า ฉือ กูเหยียน จะไม่อยู่เฉยแน่
เพราะเมื่อนางเริ่มฝึกฝนตั้งแต่ 4 ขวบ ไขปริศนาภาพแห่งการสรรค์ส้รางได้ตั้งแต่ 5 ขวบ เข้าถึงระดับผนวกดาราได้ตอน 8 ขวบ และขึ้นเป็นผู้นำตอนอายุ 13 ขวบ
ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่านางเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง
ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ ฉือ กูเหยียน แล้วมีใครมาทำไร้มารบาทกับนางแบบ ฟาง เจิ้งจือ คงไม่ทนอยู่เฉยแน่นอน
แต่ ฉือ กูเหยียน ก็มา
ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ กำลังนอนอาบแดดอยู่นั้นเอง ร่างในชุดกระโปรงยาวสีชมพูก็ปรากฎตัวขึ้น นางเต็มไปด้วยท่าทีอันนิ่งสงบ
"ข้าได้ยินว่าเจ้าเอาชนะท่านพ่อได้?" ฉือ กูเหยียน เดินเข้ามาและนั่งลงตรงข้าม ฟาง เจิ้งจือ ท่าทีของนางเต็มไปด้วยความสุภาพ
ฟาง เจิ้งจือ รู้ดีว่ามีสาวใช้คนหนึ่งคอยตามติด ฉือ กูเหยียน อยู่ตลอดเวลา ชื่อของนางคือ เย่ เอ๋อ การที่ไม่เห็นตัวนางหมายความว่ามันเป็นความต้องการของ ฉือ กูเหยียน
"เรื่องเล็กน้อย ไม่มีอะไรให้น่าพูดถึง" ฟาง เจิ้งจือ ไม่ใช่คนที่จะปล่อยผ่านในเรื่องความงาม เขาหันหน้าไปเชยชมความงามของ ฉือ กูเหยียน
"ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสะกดจิตท่านพ่อได้ด้วยดวงตาสะกดจิต ข้าประทับใจจริง"
"เจ้ากำลังสรรเสริญข้างั้นรึ?"
"ใช่ มันเป็นคำชม"
"ข้าแน่ใจว่า เจ้าไม่ได้มาเพื่อที่จะชื่นชมข้าเพียงอย่างเดียวหรอก"ฟาง เจิ้งจือ หยิบของว่างขึ้นมากิน
"แน่นอน ข้ามาบอกเจ้าเรื่องราชาต้วน เขาได้เดินทางออกจากกองตรวจการศักดิสิทธิ์ไปแล้ว!" ฉือ กูเหยียน ก็หยิบของว่างขึ้นมา แต่ไม่ได้เอาเข้าปาก เพียงแค่มองไปที่ขนมอย่างนิ่งเฉย
การเคลื่อนไหวของนาง ช่างอ่อนโยน เมื่อเทียบกับ ฟาง เจิ้งจือ
"ใครกัน ราชาต้วนที่ว่า?" ฟาง เจิ้งจือ ถาม
"เขาเป็นแม่ทัพของจักรพรรดินอกจากนี้ เขายังเป็นผู้บัญชาการรักษาความปลอดภัยของเมืองหลวง และมีสถานะเท่าเทียมกับเจา้ชายผู้สืบทอดบัลลังก์ ฉือ กูเหยียน กินของว่างเข้าไปในปาก
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้ากัน?"ฟาง เจิ้งจือ ขมวดคิ้วและหยิบของว่างมากขึ้นเรื่อยๆ
"ถ้าให้ข้าเดา เขาคงจะกลับไปที่เมืองหลวงด้วยความพยายามที่จะเป็นหัวหน้าผู้ทดสอบของการทดสอบระดับจักรพรรดิ"
ฉือ กูเหยียน เดินไปข้างๆ ฟาง เจิ้งจือ
นางยกมือขึ้นหยิบของว่างอีก 2-3 ชิ้น
เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ เห็นอย่างนั้น เขาก็รีบยกจานขนมขึ้นแล้วเทขนมลงปากทั้งหมดในทันที
"ข้าว่ามันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าอยู่ดี?" หลังจากนั้นเขาก็เลียจานแล้วถอนหายใจออกมา และยื่นจานที่ว่างเปล่านั้นให้กับ ฉือ กูเหยียน
"ไร้ยางอายจริง!"
ฉือ กูเหยียน มีท่าทีขุ่นเคืองเล็กน้อย ดวงตาของนางจ้องมองไปยังจานที่ว่างเปล่า นิ้วของนางชี้ลงไปที่จานก่อนจะมีแสงจางๆส่องออกมา
ทันใดนั้นจานที่ว่างเปล่าก็ถูกแทนที่ด้วยขนมรูปทรงดอกไม้เต็มจาน
เพจหลัก : Double gate TH