EG บทที่ 163 ความช่วยเหลือที่คาดไม่ถึง (อ่านฟรี)
“โอ้ใช่แล้ว ในช่วงระหว่างวันชาติ ผมจะให้ของกำนัลสำหรับคนงานที่โรงงานของคุณด้วย คนงานทุกคนจะได้รับน้ำมันหนึ่งขวด แป้งหนึ่งถุง และก็เงินสด 50 หยวน!”
ช่างใจดีอะไรขนาดนี้! หลี่ซื่อโหยวและโฮวไห่โถวรีบคำนวณในใจ ทั้งสองโรงงานมีคนงานรวมกันอย่างน้อย 10,000 คน และเฝิงหยู่จะต้องใช้เงินถึงสองสามแสนเพื่อให้พวกเขาช่วยพูดให้
“ตกลง ผมจะช่วยคุณ!”
จิ้งจอกขี้โกงทั้งสองตัวนี้รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เสียหายอะไรถ้าช่วยเฝิงหยู่ในเรื่องนี้ และอาจจะได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้ด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังอยากร่วมงานกับเฝิงหยู่ในเรื่องพัดลมไร้ใบพัด พวกเขาไม่อยากให้บริษัทการค้าไท่หัวทิ้งพวกเขาแล้วไปร่วมงานกับมหาวิทยาลัย เพราะถ้าเป็นแบบนั้น จะทำให้เกิดการขาดทุนอย่างมาก
หลังจากนั้น เฝิงหยู่ก็ไปที่โรงงานเครื่องจักร เขาตรวจสอบบัญชีและชี้จุดที่เป็นปัญหาและต้องได้รับการแก้ไขใหม่ ซึ่งเขาบอกว่าเขาจะแจ้งให้นักธุรกิจฮ่องกงรับทราบ หลี่หมิงเต๋อรีบถามว่าคราวนี้เฝิงหยู่ต้องการอะไร เพราะทุกครั้งที่เฝิงหยู่อยากให้เขาทำอะไรบางอย่างให้ เฝิงหยู่ก็จะมาตรวจสอบบัญชีและชี้จุดที่ไม่สอดคล้องกันในบัญชี
เฝิงหยู่รีบบอกสิ่งที่เขาต้องการทันที และหลี่หมิงเต๋อก็ลังเลสักครู่ แต่ก็ตกลง หลี่หมิงเต๋อพูดให้เฝิงหยู่เข้าใจอย่างชักเจนว่าเขาจะช่วยแค่บอกต่อเท่านั้นและจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้นถ้ารัฐบาลเมืองตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อเรื่องนี้
แม้ว่าจะมีการเตรียมตัวมากมายและใช้จ่ายเงินไปจำนวนมาก แต่เฝิงหยู่ก็ยังคงรู้สึกว่าไม่เพียงพออยู่ดี ทัศนคติของพวกผู้นำ อย่างเช่น จางรุ่ยเฉียง ยังใช้ไม่ได้
...............
“เป็นอะไรไป? รสชาติอาหารก็ไม่ได้แย่นิหน่า ทำไมไม่กินล่ะ?” เหวินตงจวินถามขณะที่กำลังกินอาหารในจานของเฝิงหยู่
เฝิงหยู่ก้มหน้าลงและกระซิบถามเบาๆ ว่า “เราจะทำยังไงกันดีให้พวกผู้นำทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของเมือง? พวกมาเฟียแสดงอิทธิพลกร่างไปทั่วเมือง ทำไมพวกผู้นำถึงไม่ทำอะไรสักอย่าง? ต้องรอให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นก่อนถึงจะค่อยทำหรือไง?”
สุดท้ายเฝิงหยู่ก็ระบายความในใจออกมา ทางเลือกสุดท้ายของเขาก็คือการทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เขาจะทำให้ปัญหาเรื่องมาเฟียกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับรัฐบาลเมืองและรัฐบาลระดับจังหวัดที่ต้องจัดการ เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกมาเฟียจะต้องเดือดร้อน
แต่ในขณะเดียวกัน เฝิงหยู่ก็จะตกอยู่ในอันตรายด้วย ถ้าทำแบบนั้น ก็เหมือนกับการเล่นกับไฟ และเขาอาจจะเจ็บตัวได้ ความสัมพันธ์ของเขากับจางรุ่ยเฉียงอาจจะไม่เหมือนเดิม ซึ่งจางรุ่ยเฉียงอาจจะได้เป็นนายกเทศมนตรีคนต่อไปของเมืองปิง
เฝิงหยู่ยังคงมีความคิดในการสร้างรายได้อีกมากมาย แต่เขาก็ต้องการความช่วยเหลือจากจางรุ่ยเฉียงด้วยเช่นกัน
จางฮั่นถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ปัญหาด้านการรักษาความปลอดภัยหรอ? นายกำลังพูดถึงซ่งเหล่าซื่อ หวังขาเป๋ และคนอื่นๆ ที่เหลือในแก๊งใช่มั้ย?”
พี่เขยของเฝิงหยู่ทำงานให้กับพวกมาเฟียไม่ใช่หรอ? หรือว่าข่าวลือจะไม่เป็นความจริง?
“ถูกต้อง คนพวกนี้เลวร้ายมากเกินไปแล้ว แถมพวกผู้นำก็ไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดยั้งคนพวกนี้ เมืองปิงตอนนี้วุ่นวายไปหมดแล้ว!” เฝิงหยู่เขวี้ยงตะเกียบลงบนโต๊ะ เขาไม่มีอารมณ์อยากกินอะไรทั้งนั้น
เหวินตงจวินพูดต่อ “ใช่ๆ พวกผู้นำก็ขี้ขลาดจะตาย ถ้าฉันได้เป็นผู้นำในอนาคต ฉันจะแสดงให้พวกนายเห็นว่าการอุทิศเสียสละตนคืออะไร!”
จางฮั่นพูดขึ้นมาทันที “ผู้นำคนไหนที่ขี้ขลาด?” นายรู้มั้ยว่าทุกวันพวกเขาต้องทำงานหนักขนาดไหน?” หลังจากพูดจบ เธอก็ลุกขึ้นและเดินออกไปอย่างโมโห
เหวินตงจวินตกใจ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจางฮั่นต้องโกรธขึ้นมาทันทีด้วย? เขารีบกินอาหารให้หมดและวิ่งตามเธอไปทันที
...............
“พ่อคะ”
“ว่าไง ลูกสาวคนดีของพ่อ ไปโรงเรียนเหนื่อยมั้ยลูก? พ่อบอกแล้วไงให้ลูกเรียนสายศิลป์ แต่ลูกก็ยืนกรานที่จะเรียนสายวิทย์” เธอคือลูกสาวอันล้ำค่าที่เกิดขึ้นมาในช่วงที่เขาอายุ 30
“พ่อคะ หนูอยากบอกอะไรบางอย่าง” จางฮั่นกอดแขนพ่อของเธอ
“อะไรหรือลูก? บอกพ่อมาสิ”
“หนูได้ยินจากเพื่อนในห้องบอกว่าการรักษาความปลอดภัยในเมืองปิงมันแย่มาก พวกมาเฟีย อย่างเช่น ซ่งเหล่าซื่อ หวังขาเป๋ พี่เคอ กำลังยึดครองเมือง และพวกนั้นก็ทำความผิดมากมาย เช่น ฆ่าคน ลอบวางเพลิง และโจรกรรม!”
“ไร้สาระ ลูกเห็นด้วยตาตัวเองหรอ?”
“ไร้สาระอะไรกันคะ? พ่อลองไปถามคนที่เดินตามท้องถนนดูก็ได้ ทุกคนในเมืองปิงรู้เรื่องนี้กันหมด ครั้งที่แล้วตอนที่หนูไปดูหนังที่ศูนย์วัฒนธรรมกับเพื่อนๆ เราก็ถูกล้อมโดยกลุ่มนักเลงของพวกแก๊งหวังขาเป๋” จางฮั่นโกหกเพื่อทำให้พ่อเชื่อคำพูดของเธอ
“ว่าไงนะ ลูกถูกพวกนักเลงมาล้อมวงหรอ? ทำไมไม่เห็นเล่าให้พ่อฟังเลย? พวกนั้นเป็นแค่พวกวัยรุ่นตกงานหรือเปล่า? ไม่น่าจะเป็นพวกมาเฟีย”
“พ่อคะ แม้ว่าพวกนั้นจะไม่ใช่มาเฟีย แต่ในอนาคตก็อาจจะกลายเป็นมาเฟียได้ถ้าไม่มีใครทำอะไรพวกนั้น พ่อรู้ข่าวลือที่เขาพูดกันตามท้องถนนหรือเปล่า? ทุกคนบอกว่าพ่อกำลังปกป้องซ่งเหล่าซื่อ!” จางฮั่นพูด
“ไร้สาระ ปกป้องอะไรกัน? ซ่งเหล่าซื่อเป็นเจ้าของบริษัทรื้อถอน พ่อก็แค่เคยคุยกับเขาครั้งเดียวเองที่ร้านอาหาร แล้วพ่อจะไปปกป้องเขาได้อย่างไร?”
ในตอนนั้น แม่ของจางฮั่นซึ่งอยู่ในครัวก็เดินเข้ามาหลังจากที่ได้ยินเสียงสามีของเธอตะโกนใส่ลูกสาว “ตะคอกใส่ลูกทำไม? ฉันก็รู้สึกเหมือนกันว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อพัฒนารับรุงการรักษาความปลอดภัยของเมืองปิง ทำไมเราไม่ย้ายไปอยู่หมู่บ้านสำหรับเจ้าหน้าที่ระดับจังหวัดกันล่ะ? การรักษาความปลอดภัยของที่นี่ไม่ค่อยดีเลย เมื่อวาน หน้าต่างของบ้านเลขที่ 302 ก็แตก ฉันได้ยินมาว่าเป็นพวกเจ้าหนี้และคนที่ทำก็คือลูกน้องของพี่เคอ คุณยังจำเพื่อนบ้านเก่าของพ่อฉันที่ชื่อป้าซวี่ได้มั้ย? ฉันได้ยินมาว่าเธอถูกคนตีจนขาหักเพราะงานรื้อถอน ซึ่งก็เป็นบริษัทรื้อถอนของซ่งเหล่าซื่อ”
“ทำไมเธอไม่เคยเล่าให้ฉันฟังก่อนหน้านี้เลยล่ะ?”
“ฉันก็อยากจะเล่านะ แต่คุณไม่มีเวลาให้ฉันเลย คุณยุ่งมากทุกวัน และยังไม่สามารถดูแลความปลอดภัยของเมืองปิงได้อีก แล้วทำไมกลับกลายเป็นคุณที่มาโทษตำหนิฉันอีกล่ะ?”
“พ่อคะ เห็นไหม แม้แต่แม่ยังรู้เรื่องนี้เลย แล้วพ่อยังจะปฏิเสธอีกหรอ? ครั้งที่แล้ว มีพวกนักเลงมาที่โรงเรียนหนูด้วย ถ้าพ่อยังนิ่งเฉย หนูจะไม่ไปโรงเรียนอีก!” จางฮั่นพูดต่อ
“โอเคๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อไปถามลูกน้องก่อน ถ้าเป็นเรื่องจริง ก็ถึงเวลาที่จะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว การลงโทษขั้นรุนแรงครั้งที่แล้วก็ผ่านมาสองสามปีแล้ว ทำไมเรื่องถึงกลับมาเป็นแบบเดิมได้เร็วขนาดนี้?”
..........
นายกเทศมนตรีของเมืองปิงขมวดคิ้ว ผู้อำนวยการโฮวจากโรงงานการบินเพิ่งกลับออกไปจากห้องทำงานของเขา แม้แต่โรงงานของทหารก็ถูกคุกคามด้วย? นี่มันมากเกินไปแล้ว!
โรงงานการบินและโรงงานเครื่องจักรร้องเรียนกับเขาเรื่องการรักษาความปลอดภัยของเมืองปิงและอยากให้รัฐบาลเมืองทำอะไรสักอย่าง ปัญหานี้ถูกยกประเด็นขึ้นมาโดยรองนายกเทศมนตรีสองคนและอ้างว่ามาเฟียพวกนี้กำลังขัดขวางการเติบโตของเมือง
ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่ต้องคุยกับเลขาพรรคซะแล้ว แต่การรักษาความปลอดภัยในเมืองปิงก็ไม่น่าจะเลวร้ายมากขนาดนั้นอย่างที่คนพวกนั้นพูดกัน บางทีพวกนั้นอาจจะพูดเกินจริงก็ได้ หลังจากที่รายงานเรื่องนี้ไปยังเลขาพรรคแล้ว เขาจะส่งเจ้าหน้าที่จากสถานีตำรวจของเมืองมาจัดการ
นายกเทศมนตรีเดินทางมาถึงสำนักงานของเลขาพรรค และเลขาก็เพิ่งกลับมาจากการประชุมที่รัฐบาลระดับจังหวัด เมื่อเลขาได้ยินเรื่องทั้งหมดจากนายกเทศมนตรี เขาก็พยักหน้ารับทราบ
หลังจากที่ได้ประชุมในรัฐบาลระดับจังหวัด หัวหน้าตำรวจระดับจังหวัดก็ได้บอกเขาเกี่ยวกับปัญหาการรักษาความปลอดภัยของเมืองปิง เขาอยากร่วมงานกับกรมตำรวจของจังหวัดเพื่อจัดการมาเฟียในเมืองให้สิ้นซาก เขาบอกว่าเขาก็ได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับมาเฟียในเมืองปิงเหมือนกัน!
เลขากำลังอยากจะคุยเรื่องนี้กับนายกเทศมาตรีเหมือนกัน แต่เมื่อเขากลับมาถึงสำนักงาน นายกเทศมาตรีก็มารอพร้อมคุยกับเขาเรื่องนี้แล้ว เนื่องจากทั้งสองมีแนวคิดที่เหมือนกัน ดังนั้นการตัดสินใจจึงเป็นไปโดยเร็ว
มีการออกคำสั่งไปยังกรมตำรวจของเมืองและรองหัวหน้าตำรวจก็รู้สึกตกใจ ครั้งนี้ไม่ใช่รัฐบาลเมืองที่จะดำเนินการ แต่รัฐบาลระดับจังหวัดก็จะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงสิ่งที่เฝิงหยู่เคยบอกกับเขาเมื่อสองสามวันก่อนและรีบอาสารับทำงานนี้ทันที เขาจะร่วมงานกับตำรวจระดับจังหวัดเพื่อจับมาเฟียในเมืองปิง
ในขณะที่เฝิงหยู่ยังคงคิดว่าเขาจะทำอย่างไรให้รัฐบาลตื่นตัวและเข้ามาดำเนินการดี การลงโทษขั้นรุนแรงในเมืองปิงได้เริ่มขึ้นแล้ว!