ตอนที่ 40 เฉินเฟิงเลี่ยก้มหัว
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 40 เฉินเฟิงเลี่ยก้มหัว
เขาสังหารศิษย์ของนิกายหมาป่าหินผา แต่ยังจะขู่เฉินเฟิงเลี่ยอีก... ช่างกล้าอะไรขนาดนั้น?
นิกายหมาป่าหินผาเป็นราชาภายในบริเวณหนึ่งพันไมล์นี้ เมื่อเทียบกับตัวตนแบบนั้นไม่ว่าจะตระกูลหลิงหรือตระกูลเชิงก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะยืนอยู่ในระดับเดียวกัน
หลิงฮันจงใจแส่หาความตายรึไง?
เฉินเฟิงเลี่ยตกตะลึงไปชั่วขณะ มันรู้สึกว่าสายตาของหลิงฮันช่างลึกล้ำราวกับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ มันราวกับดวงตานั้นเป็นของนักรบที่อยู่บนจุดสูงสุดของทุกสิ่ง แต่มันก็ฟื้นคืนสติได้อย่างรวดเร็วว่ามันกำลังถูกขู่โดยจอมยุทธที่อยู่เพียงระดับรวมธาตุ มันจึงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “โอ้ แล้วเจ้าคิดจะสังหารข้าอย่างไรล่ะ?”
“ข้าไม่จำเป็นต้องทำอันใด เพราะอย่างไรภายในห้าวันเจ้าก็จะตายอยู่แล้ว” หลิงฮันพูดอย่างสงบและชี้นิ้วไปที่เฉินเฟิงเลี่ย
“ประมาณสิบวันก่อน เมื่อเจ้ากำลังบ่มเพาะอยู่เจ้าคงพบกับปัญหาบางอย่างเข้าสินะ?”
สีหน้าของเฉินเฟิงเลี่ยเปลี่ยนไปทันที เป็นอย่างที่หลิงฮันพูด เมื่อตอนที่มันบ่มเพาะพลังอยู่สิบวันก่อน มันรู้สึกว่าตัวเองได้เข้าใจถึงหลักบางอย่างและตัดสินใจจะทะลวงไปยังระดับก่อเกิดธาตุขั้นสี่แต่ก็ไม่สำเร็จ ผลลัพธ์ที่ได้นั้นตรงกันข้าม มันบังเอิญไปทำให้ปราณก่อเกิดภายในร่างไหลผ่านไปผิดที่ แต่โชคดีที่มันดึงปราณที่ว่าให้ถอยกลับได้ทันเวลา และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก
แต่ว่าเจ้าเด็กนี่รู้ได้อย่างไร? มันเพียงเดาสุ่มงั้นรึ?
หลิงฮันยิ้มและพูด “ลองกดลงไปตรงที่จุดที่อยู่ต่ำกว่าซี่โครงสามนิ้ว”
ในตอนแรกเฉินเฟิงเลี่ยคิดว่าจะพูดออกไปว่า ‘ไร้สาระสิ้นดี!’ แต่มือของมันก็ขยับและกดเบาๆลงไปยังจุดที่ว่าอย่างไม่อาจควบคุมได้ และสีหน้าของมันได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง
เจ็บ... เป็นความเจ็บปวดที่ทรมานอย่างมาก!
“และอีกจุดหนึ่งคือทางขวาครึ่งนิ้วจากกระดูกสันหลังชิ้นที่เจ็ด” หลิงฮันพูดต่อ
เฉินเฟิงเลี่ยกดไปยังจุดที่ว่าอีกครั้ง และเหงื่อได้ไหลออกมาจากหน้าผากของมัน นี่ต้องไม่ใช่เรื่องปรกติแน่นอน
“เจ้าฝืนตัวเองเกินไปเมื่อตอนบ่มเพาะพลัง และเจ้าที่อยู่สภาวะที่ไม่สมบูรณ์จึงสัมผัสถึงมันไม่ได้” หลิงฮันพูดออกไปก่อนจะเผยรอยยิ้มที่มั่นใจ
“ข้าสามารถช่วยเจ้าได้”
เฉินเฟิงเลี่ยกัดฟันพูด “เอาล่ะ งั้นเจ้าก็บอกวิธีรักษามาให้ข้า แล้วข้าจะยกโทษเรื่องที่เจ้าทำในครั้งนี้ให้”
“อาวูโสเฉิน!” เชิงเหวิงควินทั้งโมโหและประหลาดใจ ไม่ใช่ว่านั่นหมายความว่าเชิงเซียวหยวนจะต้องตายฟรีหรืออย่างไร?
“หือ?” เฉินเฟิงเลี่ยหันไปมองเชิงเหวิงควิน สายตาของมันเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย ตัวตนอันกระจ้อยร่อยอย่างเชิงเซียวหยวนจะมาเทียบกับชีวิตที่สำคัญของตัวมันเองได้อย่างไร?
เชิงเหวิงควินรีบปิดปากทันที บนหน้าผากของมันมีเหงื่อไหลออกมา หากกล้าไปเถียงกับจอมยุทธในระดับก่อเกิดล่ะก็... มันจะต้องตายอย่างเสียเปล่าแน่นอน
หลิงฮันส่ายหน้า “ชีวิตของเจ้าที่อยู่ในระดับก่อเกิด มีค่าแค่นั้นเองรึ?”
ของเฉินเฟิงเลี่ยเต็มไปด้วยความโมโห แต่ในเมื่อชีวิตของมันตกอยู่ในมือคนอื่น มันจึงไม่สามารถแสดงความโกรธออกมาได้ มันทำได้เพียงอดกลั้นเพลิงแห่งความโกรธและพูดออกไป
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องการอะไร?”
หลิงฮันยิ้ม “มันก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเจ้าเอง”
เฉินเฟิงเลี่ยรู้สึกรันทดเป็นอย่างมาก ตัวมันที่เป็นผู้อาวุโสเก้าของนิกายหมาป่าหินผาและเป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งในระดับก่อเกิดธาตุ ภายในสถานการณ์ปรกติมันจะเป็นคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดและเป็นที่เคารพของคนอื่นๆ เมื่อใดกันที่มันกลายเป็นคนที่สามารถถูกชักใยอย่างง่ายดายโดยจอมยุทธที่อ่อนแอในระดับรวมธาตุ?
แต่จะให้มันทำอันใดได้? ชีวิตของมันอยู่ในมือของหลิงฮัน
ตั้งแต่ตอนที่หลิงฮันบอกถึงวันที่มันประสบปัญหาจากการบ่มเพาะได้อย่างแม่นยำ และจากความเจ็บปวดทั้งสองจุดที่มันกดลงไปตามที่หลิงฮันบอก มันจึงไม่สงสัยและเชื่อในคำพูดของหลิงฮันเป็นอย่างมาก
“ถ้าเช่นนั้น นายน้อยฮันมีคำสั่งอะไรหรือไม่?” มันโค้งตัวลงเล็กน้อย
"อึก!"
เมื่อได้ยินคำว่า ‘นายน้อยฮัน’ คนที่มองดูอยู่ถึงกับตกตะตึง นั่นคือผู้อาวุโสจากนิกายหมาป่าหินผาและยังเป็นจอมยุทธในระดับก่อเกิดธาตุเชียวนะ แต่เขากลับยอมเรียกหลิงฮันว่านายน้อยฮัน แล้วจะไม่ให้ผู้คนตกตะลึงได้อย่างไร?
หลิงฮันเผยรอยยิ้มบางๆ “หลังจากที่ได้วิธีรักษาไปแล้ว เจ้าคิดจะสังหารข้า?”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร!” เฉินเฟิงเลี่ยรีบหัวเราะแห้งๆและมีเหงื่อไหลออกมา
หลิงฮันสามารถมองทุกอย่างออก เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ยอมให้ตัวเองตกไปอยู่ในอันตราย มันจะรักษาให้เฉินเฟิงเลี่ยแน่นอน แต่ไม่ใช่รักษาให้หายภายในครั้งเดียว เขาชี้ไปยังเชิงเหวิงควินและพูด “ชายคนนี้ช่างน่ารำคาญยิ่งนัก เฆี่ยนตีมันให้ข้าซะ!”
สีหน้าเชิงเหวิงควินกลายเป็นสีเขียวในทันที
เหตุผลที่มันชวนเฉินเฟิงเลี่ยมาก็เพื่อเพิ่มอำนาจให้กับตนเองเพื่อแก้ปัญหาที่หลิงตงซิงทำให้ตระกูลของมันเกิดปัญหาทางการเงินจนทั้งตระกูลของมันต้องถูกบีบบังคับให้จนมุม
แต่มันไม่เคยคิดเลยว่า ผู้ช่วยที่มันเชิญมาจะหันไปช่วยตระกูลหลิงแทน แล้วจะไม่ให้มันเจ็บปวดได้อย่างไร?
ถ้ามีคนเอาเต้าหู้ให้มัน มันคงจะใช้ตีหัวตัวเองให้ตายไปแล้ว
“อาวุโสเฉิน!” มันพูดอย่างติดๆขัดๆ ต่อหน้าจอมยุทธที่ทรงพลังในระดับก่อเกิดธาตุแล้ว พลังของมันแทบจะไร้ประโยชน์ไปอย่างสิ้นเชิง
“หือ? เจ้าคิดจะตอบโต้ข้ารึ?” เฉินเฟิงเลี่ยพูดอย่างเย็นชา
สีหน้าของเชิงเหวิงควินเปลี่ยนไปอีกหลายรอบ ก่อนที่มันจะกัดฟันพูดออกมา “ข้าไม่กล้า!”
ถ้ามันบังอาจต่อต้าน มันจะต้องตายแน่นอน ต่อให้เป็นคนตาบอดก็สามารถบอกได้ว่าตอนนี้เฉินเฟิงเลี่ยอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก
“เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!”
เฉินเฟิงเลี่ยยกมือขึ้นและตบเชิงเหวิงควินไปสองที ความรุนแรงของแรงตบทำให้เกิดรอยเลือดขึ้นที่มุมปากของตบเชิงเหวิงควิน
ทั้งห้องโถงล้วนแต่เงียบกริบ สิ่งเดียวที่รบกวนความเงียบนี้คือเสียงหายใจอันรุนแรงของเหล่าคนที่ดูอยู่
ใครจะไปคิดกันว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้?
ต่อให้เป็นหลิงตงซิงก็ไม่เคยคิดว่าบุตรของมันจะสามารถควบคุมจอมยุทธที่แข็งแกร่งในระดับก่อเกิดธาตุได้ เรื่องนี้ทำให้มันทั้งประหลาดใจและมีความสุข มันช่างมีบุตรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!
ใบหน้าของเชิงเซียงกับน้องชายของมันกระตุกไม่หยุด ถ้าที่ตรงนี้มีหลุมอยู่ มันคงจะลงไปซ่อนตรงนั้นแล้ว ก่อนหน้านี้พวกมันเต็มไปด้วยความมั่นใจและทำตัวหยิงยโส คิดว่าจะนำศักดิ์ศรีที่เสียไปคืนมาได้ มันนึกไม่ถึงเลยว่าตอนนี้แม้แต่บิดาของมันก็ยังโดนเฆี่ยนตีด้วย
งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ในประวัตศาสตร์ตระกูลเชิง
แม้เชิงเหวิงควินจะถูกเฆี่ยนตีจนฟันหลุดและต้องกลืนเลือดลงไป มันก็ไม่กล้าแสดงความโกรธออกมาแม้แต่นิดเดียว
‘ตระกูลหลิง! ข้าขอสาบานว่าข้าจะต้องทำลายพวกเจ้าจนไม่เหลืออะไรเลย!’ มันคำรามอย่างโกรธแค้นอยู่ในใจ
‘ตราบใดที่ลุงสามสามารถทะลวงผ่านไปยังระดับก่อเกิดธาตุได้ พวกเราก็จะสามารถล้างแค้นได้!’
หลิงฮันพยักหน้าและพูดกับเฉินเฟิงเลี่ย “ข้าจะเขียนสูตรยาให้เจ้า ซึ่งยาที่ว่าจะช่วยระงับอาการบาดเจ็บของเจ้าชั่วคราว เจ้าจะไม่เกิดปัญหาอันใดเป็นเวลาครึ่งปี”
ถึงแม้เฉินเฟิงเลี่ยจะไม่อยากยอมรับแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ มันเองก็รู้ว่าหลิงฮันคงไม่รักษามันให้หายขาดเลยแน่นอน ถ้ามันเป็นเขามันก็คงทำเช่นเดียวกัน มันจึงทำได้เพียงพยักหน้าและพูดออกไป “ขอบคุณนายน้อยฮันมาก!”
เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว งานเลี้ยงจึงต้องจบลง หากจะอยู่ที่นี่ต่อไปก็มีเพียงจะรู้สึกอัดเท่านั้น เหล่าแขกเริ่มขอตัวกลับทีละคนๆ ส่วนหลิงฮัน หลังจากที่มอบสูตรยาให้กับเฉินเฟิงเลี่ยแล้ว เขาเองก็ออกจากที่พักตระกูลเชิงโดยมีหลิงตงซิงและหลิวอู๋ตงตามไปด้วย
“ฮ่าๆๆๆ!” บนรถม้า เสียงหัวเราะดังลั่นของหลิงตงซิงที่ก่อนหน้านี้พยายามอดกลั้นมานานได้ดังออกมา มันชกหมัดออกไปอย่างรุนแรงและพูด
“ข้าได้ปะทะกับเชิงเหวิงควินมาหลายปี แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ได้ปลดปล่อยออกไปเท่าครั้งนี้มาก่อน! อย่างไรก็ตามฮันเอ๋อร์ เรื่องในคืนนี้เองก็ค่อนข้างอันตรายเหมือนกัน ถ้าเฉินเฟิงเลี่ยไม่ได้เกิดปัญหาจากการบ่มเพาะเมื่อหลายวันก่อน เรื่องในคืนนี้คงไม่จบง่ายแบบนี้”
เพราะอย่างไร คืนนี้ก็ได้มีการเสียชีวิตของศิษย์จากนิกายหมาป่าหินผา
หลิงฮันยิ้ม ถ้าเขาไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเฉินเฟิงเลี่ย เขาก็ยังคงมีอีกสองทางเลือก ทางเลือกแรกคือ ไม่สังหารเชิงเซียวหยวน และทางเลือกที่สองคือสังหารเชิงเซียวหยวนและเปิดเผยสถานะของหลิวอู๋ตงเพื่อจัดการปัญหา
แต่ตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปคิดอะไรกับมันอีกแล้ว
“อีกหนึ่งเดือน หากตระกูลเชิงไม่สามารถจ่ายค่าจ้างให้กับจอมยุทธที่พวกมันจ้างมาคุ้มกันตระกูลได้ เมื่อถึงตอนนั้น มันจะถึงคราวที่ตระกูลหลิงของเราจะกลายเพียงขุมอำนาจเดียวในเมืองหมอกเมฆา!” หลิงตงซิงพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ
**ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ**