SGS บทที่ 8 - จะหน้าด้านเกินไปไหม?
ได้ยินเสียงตะคอกดังสนั่นของลูลู่ ทำให้เหล่าองครักษ์และเฟยเฟยช็อคจนตาเหลือก ส่วนวู่หยานก็ตะลึงจนเกือบทำดาบหลุดมือ
เธอเดินแบบกะแทกเท้ามาหาวู่หยาน แล้วเอานิ้วชี้ไปที่จมูกเขาอย่างโกรธๆ
“นี้คือที่นายพูด ‘ให้ฉันจัดการเองนะ’ น่ะ!? นายจะมาขอให้ช่วยหรือจะมาเล่นตลกกันแน่!”
การที่ทำให้ผู้หญิงนิสัยร่าเริงอย่างลูลู่โกรธได้นี้ เขาควรจะภูมิใจไหมนะ?
มองหน้าดุๆของลูลุ่ วู่หยานหดหัว แล้วยิ้มใสๆให้ “เอาน่า มันก็ลดบรรยากาศตึงเคลียดลงได้ไม่ใช่รึไง?”
“นายนี้มัน.....เกินเยียวยาแล้วจริงๆ....” ลูลู่เอามือก่ายหน้าผากอย่างอ่อนแรง คนที่นิสัยกวนๆอย่างวู่หยาน เป็นประเภทที่เธอแพ้ทางจริงๆ
“เฮ้ อย่าทำท่าแบบนั่นสิ ผลลัพธ์มันก็ออกมาดีไม่ใช่รึไง...?”
ตอนนี้ เฟยเฟยและเหล่าองครักษ์ รู้สึกว่าสมองตัวเองตามเรื่องราวตรงหน้าไม่ทัน
ฟังจากบทสนทนา ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีกับลูลู่ แล้วในเมื่อรู้จักทำไมไม่ทักทายกันตั้งแต่แรกล่ะ?
และสำหรับ เฟยเฟย ในฐานะที่เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของลูลู่ ทำให้เธอรู้ว่าลูลู่ไม่มีเพื่อนผู้ชายแม้แต่คนเดียว แม่แต่เพื่อนผู้หญิงด้วยกันก็ยังมีน้อยมาก
เขามาจากไหนกัน? ทำไมไม่เห็นเคยได้ยินลูลู่พูดถึงเลย? ยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อไหร่กันที่ทั้งสองมาเป็นเพื่อนกัน? ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องเลย? และจากที่เห็นลูลู่ดูเหมือนว่าลูลู่จะพยายามปกปิดว่าไม่รู้จักด้วย ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ดูจากสภาพที่ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังคุยอย่างสนิทสนม คำถามในหัวของเฟยเฟยก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
“เอ่อ..ขอโทษนะ นายเป็นใครกัน?” เฟยเฟยคิดว่ามันคงจะดี ถ้าเธอเอ่ยปากถามก่อน
ขณะที่กำลังคุยกันโหวกเหวกเสียงดัง ทั้งสองคนก็สะดุ้งเมื่อได้ยินคำถามเธอ ซึ่งในตอนนี้ลูลู่ก็รู้สึกตัวว่า.....
“เออใช้แล้ว นายชื่ออะไรนะ? ดูเหมือนว่าฉันจะยังไม่ได้ยินชื่อนายเลย”
วู่หยาน รู้สึกเหมือนเส้นประสาทจะแตก นี้มันก็ผ่านไปไอ้พอสมควรแล้วแต่กลับเพิ่งนึกออกว่ายังไม่ได้ถ่มชื่อ....เด็กสาวนี้นี่ช่างทำให้ผู้คนพูดไม่ออกจริงๆ
แต่นี้ทำให้ เฟยเฟย ยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม ไม่ใช่ว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน? มันยังไงกันแน่ ทั้งๆทีดูจะสนิทกันมากแต่ยังไม่รู้ชื่ออีกฝ่ายงั้นเหรอ?
วู่หยาน ส่ายหน้าอย่างหมดแรง ก่อนจะโบกมือให้ เฟยเฟย่ ด้วยรอยยิ้ม
“ฉันชื่อวู่หยาน ยินดีที่ได้รู้จักนะคนสวย”
“โอ้...คุณชื่อวู่หยานนี้เอง...”
“คุณ วู่หยาน ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อ เฟยเฟย” ดูแล้วเขาน่าจะไม่ใช่คนไม่ดี เธอตัดสินใจที่จะปล่อยมันไป แต่ความสงสัยของเธอยังมีอยู่
“จะเป็นไรมั้ย ถ้าฉันขอถามว่า คุณไปรู้จักกับลูลู่มาตั้งแต่ตอนไหน?”
ได้ยินคำถาม ทั้งคู่หันมามองตากันและกัน หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ทั้งสองก็พูดขึ้นพร้อมๆกันว่า “ฉัน ไม่รู้จักเธอ/นายคนนี้!”
เฟยเฟยพยายามอดกลั้นที่จะไม่หัวเราะกับความพร้อมเพรียงของทั้งสองคน ขณะที่คิ้วเธอกระตุกไม่หยุด
“..ระ..เหรอ?...แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่?....”
เธอเดาว่า เขามาที่นี่คงเพราะลูลู่
วู่หยาน ลูบหัวตัวเอง จะพูดว่าไงดี? หรือจะบอกเธอว่าไม่รู้ทางออกจากป่านี้? นี้มันออกจะ.....ขายหน้าเกินไปอ่ะ....
จริงๆ ลูลู่ อยากบอกไปมากๆว่า นายอ่ะเสียหน้าไปตั้งนานแล้วล่ะ....
วู่หยานแบมือทั้งสองด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“จริงๆแล้ว ฉันก็แค่ออกมาเดินเฉยๆ....”
“……” เฟยเฟยไม่รู้เลยว่าจะพูดตอบกลับไปยังไงดี ตามหลักแล้วถ้าเขาไม่คิดจะบอก เธอก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก ถ้าเป็นคนที่ไม่น่าไว้วางใจ เธอก็แค่เมินไปซะ แต่นี้ไม่ว่าเธอจะมองดูยังไง เขาก็เหมือนจะสนิทกับลูลู่มาก ในพริบตา วู่หยานก็ทำให้ผู้หญิงที่ทั้งฉลาดและมีความสามารถอย่างเฟยเฟยพูดไม่ออกและจนปัญญา
เหล่าองครักษ์ก็ได้แต่มองหน้ากันไปมาอย่าว่างเปล่า ถ้าเป็นตามปกติเมื่อมีคนมารบกวน พวกเขาก็จะเอาดาบไล่ฟันแล้ว แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ พวกเขาทำอะไรไม่ได้จริงๆ
นี่ทำให้บรรยากาศเริ่มอึดอัด วู่หยานหัวเราะแห้งๆ จะทำไงได้ในเมื่อเขาแสดงท่าทางแบบนั้นออกไป
“อืม...แล้วคุณวู่หยานวางแผนจะทำอะไรต่อไป?” เฟยเฟย ถามออกไปหลังจากคิดแปปนึง
“เอ่อ...จริงๆแล้ว ก็อย่างที่เห็น....”
“จริงๆแล้วเขาหลงทาง แล้วอยากให้พวกเราพาเขาออกไปจากที่นี้!!”
โดยที่ไม่ให้โอกาสเขาพูดอะไรโง่ๆออกไปอีก เธอพูดแทรกความลับอันน่าอายของเขา
รอยยิ้มของวู่หยานแข็งค้าง เขามั่นใจเลยว่าลูลู่กำลังแก้แค้นตนเองอยู่.......
มองใบหน้าที่กำลังงุนงงของเฟยเฟย เขารู้สึกอยากร้องไห้
แม้แต่เหล่าองครักษ์ ก็ช่วยไม่ได้ที่จะกรอกตามองบน เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้เพราะมันหลงทาง........
แน่นอนว่า ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาเห็นท่าทางสนิทกับคุณหนู การที่คนแปลกหน้าเข้ามาหา ชะตากรรมคงไม่พ้นเป็นศพอืดในป่านี้ไปแล้ว....
เดียวนะ ไม่ใช่ว่าทั้งสองคนบอกว่าไม่รู้จักกัน? แล้วคุณหนูไปรู้ได้ไงว่ามันกำลังหลงทาง?
เฟยเฟย เองก็อยากจะตะโกนใส่ไปว่า “นายนี้จะหน้าด้านเกินไปไหม?”
ใบหน้ากระตุก เขาทำได้แค่โบกมือ
“…..ก็แบบนี้แหละ ไม่ทราบว่า มิส เฟยเฟย วางแผนจะออกไปจากป่านี้เมื่อไหร่? แล้วสามารถพาฉันไปด้วยได้ไหม?”
คิดไปก็มองหน้าวู่หยานไปด้วย ไม่นานนักเธอก็ยกมือปิดปากแล้วหัวเราะคิกคัก
“เรื่องเป็นแบบนี้เอง ในเมื่อพวกเราเองก็กำลังจะออกจากป่า ทำไมนายไม่ตามพวกเรามาด้วยเลยล่ะ!!”
“เยสส! เยื่ยมไปเลย! ในที่สุดก็สามารถออกจากป่าโง่ๆนี้ได้สักที!!” ลูลู่ ร้องอย่างมีความสุขหลังจากได้ยินเฟยเฟยพูด ดูเหมือนว่าลูลู่จะโดนป่านี้เล่นไปมากพอตัว....
วู่หยาน ก็ดีใจไม่ต่าง ถึงแม่เขาจะมีที่พัก แต่ก็ใช้ว่าเขาจะอยากอยู่ในป่าเวรนี้
“เป็นอันตกลงแล้วนะ!! รีบไปเร็ว! กลับบ้านกัน!” ลูลู่ ไฟลุก วิ่งออกไป
“ดะ...เดียว!!ลูลู่!!” เฟยเฟย วิ่งตามอย่างลนลาน
ยักไหล่ เขาแอบบ่นในใจว่า
‘ไม่ใช่เด็กบ้านเธอสิ ดูยังไงก็โตแต่ตัวชัดๆ’
แล้วหันหน้าไปมองเหล่าการ์ดที่กำลังทำท่าทางดุร้าย วู่หยานก็สั่น รีบวิ่งตามทั้งสองไปอย่างรวดเร็ว
....................
หลักจากเดินกันมาทั้งวัน พวกเขาก็ออกจากป่าไปถึง เมืองท่าขนาดเล็ก
ป่าสัตว์อสูร นั่นคาบเส้นกับอาณาเขตของทั้ง3จักรวรรดิ ตรงกึ่งกลางของทั้งสาม แค่พื้นที่อย่างเดียว ป่านี้ใหญ่ก็กว่าทุกจักรวรรดิแล้ว ส่วนภายในนั่นก็อุดมไปด้วยทรัพยากรและสัตว์ปีศาจต่างๆมากมาย และยังเป็นสถานทีเดียวในโลกที่มีสัตว์ปีศาจอาศัยอยู่!
ไม่ว่าจะเป็น ส่วนร่างกายหรือคริสตัลเวทมนตร์ของสัตว์พวกนี้ก็ล้วนเป็นเงินทั้งนั่น ด้วยเหตุนี้ ทีนี่จึงดึงดูดเหล่าผู้บ่มเพาะพลังแล้วก็ทหารรับจ้างมามหาศาล
เพราะแบบนี้ ภายในสามจักรวรรดิจึงมีเมืองท่าที่ใกล้ที่สุดกับอาณาเขตของป่า
ต้องพูดเลยว่าวู่หยานนั่นโชคดีมาก ที่ๆเขาอยู่นั่นเป็นแค่ชายแดนป่า
มันเลยทำให้เขาพบแค่สัตว์อสูรแรงค์1-2 และเก่งสุดก็เป็น หมาป่าLV.20 ถ้าเขาเข้าไปลึกกว่านี้ ชะตากรรมคง.....
เฟยเฟย บอกว่า ป่าชั้นในลึกเข้าไป จะมีมอนแรงค์8-9อยู่ และตรงกลางของป่าจะมีมอนระดับครึ่งก้าวเทวะ ซึ่งสามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้!
จากคำอธิบายของเฟยเฟย วู่หยานจึงเข้าใจว่าตัวเองนั้นโชคดีแค่ไหน
โชคดีมากที่ตอนแรกเขาโดนส่งมาโลกนี้ตรงป่าชั้นนอก ไม่งั้นละก็.....ไม่ต้องพูดถึงมอนแรงค์7-9เลย เอาแค่มอนแรงค์3-4ก็สามารถส่งเขากลับไปหาบรรบุรุษได้แล้ว
แม้ว่าเฟยเฟยและกลุ่ม จะเดินลึกเข้าในป่านั่นนอกนิดหน่อย แต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปในป่าชั้นใน
ตามที่เธอบอก เขาถึงรู้ว่าสนามฝึกของลูลู่เป็นมอนแรงค์4 ถึง10ตัว!
มองไปที่กองคริสตัลระดับ4ทั้ง10ก้อนที่กำลังส่องแสง กับมอนดวงซวยที่ดันเข้ามาใกล้เลยโดนฆ่าไป ทำให้วู่หยาน พูดไม่ออก
จากที่ระบบบอก หนึ่งอาทิตย์ของลูลู่เท่ากับหนึ่งเดือนของเขาแบบล่ามอนอย่างบ้าคลั่ง
หลักจากที่กลุ่มเดินเช้าไปในเมืองท่าขนาดเล็ก เดินไปตามถนน เขารู้สึกแปลกๆกับพวกตึกและเสื้อผ้าที่คนที่นี่ใส่
ถ้าไม่ใช่ว่ามีพวกลูลู่เดินนำอยู่ข้างหน้า เขาคงคิดว่าตัวเองหลุดเข้ามาในโลกแฟรี่เทล
“มองอะไรอยู่เหรอ?” ถูกดึงสติกลับมากจากเสียงของลูลู่ วู่หยานหันหัวไป เห็นลูลู่ที่กำลังมองทิศทางที่เขามองอยู่เมื่อกี่ด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น เขากรอกตา
“พูดก็พูดเถอะลูลู่ เธอช่วยข่มกลั้นความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองบ้างได้ไหมเนีย?” บอกได้เลยว่าวันนี้ทั้งวันเขาโดนลูลู่ถามนู่นนี่อยู่ตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะมีเฟยเฟยอยู่ข้างๆ เขากลัวว่าแม้กระทั้งกางเกงในเขาสีอะไรก็คงจะโดนถามไปแล้ว........
“ฉันก็แค่อยากรู้นี่......” เธอพูดพึมพำ แล้วมุ่ยปากอย่างไม่พอใจเหมือนเด็กๆ
เหลือบมองไปที่ลูลู่ที่ดูไปก็คล้ายกับแมวน้อย วุ่หยานพูดอย่างหมดแรงว่า
“แม้กระทั้งถนนที่ฉันมอง เธอก็ยังอยากรู้อีก ดูเหมือนความอยากรู้(เสือก)ของเธอจะมากน่าดูเลยนะ....”
“ฉันก็แค่สนใจว่าผู้ชายปกติเขามองอะไรกัน ก็ฉันไม่เคยมีเพื่อนผู้ชายมาก่อนนี่น่า....” ลูลู่ ถูนิ้วไปมาด้วยความไม่พอใจ
เห็นท่าทางลูลู่ วู่หยานถอนหายใจยาว “ถ้าเธอยังทำแบบนี้ คนอื่นเค้าจะเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนป่าที่เพิ่งลงมาจากภูเขานะ”
ลูลู่มองค้อนไปวงหนึ่ง แล้วพูดยิ้มๆว่า “คนป่าเหรอ?นั่นนายไม่ใช่?”
ในใจวู่หยานโอดครวญ อยากร้องแต่ไม่มีน้ำตา
‘เห้อ ฉันผิดเองที่ดันไปพูดว่ามาจากเขา ทำไมถึงไม่พูดไปว่าเป็นคุณหนูที่มาหาประสบการณ์พิเศษนะ?แย่จริงตัวเรา....’
ดูเหมือนวู่หยาน จะลืมไปแล้วว่า คุณหนูที่ว่าก็อยู่ข้างๆเขา…
“ดี คนป่าก็คนป่า ทีนี้เจ้าหญิงน้อยสุดซึนเดเระของฉัน สามารถเมตตาบอกได้ไหมว่าเรากำลังไปที่ไหนกัน?”
ลูลู่เอียงหน้าเล็กน้อยแล้วพองแก้ม ทำให้เขารู้สึกคันยิบๆอยากเอามือหยิกแก้มนั่น
“อืมม....พี่เฟยเฟย บอกว่า เราต้องไปหาโรงแรมพักซักวันหนึ่ง ก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับบ้านด้วยเรือบิน”
วู่หยาน หยุดเดินแล้วหันไปมองลูลู่ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “เมื่อกี่เธอพูดว่าอะไรนะ? นั่งอะไรนะ? ช่วยพูดอักครั้งได้ไหม?”
“เรือบินไง! มันถูกสร้างโดยเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุ เป็นเรือขนาดใหญ่ที่บินได้ โดยการใช้พลังเวทเป็นเชื้อเพลิงทำให้บินเร็ว ตราบเท่าที่มีเรือบิน จากระยะทางที่ต้องใช้เวลาเดินทางเป็นเดือนก็จะเหลือเพียงไม่กี่วัน สุดยอดเลยใช้ไหม! สนามบินของเมืองนี้ ขอแค่มีเงินก็สามารถไปทุกที แต่น่าเสียดาย ที่มันจำกัดแค่ในจักรวรรดิไอย์ลูเท่านั่น”
“โอ้จริงดิ? ฉันไม่เชื่อ!มันต้องถูกสร้างโดยกิลด์ที่ชื่อ บลูเพกาซัส ใช้ไหม?”
เขาคิดจริงๆว่าเขาอาจจะต้องไปตามหานัตซึ.....
“กิลด์บลูเพกาซัส? ไม่เคยได้ยินนะ เคยได้ยินแต่ กิลด์ทหารรับจ้าง กิลด์เวทมนตร์ กิลด์นักเล่นแร่แปลธาตุ ถึงชื่อมันจะดูน่ารักมากเลยก็เถอะ ว่าแต่ นายถามทำไม?”
วู่หยาน หัวเราะแห้งๆ“อย่าไปสนใจรายละเอียดเลย ตอนนี้รีบตามพวกเฟยเฟยให้ทันก่อนดีกว่า ตอนนี้พวกเขาเดินห่างไปไกลแล้วเนีย”
ลูลู่ทำท่าราวกับว่าอยากจะถามอะไรสักอย่าง เขาจึงรีบพูดดักเธอ แล้วเร่งฝีเท้าตามเฟยเฟยไป
“เดียวก่อน!ไอ้บลูๆที่นายพูดมันคืออะไร เฮ้ บอกว่ารอเดียวไง!”
ลูลู่เดินกระทืบเท้าอย่างหงุดหงิด โดยไม่สนใจสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วน จากนั้นก็รีบวิ่งตามวู่หยานไป.....