ตอนที่แล้วบทที่ 176 กำลังอันป่าเถื่อน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 178 คล้อยตามความว่างเปล่า  

บทที่ 177 การค้า


 

ขณะที่ผูเยากระซิบรำพึง จั่วม่อผู้กระเด็นกลับมาร่วงฟาดพื้นหนักๆ อีกครั้ง ในที่สุดตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายตนเอง!

พอดิ้นรนลุกขึ้นยืน มันไม่ได้กู่คำราม ไม่ได้พุ่งเข้าปะทะเหมือนที่เคยทำก่อนหน้านี้

ศีรษะอันร้อนฉ่าคล้ายถูกราดรดด้วยถังน้ำเย็น มันพลันตื่นขึ้น ความปรารถนาในการต่อสู้ที่กำลังลุกไหม้อย่างบ้าคลั่งหายวับไปในทันที มันก้มมองฝ่ามือตัวเอง ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด ปรากฏรอยสักรูปภูเขารอยหนึ่งขึ้นบนฝ่ามือ

นี่มันอะไรกัน?

 

เมื่อจั่วม่อก้มลงเพ่งมองฝ่ามือตนเอง เหล่าศิษย์น้องที่เฝ้ามองคล้ายลมหายใจขาดห้วงอย่างกะทันหัน

ศิษย์พี่สิ้นเรี่ยวแรงแล้วหรือ? การปะทะเดือดยี่สิบกว่าครั้ง แม้ว่าจะแค่ยืนดูพวกมันยังใจสั่นสะท้าน หัวใจแทบกระดอนออกมาทางลำคอ ไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา พวกมันไม่อาจเข้าใจได้ว่าไฉนศิษย์พี่ใช้วิธีต่อสู้อันหฤโหดเช่นนี้

หากศิษย์พี่พ่ายแพ้ เกรงว่าโอกาสรอดชีวิตยังไม่มี!

ความดุดันอำมหิตของจระเข้หนามครามเป็นที่ขึ้นชื่อลือชา

ศิษย์พี่ลุกขึ้นยืนครั้งนี้ กลับไม่พุ่งเข้าประจัญบานเหมือนที่ผ่านมา ทุกผู้คนรู้สึกวิตกกังวลยิ่ง

ครั้นแล้วเมื่อจระเข้หนามครามโถมเข้าใส่ศิษย์พี่อีกคำรบ ศิษย์พี่ก็ยังคงยืนนิ่งงัน พวกมันสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง!

ศิษย์พี่หมดเรี่ยวแรงแล้วจริงๆ!

ผิดท่า!

ศิษย์น้องแทบทุกคนใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกมัน หวังว่าอาจช่วยศิษย์พี่ต้านทานไว้ได้สักครู่ ลำแสงนับไม่ถ้วนเปล่งประกาย จอบปราณเอย กรรไกรตัดสมุนไพรเอย มีดถลกหนังเอย พุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ลำแสงแต่ละสายมีสีสันเฉพาะตัว ละลานตาไปหมด

แต่พวกมันล้วนเป็นซิวเจ่อสายการผลิต ปกติไม่เคยฝึกปรือกระบวนท่าจู่โจมเป็นจริงเป็นจัง เวลานี้ยิ่งรีบร้อนลนลาน แม้แต่เงาของจระเข้หนามครามยังไม่กระทบถูก

เห็นจระเข้หนามครามควบดิ่งเข้าหาศิษย์พี่ ศิษย์น้องหลายคนแทบไม่อาจหักใจทนดู เพียงคะเนจากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในการปะทะครั้งก่อนๆ เป็นที่คาดคำนวณได้ว่าการจู่โจมของจระเข้หนามครามดุเดือดรุนแรงถึงเพียงไหน!

เพียงพุ่งชนหนึ่งครั้ง ก็เพียงพอจะทลายหินผาบดขยี้ทองคำ!

หากไม่ป้องกัน ก็มีเพียงจุดหมายปลายทางเดียว...ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ!

หากศิษย์พี่ไม่อยู่แล้ว ด้วยพลังของพวกมันเอง ไฉนเลยจะอยู่รอดบนเกาะแมกไม้รกร้างนี้ได้ เมื่อไม่มีการปกป้องคุ้มครองจากค่ายกลใหญ่ พวกมันก็ไม่ต่างอันใดจากฝูงลูกแกะท่ามกลางมวลหมาป่ามหาศาล ไม่มีปัญญาป้องกันตนเองแม้แต่น้อย

ทุกผู้คนหัวใจดิ่งวูบ

พวกมันจบสิ้นแล้ว!

 

ในเวลานี้เอง จั่วม่อเงยหน้าขึ้น

จระเข้หนามครามอยู่ห่างออกไปเพียงสิบก้าวเท่านั้น รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง สามารถเห็นภาพติดตาซ้อนทับเป็นเงาอยู่เบื้องหลัง พลังสภาวะกร้าวแกร่งสุดขีดกดทับจนผู้คนหายใจไม่ออก

ทันทีที่เงยหน้าขึ้น จั่วม่อในดวงตาปะทุขึ้นด้วยกลุ่มแสงปราณกระบี่สีทอง มันพลันสะบัดสองมือขึ้น งอขาซ้ายกวาดกลับไปข้างหลัง

เพียงเปลี่ยนท่วงท่าเสร็จสิ้น ฟันอันแหลมคมของจระเข้หนามครามก็งับลง พอดีงับใส่สองฝ่ามือที่ฟาดสวนขึ้นไปอย่างพิสดาร

ฝ่ามือซึ่งคล้ายหลอมสร้างจากทองคำกับเขี้ยวขาวอันเหม็นโฉ่ กระแทกใส่กันอย่างรุนแรง!

ตูม!

อากาศหมุนคว้าง สั่นกระเพื่อม กวาดวูบเป็นวง ระลอกที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแผ่กระจายไปอย่างรวดเร็วจากตำแหน่งที่ฝ่ามือฟันเขี้ยวปะทะกัน

สองฝ่ามือสีทองไม่สะเทือนแม้แต่นิดเดียว!

จากเคลื่อนไหวสุดรุนแรงไปเป็นนิ่งสงบดุจหินผาในพริบตา ความย้อนแย้งสุดขั้วนี้นำมาซึ่งผลกระทบอันรุนแรงต่อผู้ชมดู เหล่ายุทธภัณฑ์เวทที่บินอยู่ในอากาศพลันชะงักค้าง ฉุนอวี๋เฉิง กงซุนชาและคนอื่นๆ จ้องมองฉากแปลกประหลาดนี้อย่างไม่อยากเชื่อสายตา มองจนหลงลืมควบคุมยุทธภัณฑ์เวทของพวกมัน กระทั่งเหล่ายุทธภัณฑ์เวททั้งหมดร่วงหล่นลงพื้นยังไม่รู้สึกตัว

จั่วม่อดวงตาเปลี่ยนเป็นทองคำ แสงสีทองเข้มกระเพื่อมอยู่ภายใน เย็นเยียบไร้ความรู้สึก

มันรู้สึกว่าร่างกายในเวลานี้เปี่ยมล้นไปด้วยพลัง! เป็นความแข็งแกร่งที่ไม่เคยครอบครองมาก่อน! สองเท้าที่ยืนอยู่บนพื้นดินคล้ายเชื่อมต่อกับพื้นพิภพ มันราวกับว่ากลายเป็นหนึ่งเดียวกับโลก พลังอำนาจอันไร้ที่สิ้นสุดไหลบ่าเข้าสู่ร่างกาย

ในใจเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นอันแรงกล้า มันเชื่อว่าต่อให้เป็นภูเขา มันก็มีเรี่ยวแรงพอจะผ่าแยกเป็นสองเสี่ยง!

การจู่โจมสุดแรงเดือดดาลของจระเข้หนามครามที่โกรธเกรี้ยว ไม่ได้ทำให้สองมือของมันสั่นคลอนแม้แต่น้อย พริบตาดุจประกายไฟ จั่วม่อมือซ้ายคว้าจับสองเขี้ยวที่ยื่นออกมาของจระเข้หนามคราม กระชากลงอย่างรุนแรง มือขวาประกบเป็นดาบ ฟันใส่กลางศีรษะจระเข้หนามครามเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

เปรี้ยง!

ฝ่ามือสีทองประหนึ่งดาบอันคมกล้าเล่มหนึ่ง ทว่าสุ้มเสียงยามฟันใส่ศีรษะของจระเข้หนามครามกลับไม่ใช่เสียงดาบตัดเนื้อ แต่คล้ายถูกค้อนหนักหมื่นจินหวดใส่อย่างดุดันอำมหิต! ผิวหนังหนาดุจเกราะของจระเข้หนามครามที่ดาบกระบี่ยากระคาย ไม่มีร่องรอยฉีกขาด แต่สามารถเห็นเลือดเนื้อใต้ผิวหนังจระเข้สั่นพลิ้วเป็นระลอกคลื่น ดุจหนังกลองถูกตี

จระเข้หนามครามดวงตาเบิกกว้างอย่างกะทันหัน จากนั้นเหลือกค้าง ร่างยาวเหยียดดุจโคลนเหลวกองหนึ่ง ทรุดอ่อนยวบลงกองบนพื้น ไม่ไหวติงอีกเลย

จั่วม่อเหวี่ยงร่างของจระเข้หนามครามไปด้านหนึ่งอย่างไม่แยแส ไม่แม้แต่เหลือบตามองสักแวบ มันหลับตาลง ค่อยๆ ระลึกถึง ดื่มด่ำความรู้สึกแปลกใหม่และอัศจรรย์พันลึกของร่างกายนี้อย่างช้าๆ

ร่างกายของมันเหมือนภูเขา เชื่อมต่อกับพื้นพิภพ พลังอันหนักหน่วงไหลผ่านจากพื้นดินเข้าไปในร่างกาย มันรู้สึกว่าทุกข้อต่อในร่าง อัดแน่นไปด้วยพลัง...

จั่วม่อลิ้มรสสภาวะนี้อย่างแช่มช้า แต่ในไม่ช้า ความรู้สึกของการเชื่อมต่อกับโลกค่อยๆ จางหายไปจากร่างกายของมัน

จนกระทั่งความรู้สึกนี้หายไปอย่างสมบูรณ์ มันค่อยลืมตาขึ้น ในใจเต็มไปด้วยความโหยหา ความรู้สึกที่อัดแน่นไปด้วยพลังอันเข้มแข็ง เป็นที่น่าจดจำจริงๆ พลิกฝ่ามือขึ้นมาดู รอยสักรูปภูเขาเลือนรางไปจนแทบจะมองไม่เห็นร่องรอย

จั่วม่อไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียดายมากนัก มันทราบว่าช่วงเวลาแห่งการรู้แจ้งและการรุดหน้า ไม่ใช่สภาวะที่คงอยู่นาน แต่มันเมื่อข้ามผ่านด่านนี้ไปแล้ว ตราบเท่าที่ยังคงยืนหยัดฝึกปรืออย่างไม่ย่อท้อ ย่อมจะมีสักวันที่ก้าวขึ้นไปถึงระดับนั้นอย่างแท้จริง

มันไม่ทราบว่าเป็นผลกระทบจากสภาวะที่พลังฝีมือยกระดับขึ้นหรือไม่ แต่สังหารจระเข้หนามครามสำเร็จ กลับไม่รู้สึกยินดีสักเท่าใด

มันเพียงกล่าวกำชับว่า “ศิษย์น้องกงซุน จัดการให้ด้วย” จากนั้นหมุนตัวจากไป

 

จนกระทั่งจั่วม่อจากไปไกล ทุกผู้คนยังไม่ฟื้นคืนสติจากความตระหนก ฉากสุดท้ายนั่นน่าตื่นตะลึงอย่างแท้จริง เหลือเชื่อมากเกินไป จนถึงตอนนี้ พวกมันยังรู้สึกสมองขาวว่างเปล่า ไม่ทราบว่าจะพูดอะไร

สักครู่หนึ่งให้หลัง กงซุนชาซึ่งได้สติเป็นคนแรก รีบวิ่งไปยังซากร่างของจระเข้หนามคราม จับพลิกขึ้นมาดู เพียงชั่วอึดใจ ก็อดจุ๊ปากบ่นพึมพำไม่ได้ “ร้ายกาจเกินไป! ร้ายกาจเกินไปจริงๆ!”

พอได้ยินมันกล่าว คนอื่นๆ ค่อยได้สติ รีบเข้ามามุงดูรอบๆ ซากศพของจระเข้หนามคราม กระทั่งศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บยังไม่สนใจความเจ็บปวดของมัน วิ่งเขยกตามมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ตาย! ตายอย่างสมบูรณ์!”

“จระเข้หนามครามเป็นสัตว์ร้ายระดับสี่เชียวนะ! กระทั่งจระเข้หนามครามระดับสี่ศิษย์พี่ยังเชือดทิ้งได้ พวกเราไม่ต้องหวาดกลัวอะไรอีกแล้ว!”

“กลัว? ข้าเคยกลัวตั้งแต่เมื่อใด? จะอย่างไรก็ไม่ใช่ว่ายังมีค่ายกลใหญ่อยู่หรอกหรือ? ฮะ ใช่แล้ว ศิษย์พี่ไฉนไม่ใช้ค่ายกลใหญ่?”

“เหลวไหล! ศิษย์พี่ยังจำเป็นต้องใช้ค่ายกลด้วยหรือ?”

ทุกคนแข่งกันกล่าววาจา ไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นเร้าใจบนใบหน้าได้

ฉุนอวี๋เฉิงกับกงซุนชาค่อนข้างสนิทสนมกลมเกลียว มันเห็นกงซุนชามีสีหน้าพรั่นพรึง อดถามไม่ได้ “เจ้าพบเห็นสิ่งใดกันแน่?” เห็นสีหน้าไม่ดีของกงซุนชา มันก็ทราบว่าสหายผู้นี้ไม่ได้ตื่นเต้นที่ศิษย์พี่สังหารจระเข้หนามครามได้

“โหดเหี้ยมเกินไป!” กงซุนชาน้ำเสียงสั่นพร่า ดวงตาทอแววคลั่งไคล้ “ฮ่าฮ่า รู้หรือไม่ ทุกสิ่งทุกอย่างภายในร่างของเจ้าจระเข้นี้ ทั้งกระดูก กล้ามเนื้อ รวมทั้งอวัยวะภายในทั้งมวล ล้วนถูกทำลายป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี!”

ฉุนอวี๋เฉิงสะดุ้งเฮือก “เป็นไปไม่ได้!”

มองไปยังผิวหนังชั้นนอกของจระเข้หนามครามที่ยังคงรูปเดิม มันไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ ว่าภายในร่างกายของจระเข้หนามครามถูกบดสลายอย่างสมบูรณ์

จระเข้หนามครามเป็นสัตว์ร้ายระดับสี่...

กงซุนชาโคลงศีรษะ ออกความเห็นว่า “แต่น่าเสียดายจระเข้หนามครามตัวนี้จริงๆ สามารถใช้งานได้เฉพาะ ฟัน หนัง ดวงตา แล้วก็หนามสีครามบนหลังนั่นเท่านั้น อวัยวะภายในของจระเข้หนามคราม ที่จริงมีค่าไม่น้อยเลย...”

ฉุนอวี๋เฉิงกลับไม่ได้ยินว่ากงซุนชากล่าวว่าอะไร ความคิดของมันกำลังฟุ้งซ่านวุ่นวาย

ฉุนอวี๋เฉิงพลันรู้สึกว่าศิษย์พี่ที่มักทำตัวไม่โดดเด่นผู้นี้ ที่แท้เต็มไปด้วยความลึกลับ ไม่อาจหยั่งวัดคำนวณได้ มันไม่มีความรู้เรื่องค่ายกล แต่เคยได้ยินได้ฟังเรื่องค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์ของศิษย์พี่มาก่อน ศิษย์พี่สังหารหนานหมิงจื่ออย่างง่ายดาย มันไม่เห็นว่าน่าแปลกใจอันใด ในเมื่อศิษย์พี่เคยพึ่งพาค่ายกลนี้พิชิตห้ายอดฝีมือด่านหนิงม่าย ทะยานขึ้นสู่อันดับที่สามในงานชุมนุมวิจารณ์กระบี่มาแล้ว แต่เมื่อศิษย์พี่นำบ่อฟูมฟักสัตว์ร้ายออกมา มันก็สูญเสียความต้านทานอย่างสิ้นเชิง นี่เป็นสิ่งล่อใจที่ร้ายกาจเกินไป

หากบ่อฟูมฟักสัตว์ร้ายได้มาจากเศษม้วนหยกโบราณ เช่นนั้นพลังอันน่าขนพองสยองเกล้านี้มาจากที่ใด?

ในสำนักไม่มีเคล็ดวิชาเช่นนี้อย่างแน่นอน!

โดยไม่รู้ตัว ฉุนอวี๋เฉิงหวาดกลัวศิษย์พี่จั่วม่อมากกว่าเดิม

 

เมื่อจั่วม่อกลับมาถึงที่พำนักของตน เพิ่งนั่งลง ผูเยาก็ปรากฏกาย

“เกิดอะไรขึ้นกับข้า?” จั่วม่อถามทันที

“ข้าไม่ทราบ วิชาเสริมสร้างสังขารข้าไม่เชี่ยวชาญนัก” ผูเยาสั่นศีรษะ

จั่วม่อเหลือกตา มันย่อมไม่เชื่อถือวาจาผีสางนี้ อย่างไรก็ตาม หากผูเยาไม่ยอมพูด มันก็ไม่สามารถทำอะไรได้

“มาทำการค้ากันดีกว่า เป็นไร สนใจหรือไม่?”

“ไม่สนใจ!” จั่วม่อสั่นศีรษะอย่างแน่วแน่ ประสบการณ์ที่ผ่านมาบอกมันอย่างชัดแจ้ง ทำการค้ากับผูเยาครั้งใด มีแต่ขาดทุนไม่เคยได้กำไร

“อย่าเพิ่งปฏิเสธรวดเร็วถึงเพียงนั้นได้หรือไม่” ผูเยาหัวร่อขบขัน สองตาหยีเป็นจันทร์เสี้ยวสีเลือดสองดวง “เจ้ามิใช่พยายามสร้างค่ายกลกระบี่หรอกหรือ? ข้าจะสอนศาสตร์วิชาการใช้จิตสำนึกให้แก่เจ้า เจ้าจะสามารถควบคุมค่ายกลกระบี่ได้อย่างง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ”

“อ้อ” จั่วม่อไม่สะทกสะท้าน

“นี่เป็นศาสตร์วิชาลับเรียกว่า ‘มหาหัตถ์พันใบ’ พลังจิตสำนึกของเจ้าแม้ไม่อ่อนด้อย แต่ทักษะใช้งานย่ำแย่ยิ่ง ไม่สามารถสำแดงพลังที่แท้จริงออกมาได้ มหาหัตถ์พันใบสามารถชดเชยส่วนที่ขาดของเจ้าได้”

“อ้อ” จั่วม่อยังคงไม่หวั่นไหวใจ

“จิตสำนึกเป็นต้นเถาวัลย์ ใบไม้พันใบกลายเป็นหัตถ์พันมือ สร้างการเปลี่ยนแปลงสารพันได้อย่างง่ายดาย มือเดียวของเจ้ากระทำได้หลายอย่าง สร้างความเปลี่ยนแปลงมากมาย ลองนึกดู เมื่อเจ้ามีหนึ่งพันมือ ผู้อื่นจะต้านทานได้อย่างไร? พละกำลังอันป่าเถื่อนนั้นไร้ประโยชน์ กระทั่งเซียนกระบี่พวกเจ้า ปกติใช้กระบี่บินต่อสู้ แล้วสิ่งใดจะช่วยเจ้าสู้รบในระยะประชิดเล่า? นั่นก็ไร้อนาคต! พลังจิตสำนึกต่างหากจึงจะเป็นวิถีทางที่เที่ยงแท้! มรรคาสวรรค์เช่นวงล้อ เจ้าไม่สามารถควบคุมได้ แต่ขับเคลื่อนมันได้!”

“เจ้าเคยกล่าวไว้เอง เยา ม๋อ ซิวเจ่อ ล้วนมีจุดเด่นของตน”

ผูเยาชะงักกึก จากนั้นทำเหมือนไม่ได้ยินวาจาของจั่วม่อ กล่าวสืบต่อว่า

“อ้อ ข้ายังจะสอน ‘หัตถ์พันใบน้อย’ ให้แก่เจ้าด้วย มหาหัตถ์พันใบมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงที่มองไม่เห็น จับคู่กับวิชาค่ายกลของเจ้าได้อย่างยอดเยี่ยม! ส่วนหัตถ์พันใบน้อยมีสามสิบหกกระบวนท่า เจ้าสามารถเรียนรู้ได้สามกระบวนท่า สามารถใช้ป้องกันตัว แม้ว่าเจ้าจะเป็นเพียงจู้จี ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลกับชนชั้นหนิงม่าย”

“อ้อ” จั่วม่อยังไม่ไหวติง การกระทำของผูเยาคราวนี้ผิดปกติมาก!

มารร้ายจะปรากฏกายเมื่อบางอย่างผิดปกติ!

เจ้าผู้นี้ยังเป็นยอดมารร้ายในหมู่มารร้ายทั้งมวล

“โอ้ หากเจ้ายินยอมตกลง นับตั้งแต่วันนี้ไป นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายสำหรับสร้างบ่อน้ำยมโลกแล้ว ข้าจะไม่ใช้จิงสืออีกแม้แต่ชิ้นเดียว”

เช่นเดียวกับที่จั่วม่อรู้จักผูเยาดี ผูเยาก็หยั่งทราบจุดอ่อนของจั่วม่อโดยกระจ่างดั่งนิ้วมือตน มันค่อยๆ โยนเงื่อนไขที่จั่วม่อไม่สามารถปฏิเสธได้ออกมาเป็นลำดับ

จริงดังคาด จั่วม่อในที่สุดอดรนทนไม่ไหว “เจ้าพูดจริงๆ?”

“ย่อมแน่นอน”

“เช่นนั้นเจ้าต้องการอันใด?”

“เลือดของเจ้า” ผูเยาแย้มยิ้มอย่างชั่วร้าย

กระทั่งใบหน้าไร้อารมณ์ของจั่วม่อยังแทบแปรเปลี่ยน สั่นศีรษะอย่างเฉียบขาด “ไม่มีทาง!”

เจ้าผู้นี้ล้อกันเล่นหรือไม่ หากไม่มีจิงสือ มันยังสามารถหาเพิ่ม แต่หากสูญเสียชีวิตน้อยๆ ของมันไป จะไปหาจากที่ใดมาทดแทนได้? มันย่อมไม่กล้าล้อเล่นกับชีวิตน้อยๆ ของตัวเอง

ผูเยามองแวบเดียวก็ล่วงรู้ความคิดของจั่วม่อไปถึงไหนต่อไหน “อย่าได้กังวล นี่จะไม่มีผลกระทบต่อร่างกายเจ้า เจ้าฝึกปรือสังขาร แก่นโลหิตเต็มปริ่มล้นเหลือ สูญเสียเลือดเล็กๆ น้อยๆ จะนับเป็นอะไรได้? ข้าต้องการไม่มากนัก หนึ่งหยดต่อหนึ่งวันก็พอ สำหรับเจ้า หนึ่งวันหนึ่งหยดไม่ได้มีผลกระทบอันใดเลย!”

“ไม่มีทาง!” จั่วม่อยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด