บทที่ 10 โรงเรียนสอนทักษะดาบ
ในเขตตะวันตกของเมืองเคิร์ส อาคารถูกแต่งด้วยแสงไฟมีผู้คนมากมายเดินเที่ยวยามเย็นอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารต่างๆ ที่พัก หรือตามท้องถนนก็เต็มไปด้วยผู้คน ห่างออกมาจากที่ผู้คนมากมาย มีเรื่องแรมที่เปิดให้บรืการ 24 ชม
กลิ่นของยาสูบราคาถูกและแอลกอฮล์ฟุ้งเต็มทั่วสถานที่แห่งนี้โรงแรมในย่านนี้เป็นย่านที่มีชีวิต ชีวาที่สุดในเมืองเคิร์สและมันเต็มไปด้วยพวกอันธพาลต่างๆรวมไปถึงการพนันและโสเภณี
"เฮ้ พวกนายได้ยินข่าวที่สถาบันอัศวินเฟยหยางได้เปิดรับสมัครรึเปล่าฉันคิดว่าจะลองสมัครดูเหมือนกัน " เสียงชายที่ดูดยาสูบอยู่ตะโกนถามเพื่อนในวงเหล้า
"ฉันได้ยินว่านายได้เรียนทักษะดาบพื้นฐานมา 5 ปีแล้วนิ นายน่าจะมีโอกาสอยู่นะเพื่อน "
"แล้วพวกนายได้ยินเรื่องของปีศาจที่อยู่ทางเหนือของเมือง ยูแรนลิส ไหมวะ "
"โอ้ เหมือนว่าปีศาจพวกนั้นจะถูกสร้างขึ้นจากพวกไม่มีศาสนานะ "
ฟาง ซิงเจี้ยน ที่นั่งฟังข้อมูลต่างๆจากพวกคนเมาที่กำลังคุยโม้ถึงเรื่องต่างๆที่พวกตนได้ยินมาอย่างสนุกสนาน นี่เป็นวันที่ 3 แล้วที่เขาอยู่ที่เมืองเคิร์สและเขาก็เข้าใจเกี่ยวกับเมืองนี้พอสมควรแล้วด้วย
เมืองเคิร์สเป็นเมืองที่ใหญ่พอสมควรในฝั่งตะวันตกของประเทศซินโคด้าและเมืองนี้ยังเป็นเมืองแห่งท่าเรือการค้าทางทะเลขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและเศรษฐกิจของฝั่งตกวันตกอีกด้วย
ซึ่งลักษณะของคนที่นี่จะมีลักษณะคล้ายๆกับฟาง ซิงเจี้ยนไม่แตกต่างกันมาทำให้เขาสามารถอยู๋ร่วมกับคนในเมืองนี้ได้โดยไม่มีปัญาหรือถูกคนอื่นมองว่าแปลกแยก อย่างไรก็ตามเมืองท่าเรือการค้าแห่งนี้มีองค์กรและสถาบันมากมายเปิดโอกาสให้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการต่อสู้
ซึ่งทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่เมืองแห่งนี้มีทักษะและพลังเหนือกว่าผู้คนที่อาศัยอยู่เมืองที่ไม่มีสิ่งช่วยเหลือในด้านนี้ เมืองแห่งนี้การเลื่อนระดับและความแข็งเเกร่งเป็นเหมือนวิถีชีวิตของผู้คนที่อยู่ที่นี่ นอกจากสถาบันที่สอนทักษะของนักรบทั่วไปแล้วเมืองเคิร์สยังมีสถาบันที่สอนเกี่ยวกับการต่อสู้ด้านอื่นๆอีกมากมาย แต่มี 7 สถาบันที่มีชื่อเสียงเรื่องทักษะการต่อสู้มากที่สุด ซึ่งในเมืองเคิร์สเรียกสถาบัน เหล่านี้ว่า 7 สถาบัน ไข่มุกแห่งชายฝั่งตะวันตก
ตามข้อมูลที่ฟาง ซิงเจี้ยนได้ฟังมา มี 2 ใน 7 สถาบันที่สอนเกี่ยวกับทักษะดาบซึ่งมีสถาบัน ทักษะดาบกับสถาบันอัศวินทรีเซีย
เดฟ ทรีเซีย เขาเป็นผู้ก่อตั้งสถาบันอัศวินทรีเซียซึ่งเขาเป็นคนที่ มีระดับเลเวล 30 มานานกว่า 100 ปีแล้วและเขาเป็นทหารที่มีชื่อเสียงมากถึงแม้ว่าสถาบันอัศวินทรีเซียจะเริ่มถดถอยลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่อันดับของสถาบันของเขาก็ยังอยู่ในอันดับ ที่ 3 จาก 7 สถาบัน ไข่มุก แห่งชายฝั่งตะวันตก
แต่สำหรับสถาบันทักษะดาบนั้นสถาบันแห่งนี้เป็น สาขาที่ 2 ซึ่ง มี สถาบันใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองหลวง ดีฮาและทั้งสองสาขาต่างก็เคยเป็นสถาบันชั้นนำ แต่อย่างไรก็ตามผู้นำคนก่อนของสาขา เทืองเคิร์สนั้นได้บาดเจ็บและพ่ายแพ้จากการต่อสู้อีกทั้งผู้นำคนปัจจุบันยังเด็กและไม่มีประสบการณ์นั้นทำให้สถาบันตกไปยังที่สุดท้ายของ 7 สถาบัน ไข่มุกแห่งชายฝั่งตะวันตก บางคนยังสงสัยอีกว่าสถาบันนี้ควรจะยังเป็น 1 ใน 7 สถาบัน ไข่มุกแห่งชายฝั่งตะวันตกอยู่ไหม
ในทางตรงกันข้ามมันน่าเเปลกมากที่ตั้งแต่ฟาง ซิงเจี้ยนเข้าเมืองมาเขาไม่ได้ยินกับเกี่ยวกับการใช้เวทย์มนต์หรือแม้กระทั่งทักษะทางเวทย์มนต์เลยราวกับว่าคนในเมืองนี้ไม่มีใครใช้เวทย์มนต์ได้เลย
"หรือว่าพวกนักเวทย์มีวิธีที่ป้องการไม่ให้ข้อมูลพวกเขาถูกเผยแพร่ออกมาเหรอ" ฟาง ซิงเจี้ยนนั่งคิดอย่างเงียบๆ
สำหรับเขานั้นตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะติดต่อใครได้นอกจากนั่งฟังข้อมูลของพวกรอบๆ ตัวเขาอย่างเงียบๆ
"เฮ้ พวกนายได้ยินข่าวที่ราชานักเวทย์ได้รับศิษย์คนใหม่ไหม"
"ฮ่าๆ ฉันสงสัยจังว่าใครเป็น ผู้โชคร้ายคนนั้นลูกศิษย์ของราชานักเวทย์มักจะเจอแต่พวกไม่มี ศาสนาจับไปทำงานทดลอง"
เมื่อได้ยินเรื่องดังกล่าวฟาง ซิงเจี้ยนก็ ตัวเย็นเฉียบ
"ราชานักเวทย์ ตระกูลโอนาซิส" เขากำหมัดเเน่นโดยไม่รู็ตัวและแววตาเต็มไปด้วยความเเค้น
ยูแรนลิส เป็น 1 ใน 6 ประเทศ ซึ่งถูกปกครองโดยพวกนักเวทย์ซึ่งมีนักเวทย์ 3 คนที่มีระดับเลเวล 30 และพวกเขาเรียกนักเวทย์ ทั้ง 3 คนว่า ราชาแห่งนักเวทย์
1 ใน 3 ราชานักเวทย์ ผู้ซึ่งใช้พลังแห่งความมืดเขาเป็นผู้ที่ให้การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนกันระหว่างเมืองยูแรนลิสกับโลก
โลก..เมืองอสูรปีศาจ..ตราเวทย์...ตระกูลโอนาซิส..ราชานักเวทย์..ดูเหมือนทุกอย่างจะเชื่อมต่อกันหมด
ฟาง ซิงเจี้ยนรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกันแต่ตอนนี้เขายังทำอะไรไม่ได้ สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือ ต้องเเข็งเเกร่งขึ้นก่อนไม่งั้นต่อให้จะทำอะไรในโลกที่เป็นแบบนี้ถ้าหากไร้ซึ่งพลังแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับขยะเลยแม้แต่น้อย
"ถ้าเป็นแบบนี้เราคงต้องเข้าสถาบันทักษะดาบสินะ"ฟาง ซิงเจี้ยนตัดสินใจ
สำหรับสถาบันทักษะดาบฟาง ซิงเจี้ยนได้ยินข่าวลือเรื่องสถาบันแห่งนี้ได้สะสมทักษะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับดาบมาหลายชั่วอายุคนแล้วซึ่งมันน่าจะเหมาะสมสำหรับเขามากกว่า
เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้วก็ลุกออกจากโรงแรมแห่งนี้และกลับไปพักผ่อนที่ห้องพักของเขา
...............................................................................
เช้ารุ่งขึ้น เขาตื่นแต่เช้าเพื่อไปสมัครเรียนที่สถาบันทักษะดาบ สถาบันทักษะดาบนั้นตั้งอยู่บนถนนในฝั่งตะวันออกของเมือง
บนถนนที่ร้างผู้คนและหน้าสถาบันนั้นก็ไม่มีเเม้แต่ยามสักคนเดียวเหมือนสถาบันแห่งนี้จะไม่มีคนมาเยือนนานมากแล้ว
ฟาง ซิงเจี้ยนเปิดประตูเข้าไปซึ่งประตูของสถาบันเเห่งนี้ไม่ได้ถูกล๊อคไว้เขาเดินเข้ามาแล้วหันไปทางสนามฝึก เขาพบว่ามีนักรบฝึกหัดนับสิบคนกำลังฝึกซ้อมทักษะดาบกันอยู่ ฟาง ซิงเจี้ยน เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดฝึกสีเทากำลังสอนเกี่ยวกับการใช้ดาบและเขากำลังเดินรอบๆ สนามฝึก เพื่อดูว่าพวกนักเรียนก้าวหน้าไปถึงไหนกันแล้ว ซึ่งสีหน้าของเขาค่อนข้างพอใจลักษณะของเขาเป็นคนที่มีผมสีเหลืองอ่อนๆ และมีดวงตาสีเขียวมรกต เพียงแต่ว่าร่างกายของเขานั้นผอมแห้งราวกับคนขาดสารอาหาร
เมื่อเขาเห็นฟาง ซิงเจี้ยนเขาก็ยิ้มอย่างเป็นมิตร
"เฮ้ ฉันชื่อไคล์ ฉันเป็นผู้นำของสถาบันแห่งนี้นายจะมาเรียนรู้ทักษะดาบใช่ไหม สถาบันของเรามีประวัติยาวนานมากนะ"เขากล่าวทักทายและแนะนำสถาบัน
"อื้ม จากลักษณะของนาย ดูแข็งแรงหน่วยก้านใช้ได้เลยนี้นายสนใจที่จะลงทะเบียนเรียนที่นี่ไหมละ ถ้านายลงทะเบียนเรียนที่นี่ทักษะต่างๆนายสามารถเรียนรู้ได้ฟรีหมดเลย เป็นไงละนายเริ่มสนใจแล้วใช่เปล่า"
ฟางซิงเจี้ยนมองสถาบันแห่งนี้อย่างเศร้าใจดูเหมือน สถาบันแห่งนี้จะถดถอยมากกว่าข่าวลือที่เขาได้ยินมาสะอีก ซึ่งก็ไม่ค่อยแปลกใจเพราะส่วนใหญ่ที่ได้ยินมาสถาบันในเมืองนี้ก็ถดถอยไปเยอะพอสมควร
"ฉันมาที่นี่เพื่อเรียนรู้ทักษะดาบ" ฟาง ซิงเจี้ยนพูดขึ้นเพื่อขัดจังหวะ ไคล์
"โอ้" ไคล์หัวเราะเบาๆพร้อมพูดว่า "ดีเลย แต่นายต้องจ่ายค่าธรรมเนียมก่อนนะค่าธรรมเนียม ครึ่งปี ก็ 30 เหรียญทองแดง "
สำหรับฟาง ซิงเจี้ยนแล้วค่าธรรมเนียมนี่ค่อนข้างถูกเขาพยักหน้าและจ่ายเงินให้ไคล์
หลังจากที่ไคล์รับเงินแล้วเขาก็ยิ้ม
"ดี..ดี..ดี! ก่อนอื่นฉันจะสอนนาย เกี่ยวกับทักษะพื้นฐานของสถาบันทักษะดาบของเราก่อนทักษะแรกคือท่าฟันหมี กริซลี " ไคล์พูดขึ้นพร้อมกับจับดาบข้างๆเขาขึ้นมาและสาธิตเพื่อให้ฟาง ซิงเจี้ยนดู