ตอนที่ 149 ความลับถูกเปิดเผย (FREE)
เหยียน ซิว มองไปยัง ฟาง เจิ้งจือ ที่กำลังหดหู่อยู่ ในฐานะเพื่อนเขาควรพูดอะไรบางอย่างเพื่อปลอบใจ ฟาง เจิ้งจือ เช่นต่อให้เจ้าใช้เวลา 7 ปี แต่เจ้าก็ทำมันได้...
แต่เมื่อคิดดูดีๆแล้ว มันแปลกๆเล็กน้อย เพราะตัวเขาเองก้ยังติดอยู่ที่ระดับผนวกดารา
ดังนั้น เหยียน ซิว จึงเปลี่ยนวิธี
“พวกเราไปดูสมบัติกันไหม?” เหยียน ซิว ตัดสินใจ เปลี่ยนเรื่อง เพื่อดึงความสนใจของ ฟาง เจิ้งจือ
“แน่นอน เจ้ามีความรู้มากกว่าข้าเรื่องนี้ ช่วยแนะนำสมบัติให้ข้าฟังด้วยได้ไหม?” ความหดหู่ของ ฟาง เจิ้งจือ หายไปทันที
“แน่นอน!” เหยียน ซิว พยักหน้า มองไปรอบๆห้องก่อนจะหยิบสมบัติบางชิ้นขึ้นมาเพื่อแนะนำ ฟาง เจิ้งจือ
ฟาง เจิ้งจือ เดินตามไปข้างหลังเงียบๆ และตั้งใจฟังสิ่งที่ เหยียน ซิว พูด ราวกับเป็นเด็กนักเรียนที่ดีคนหนึ่ง
หลังจากที่ เหยียน ซิว แนะนำสมบัติทั้งหมดเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็เดินลึกเข้าไปในหอสมบัติเรื่อยๆ
ลู่ ยู่เฉิน และเด็กทั้ง 7 ได้แค่เหลือบมอง
เหยียน ซิว และ ฟาง เจิ้งจือ เดินห่างไปเกือบ 500 เมตร ทั้ง กลุ่มสามารถเห็นกันได้ แต่ไม่มีทางได้ยืนเสียงแน่นอน
เหยียน ซิว หันหลังมาและพูดกับ ฟาง เจิ้งจือ
“เจ้าไม่ได้จะฆ่าพวกเขางั้นหรือ?”
“อืม...เจ้าไม่สังเกตุเห็นงั้นหรือ?” ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้แปลกใจกับคำถามของ เหยียน ซิว
“ถ้าเจ้าต้องการฆ่าพวกนั้น นี่ถือเป็นโอกาสสุดท้าย ต่อให้ ลู่ ยู่เฉิน จะสร้างปัญหาเอาไว้ แต่ที่นี่คือหอสมบัติสวรรค์ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับ ลู่ ยู่เฉิน มันถือเป็นความรับผิดชอบของกองตรวจการศักดิสิทธิ์ ตราบใดถ้าพวกเรามีเหตุผลเพียงพอ ฉือ เฮา ต้องเข้าข้างพวกเราแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น กองตรวจการสงครามคงไม่คิดเป็นศัตรูกับกองตรวจการศักดิสิทธิ์ เพียงเพราะ ลู่ ยู่เฉิน
“เหตุผลที่ข้าไม่ฆ่า ลู่ ยู่เฉิน เพราะมีบางอย่างที่ข้าต้องการให้เขาทำ และเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ทำได้”
“อะไร?”
“เจ้าจำตอนที่เรา 2 คนร่วมกันโจมตี ลู่ ยู่เฉิน ไหม ข้าแปลกใจเล็กน้อยตอนนั้น เพราะดูเหมือนเขาจะไม่สามารถคุมสิ่งรอบๆตัวได้ทั้งหมด”
“เจ้าหมายความว่า?”
“ข้าเชื่อว่าต้องมีปัญหาบางอย่างกับระดับสะท้อนสวรรค์ของเขา เขาพึ่งเข้าถึงระดับสะท้อนสวรรค์ ข้าเลยมั่นใจบางเรื่อง?”
“อืม...”
“หรือ ฉือ เฮา?”
“ไม่ ฉือ เฮา กล่าวอย่างชัดเจนว่าข้าไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา?”
“งั้นเจ้าคิดว่ายังไง?”
“ข้าไม่รู้ แต่ตราบที่ ลู่ ยู่เฉิน ยังมีชีวิตอยู่ความจริงก็ไม่มีทางหายไป เรื่องที่ 2 การฝืนเข้าถึงระดับสะท้อนสวรรค์ของเขาเป็นการขัดต่อเจตจำนงของสวรรค์ เรื่องที่ 3 ถ้ามีคนต้องการให้เขาตาย แล้วทำไมเราต้องรีบจัดการเขาเองละ? นี่คือเหตุผลที่ทำไมข้าปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่”
“ข้าเข้าใจแล้ว! งั้นเข้าไปด้านในกัน ข้าได้ยินว่ามีสมบัติที่สำคัญมากด้านใน จะลองเข้าไปดูไหม?”
“ถ้าเจ้าคิดว่ามันสำคัญ แน่นอนว่าต้องเข้าไป”
“อืม”
…
ลู่ ยู่เฉิน และเด็กติดตามทั้ง 7 ไม่สามารถยับยั้งพวกเขาได้
เมื่อเห็น ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว จากไปแล้ว ทุกคนก็เริ่มเคลื่อนไหว
“นายน้อยลู่ ตอนนี้เราไม่มีทางเลือก…”
“หึ! ออกจากหอสมบัติสวรรค์ก่อน พวกเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้า ฟาง เจิ้งจือ กลับมา!” ลู่ ยู่เฉิน หยิบเสื้อผ้าของเด็กอีกคนขึ้นมาใส่ทันที
“เสื้อข้า..” เด็กคนนั้นรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาทันที
แต่เขากล้าจะขัดขืน ลู่ ยู่เฉิน?
แน่นอนว่าไม่...
…
ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว กำลังชมสมบัติกันอยู่นั้น ลู่ ยู่เฉิน ก็ได้หนีออกจากหอสมบัติสวรรค์แล้ว
ออกมาก่อนเวลา?
นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
จากนั้น
ข่าวของ ฟาง เจิ้งจือ ก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
“ฟาง เจิ้งจือ อยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์?!”
“จะเป็นไปได้ยังไง? เขาอายุเพียง 15 ปี…”
“ถ้าเป็นอย่างนี้สัญญาในอีก 2 …”
เหมือน ลู่ ยู่เฉิน ทุกคนที่ได้ยินข่าว ต่างเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
เมื่อ ฉือ เฮา ได้ยินเขาถึงกับอ้าปากค้าง “อะไรกัน?! เขาอยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์! มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ระดับสะท้อนสวรรค์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะ?!”
เขาจำได้ตอนที่เขาถึงระดับสะท้อนสวรรค์ตอนอายุ 20 ปี ซึ่งถ้าเป็นตอนนี้เขารู้สึกว่ามันช้ามากเมื่อเทียบกับ ฉือ กูเหยียน และ ฟาง เจิ้งจือ
สำหรับเจ้าหน้าที่ ที่ยังไม่ได้จากไป พวกเขาต่างเบิกตากว้างกับข่าวใหม่ที่ได้รับ
ไม่มีใครอยากจะเชื่อ
แต่...
ถ้ามันออกมาจากปาก คนที่เกลียด ฟาง เจิ้งจือ จะไม่มีใครเชื่อกัน
...
ในสวนกลางกองตรวจการ หญิงรับใช้ในชุดเขียวยืนอย่างกระวนกระวาย นางไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีคนที่เหมือนคุณหนูของนาง เข้าถึงระดับสะท้อนสวรรค์ตอนอายุ 15 ปี?
มีเพียง 2 คนในอาณาจักรนี้
“ในที่สุดเขาก็เข้าถึงระดับสะท้อนสวรรค์?” ฉือ กูเหยียน ดองตาเปล่งประกายราวกับวงดาว แต่ท่าทีของนางยังสงบเช่นเดิม นางไม่ได้แปลกใจ เพราะนางได้คาดการณ์ไว้แล้ว
...
ตึกโบราณ ราชาต้วน ปาถ้วยชาลงกับพื้นอีกครั้ง
“สะท้อนสวรรค์ตอนอายุ 15 ข้าเชื่อว่าข่าวนี้ต้องกระจายไปทั่วอาณาจักรอย่างรวดเร็ว? แม้แต่ท่านพ่อของข้าก็ต้องรู้!”
“ราชาต้วนได้โปรดใจเย็น ถ้า ฟาง เจิ้งจือ อยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์แล้ว เรื่องงานแต่งงานกับ ฉือ กูเหยียน ก็ไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไป ท่านควรกลับไปที่ เหยียน จิง!” ผู้อาวุโสในชุดดำแนะนำราชาต้วน
“กลับ เหยียน จิง? ทำไม? ท่านคิดว่าข้าจะกลัวรึ แค่ระดับสะท้อนสวรรค์?” ความโกรธของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านไม่กลัวอยู่แล้ว แต่เขาไม่ได้ฆ่า ลู่ ยู่เฉิน ความฉลาดของเขาทำให้ข้าตกใจเป็นอย่างมาก นี่ถึงเป็นเหตุผลที่ท่านควรกลับ เหยียน จิง ให้เร็วที่สุด!”
“เขาไม่ได้ฆ่า ลู่ ยู่เฉิน? แล้วมันเกี่ยวกับการที่ข้าต้องรีบหลับ เหยียน จิง ยังไง?” หลิน ซินเจีย สับสนเล็กน้อย
“ท่านคิดว่าทำไมเขาถึงไม่ฆ่า ลู่ ยู่เฉิน?”
“นั่นต้องเป็นเพราะจุดยืนของ ลู่ ยู่เฉิน ในความคิดของ ฟาง เจิ้งจือ เขาคงหวาดกลัวที่จะเป็นศัตรูของกองตรวจการสงคราม?”
“นายท่านของข้า ที่ท่านพูดก็มีเหตุผล แต่ท่านก็ต้องไม่ลืมที่เขาเจรจาต่อรองกับ ฉือ เฮา เมื่อวานนี้ นอกจากนั้น เหยียน ซิว จากตระกูลเหยียน ก็อยู่กับเขา ทำไมจะต้องกลัวสถานะของ ลู่ ยู่เฉินด้วย?”
“แล้วผู้อาวุโสเหวินคิดยังไง?”
“ถ้า ฟาง เจิ้งจือ ฆ่า ลู่ ยู่เฉิน ทุกอย่างก็จบ พวกเราสามารถกระตุ้นกองตรวจการสงครามให้เป็นไปอย่างที่เราต้องการได้ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ แสดงว่าเขารู้ความจริง!”
“ท่านจะบอกว่า ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่า ลู่ ยู่เฉิน ทำตามคำสั่งพวกเรา? หรือ ลู่ ยู่เฉิน บอกความลับกับพวกนั้น?”
“ไม่! ถ้าเขารู้ว่าพวกเราอยู่เบื้องหลัง ลู่ ยู่เฉิน คงตายไปแล้ว ดังนั้นการที่ ลู่ ยู่เฉิน ยังมีชีวิตอยู่ แสดงว่าเขารู้ถึงสถานการณ์ตอนนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง...และปล่อยให้พวกเราเป็นคนฆ่า ลู่ ยู่เฉินเอง”
“ผู้อาวุโสฉลาดเป็นอย่างมาก แล้วเข้ารู้ได้ยังไงกัน?”
“มันถือเป็นการณ์คำนวนที่ผิดพลาดของข้าเอง ข้าคิดว่าเขาอยู่ในระดับผนวกดาราในตอนแรกถ้าเป็นตามนั้น เขาไม่มีทางรู้ความลับของระดับสะท้อนสวรรค์ของ ลู่ ยู่เฉิน แต่ถ้าเขาอยู่ระดับสะท้อนสวรรค์เหมือนกัน มันก็ง่ายมากที่จะรู้”
“ผู้อาวุโสเหวินอย่าได้โทษตัวเอง การที่ ฟาง เจิ้งจือ เข้าถึงระดับสะท้อนสวรรค์เป็นเรื่องที่ไม่มีใครได้คาดการณ์ไว้ แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจทำไมต้องรีบกลับไป เหยียน จิง?”
“นายท่าน ข้ามั่นใจว่า ความปรารถนาของ ฟาง เจิ้งจือ คือให้พวกเราฆ่า ลู่ ยู่เฉิน และตัว ลู่ ยู่เฉิน เองก็ต้องกังวลเรื่องนี้เช่นกัน! ถ้าพวกเรายังอยู่ที่นี่คงเก็บความลับไว้ได้ไม่นาน! ถ้าพวกเรากลับ เหยียน จิง จะสามารถหลีกเลี่ยงข้อสงสัย และทำให้ ลู่ ยู่เฉิน ไม่ตึงเครียดจนเปิดเผยความลับออกไป!”
“เราควรจะถอย?”
“หรือท่านต้องการที่จะจัดการเขาอยู่?”
“อะไรที่ทำไปแล้วข้าไม่มีทางถอยหลัง!”
“อา..” ผู้อาวุโสเหวินถอนหายใจ มองไปที่ใบไม้ที่พลิ้วไหวไปตามสายลม ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฎขึ้นมาบนหน้าเขาอีกครั้ง
เพจหลัก : Double gate TH