EG บทที่ 162 เงินสั่งได้ทุกอย่าง (อ่านฟรี)
จางรุ่ยเฉียงมองวัยรุ่นที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา เขารู้สึกปวดหัวมาก พลเมืองสามารถมาสั่งให้ผู้นำทำสิ่งต่างๆ ตามที่เขาต้องการได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
“นายกเทศมนตรีจางครับ ผมเชื่อว่าผมพูดออกไปชัดเจนหมดแล้วนะครับ จะต้องจัดการลงโทษขั้นรุนแรงอะไรสักอย่างกับแก๊งพวกนี้ เมื่อก่อนประเทศของเราก็มีการลงโทษขั้นรุนแรง และหลังจากนั้นทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น ตอนนี้มีข่าวจากเบื้องบนว่าจะมีการลงโทษขั้นรุนแรงอีกครั้งในช่วงสิ้นปีนี้จนถึงช่วงเริ่มต้นปีถัดไป ถึงตอนนั้นคุณก็ต้องเตรียมตัวจัดการกับแก๊งพวกนี้อยู่ดี”
“คุณรู้เรื่องข่าวจากเบื้องบนมาได้อย่างไร?”
เฝิงหยู่เอนพิงโซฟาพร้อมกับสีหน้าแปลกใจ “นายกเทศมนตรีจางครับ CCTV ถ่ายทำรายการเกี่ยวกับสินค้าของผมอีกตอนแล้วนะ คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”
จางรุ่ยเฉียงจ้องมองเฝิงหยู่ เป็นไปได้ไหมที่เจ้าเด็กคนนี้จะมีคอนเนคชั่นกับผู้นำระดับอาวุโสบางคนอยู่? เป็นไปไม่ได้ ถ้าเฝิงหยู่มีคอนเนคชั่นแบบนั้น ทำไมเขาต้องมาขอให้ฉันช่วยติดต่อ CCTV ให้ล่ะ?
การโฆษณาเป็นเรื่องง่าย แค่มีเงินเท่านั้นทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่การให้ CCTV ถ่ายทำรายการตอนเกี่ยวกับสินค้าของคุณนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นไปได้ไหมว่าเฝิงหยู่ได้รู้จักกับผู้นำบางคนในระหว่างช่วงที่เดินทางไปปักกิ่ง?
จางลุ่ยเฉียงไม่เคยคิดมาก่อนว่าในยุคสมัยนั้นเงินจะมีอำนาจมากมายถึงเพียงนี้ ไม่งั้น ทำไมจึงมีเจ้าหน้าที่ทุจริตจำนวนมากล่ะ? นั่นก็เป็นเพราะว่าชีวิตที่หรูหราซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่มีทางได้ลิ้มรส มีเพียงนักธุรกิจเท่านั้นที่ทำได้
“ผมตัวคนเดียว และคำพูดของผมก็ไม่มีน้ำหนักมากพอ ผมเป็นแค่รองนายกเทศมนตรี และตำแหน่งของผมก็ยังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับรองนายกเทศมนตรีคนอื่นๆ ที่เหลือ ผมไม่มีอำนาจเหนือกรมตำรวจ เรื่องนี้ผมช่วยอะไรไม่ได้มากจริงๆ”
แม้ว่าจางรุ่ยเฉียงอยากจะจัดการแก๊งนี้มาก แต่เขาก็ไม่มีอำนาจมากพอเหมือนกัน
“นายกเทศมนตรีจางครับ ถ้าความปลอดภัยของเมืองปิงอยู่ในระดับที่ดี ผมรับรองกับคุณเลยว่าผมจะลงทุนเงินจำนวนมากในการสร้างโรงงานรถจักรยานยนต์ คุณก็น่าจะรู้ว่ารถจักรยานยนต์ขายดีขนาดไหนในประเทศจีน คุณคิดว่าธุรกิจนี้จะนำภาษีมาให้กับเมืองปิงได้เท่าไร และคุณจะประสบความสำเร็จมากขนาดไหน?”
“คุณจะลงทุนในโรงงานรถจักรยานยนต์คนเดีกียวหรือ?” จางรุ่ยเฉียงถาม
“นั่นมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญครับ เพราะยังไงธุรกิจนี้ก็สร้างผลประโยชน์ให้กับเมืองปิงได้อยู่ดี ผมเชื่อว่าในฐานะรองนายกเทศมนตรีของเมืองปิง คุณก็อยากให้ที่นี่มีการรักษาความปลอดภัยที่ดีขึ้น ผมพูดตรงๆ กับคุณเลยนะครับว่าผมโดยข่มขู่จากกลุ่มคนพวกนี้ ถ้าคุณไม่อยากช่วยผมเพราะคุณอยากจะปกป้องตัวเอง ผมก็จะใช้เงินเพื่อทำให้พวกนั้นตีกันเอง คุณก็น่าจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเมืองปิงถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น”
จางรุ่ยเฉียงจ้องหน้าเฝิงหยู่ “นี่นายกล้าหรือ!”
เฝิงหยู่กล้ามาก และกล้าพูดต่อหน้าเขาด้วย
“เมื่อคนๆ หนึ่งถูกต้อนจนจนมุม เขาก็กล้าทำทุกอย่างแหละครับ นายกเทศมนตรีจางครับ ทำไมคุณไม่ลองแนะนำผมให้รู้จักกับนายกเทศมนตรีหรือเลขานุการพรรคล่ะ ผมว่าผมสามารถโน้มน้าวให้พวกเขาให้ตัดสินใจได้ ตอนนี้คุณลองไปถามพลเมืองตามท้องถนนดูสิว่าระหว่างซ่งเหล่าซื่อ หวังขาเป๋ พี่เคอและเหล่าแก๊งที่เหลือ กับเจ้าหน้าที่เมืองปิง ผู้นำระดับจังหวัดของเรา หรือแม้แต่ผู้นำระดับประเทศ ใครโด่งดังกว่ากันในเมืองปิง ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไรกับคนกลุ่มนี้ในเมือง เมืองจะต้องถึงจุดจบแน่นอน!
“การรักษาความปลอดภัยของเมืองปิงมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ?”
เฝิงหยู่หัวเราะ “คุณลองไปถามเลขาหรือลูกน้องของคุณดูสิ ลองถามดูว่าสิ่งที่ผมพูดมันถูกต้องมั้ย”
จางรุ่ยเฉียงเรียกลูกน้องสองสามคนเข้ามาในห้องทำงานของเขาและถามดู ซึ่งคำตอบก็เป็นไปอย่างที่เฝิงหยู่พูดจริง
“คุณกลับไปก่อน ขอผมคิดพิจารณาดูอีกที”
เขามีหน้าที่ดูแลเรื่องการศึกษา สุขอนามัย และการปรับโครงสร้างรัฐวิสาหกิจของเมืองเท่านั้น ถ้าเขายกเรื่องการรักษาความปลอดภัยของเมืองไปพูดกับนายกเทศมนตรี มันจะเหมือนกับการข้ามเส้น คนอื่นๆ ก็จะต้องเกลียดเขา!”
เฝิงหยู่กลับออกไปจากห้องทำงานของจางรุ่ยเฉียง แม้ว่าจางรุ่ยเฉียงจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง แต่นั้นก็ยังไม่พอ เฝิงหยู่โดนโจมตีจากหลากหลายทิศทางและไม่สามารถปล่อยให้ซ่งเหล่าซื่อและพวกมีโอกาสหลบหนีไปได้ ถ้าจะตีงู ก็ต้องตีให้ตายไม่งั้นก็จะต้องโดนกัดเอง เนื่องจากเฝิงหยู่ตัดสินใจที่จะทำอะไรสักอย่าง ดังนั้นเขาไม่มีทางปล่อยให้พวกนั้นรอดสักคนแน่ๆ
คนพวกนี้เคยทำเรื่องเลวร้ายมาหมดทุกรูปแบบ และจะต้องโดนลงโทษ เขาถือว่าตัวเองกำลังทำสิ่งดีๆ ให้กับประชาชนทุกคน
.........
ณ กรมตำรวจของเมืองปิง เฝิงหยู่นั่งอยู่ในห้องทำงานของรองหัวหน้า ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำแหน่งสูงสุดที่เฝิงหยู่สามารถติดต่อได้
“ผู้จัดการเฝิง คุณว่าอะไรนะ? คุณอยากจะบริจาคเงิน 500,000 หยวนให้กับกรมของเราหรือ? ฮ่าๆๆ แบบนี้มันไม่ถูกต้องตามกฎระเบียบนะ” รองหัวหน้าดีใจแม้ว่าเขาจะพยายามปฏิเสธก็ตาม
“หัวหน้าเฉิน ถือว่าเป็นสินน้ำใจจากบริษัทผม อย่าปฏิเสธเลยครับ ยิ่งไปกว่านั้น เรากำลังบริจาคเงินให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองปิงด้วย ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวเท่านั้น ความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจค่อนข้างลำบากมาก นอกจากเงินแล้ว ยังมีพวกน้ำมันถั่วเหลือง แป้ง ข้าว หมู ไข่ และอื่นๆ อีกมากมายด้วย ซึ่งจะถุฏส่งมาที่นี่ในอีกสองสามวัน ถือว่าเป็นของขวัญสำหรับวันชาติก็แล้วกันนะครับ”
“ผู้จัดการเฝิง มีอะไรอย่างอื่นอยากจะบอกผมหรือเปล่าครับ?” รองหัวหน้าถาม ต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างแน่ๆ ที่ทำให้เฝิงหยู่บริจาคสิ่งเหล่านี้ ของฟรีไม่มีในโลกหรอก
“การรักษาความปลอดภัยของเมืองปิงควรเพิ่มขึ้นหรือไม่ครับ? ทำไมยังมีคนมาที่บริษัทผมเพื่อขูดรีดเงินจากผมเกือบทุกวัน?” เฝิงหยู่ถามพร้อมขมวดคิ้ว
“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยหรอครับ? คุณไม่ได้แขวนป้ายของเราไว้ด้านหน้าสำนักงานหรอ? บอกผมมาสิว่าใครกันที่กล้าทำแบบนี้? คนพวกนี้ต้องถูกจับโยนเข้าคุกซะให้เข็ด!”
“ซ่งเหล่าซื่อกับหวังขาเป๋”
รองหัวหน้าเฉินหายใจเข้าอย่างลึก ทำไมเป็นสองคนนี้อีกแล้ว แบบนี้ไม่ดีแน่ มีข่าวลือว่าผู้นำระดับจังหวัดไปร่วมโต๊ะดื่มกับซ่งเหล่าซื่อ
“ทำไมครับหัวหน้าเฉิน? คุณทำอะไรกับพวกนั้นไม่ได้หรอ? จะมีการลงโทษขั้นรุนแรงจากเบื้องบนในอีกไม่ช้า และเมืองปิงของเราก็มีรายชื่ออยู่ด้วย คุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่าครับ? ถ้าคุณแก้ปัญหานี้ได้ คุณจะได้เป็นหัวหน้ากรมตำรวจคนต่อไป”
“การลงโทษขั้นรุนแรงหรือ? คุณรู้ได้อย่างไร?”
“ผมมีแหล่งข้อมูลก็แล้วกัน คุณควรพิจารณาเรื่องที่ผมเพิ่งบอกไป เรื่องนี้ดีต่อทั้งเมืองปิงและตัวคุณเอง ผมคาดว่าคำสั่งให้มีการลงโทษขั้นรุนแรงน่าจะมีขึ้นในอีกสองสามวันนี้ คุณต้องคว้าโอกาสนี้ให้ได้”
เฝิงหยู่กลับออกไปหลังจากคุยกับรองหัวหน้าเฉินเสร็จ การขอให้เขาไปจับซ่งเหล่าซื่อและหวังขาเป๋ในตอนนี้ยังคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้ารัฐบาลเมืองออกคำสั่งล่ะ? รองหัวหน้าเฉินดำรงตำแหน่งนี้มาเป็นเวลา 7 ปีแล้วและเขาก็อยากได้ตำแหน่งหัวหน้ากรมตำรวจ สิ่งที่เฝิงหยู่ทำตอนนี้ก็คือการผลักดันเพื่อกระตุ้นเขาเล็กน้อย
.....
“ผู้อำนวยการหลี่ ผู้อำนวยการโฮวครับ ซ่งเหล่าซื่อและหวังขาเป๋ส่งคนมาที่บริษัทของผม พวกเขาอยากได้ส่วนแบ่งของเครื่องทำความชื้น พวกเขาต้องการครึ่งหนึ่งของกำไร! ถ้าผมให้พวกเขาครึ่งหนึ่ง ก็จะแทบไม่เหลืออะไรเลย ผมจะไม่ได้อะไรเลยหลังจากที่ให้ส่วนแบ่งกับคุณทั้งสองคน”
“คุณไม่ได้บอกพวกเขาหรือว่าเครื่องทำความชื้นนี้เป็นสินค้าของโรงงานมอเตอร์?” หลี่ซื่อโหยวขมวดคิ้ว ในเมืองปิง ยังมีใครกล้ามาขูดรีดเงินจากโรงงานมอเตอร์ด้วยหรือ? โรงงานมอเตอร์มีพนักงานสองสามพันคน ถ้ารวมสมาชิกครอบครัวของพนักงานเข้าไปด้วย ก็น่าจะเกิน 10,000 คน และโรงงานมอเตอร์ก็ถือว่าเป็นโรงงานของพวกทหาร แก๊งไหนจะกล้าไปต่อกรกับพวกเข่า?
“ผมบอกไปแล้วครับ นี่คือเหตุผลที่พวกเขาไม่ได้ไปหาคุณกับผู้อำนวยการโฮว พวกนั้นมาหาผมคนเดียว ผมขอให้คุณสองคนบอกเรื่องนี้กับรัฐบาลเมืองหรือรัฐบาลประจำจังหวัด กรุณาบอกให้เขาทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของเมืองหน่อยได้มั้ยครับ”
หลี่ซื่อโหยวและโฮวไฮ่โถวนิ่งเงียบและเหลือบมองหน้ากัน
เฝิงหยู่สาปแช่งและด่าอยู่ในใจ พอมีผลประโยชน์กำไรที่จะต้องแบ่ง สองคนนี้ต้องรีบมาทันที แต่พอมีเรื่องขอให้ช่วยเหลือ กลับเงียบกริบทั้งคู่
ผมนึกว่าพวกคุณจะภาคภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของทหารเสียอีก แค่บอกต่อพวกคุณยังไม่กล้าเลยใช่มั้ย? ดูเหมือนว่าจะต้องยกตัวอย่างอะไรสักอย่าง ที่พวกเขาไม่เห็นด้วยก็เพราะไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง!
เคยมีคนกล่าวไว้ว่าเงินสั่งได้ทุกอย่าง จากสิ่งที่เฝิงหยู่เห็น น่าจะเป็นคนเนี่ยแหละที่วิ่งเข้าหาเงิน!
หมายเหตุ: ในสมัยนั้น ชื่อเสียงของซ่งเหล่าซื่อมีมากกว่าพวกผู้นำเสียอีก