EG บทที่ 160 การขายส่งอุปกรณ์ของอุตสาหกรรมเบา (อ่านฟรี)
ช่วงนี้คือกลางเดือนสิงหาคม หลังจากความวุ่นวายในการซื้อหุ้น เครื่องจักรและเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมเบาจากสหภาพโซเวียตก็มาถึงเมืองปิง โรงงานที่จ่ายเงินมัดจำแล้วก็ได้ส่งตัวแทนมาชำระเงินที่เหลือทั้งหมด พวกเขามารออยู่ที่สำนักงานของบริษัทการค้าไท่หัวทุกวันตั้งแต่สินค้ามาถึง พวกเขากลัวว่าทุกอย่างจะไม่ได้เป็นไปตามที่วางแผนไว้
แม้ว่าจะจ่ายเงินมัดจำแล้วและครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริษัทการค้าไท่หัวขายเครื่องจักรโซเวียตให้กับพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังไม่วางใจอยู่ดีจนกว่าเครื่องจักรจะได้อยู่ในมือพวกเขา แล้วถ้าเผื่อว่ามีคนมาเสนอราคาค่าเครื่องจักรที่ดีกว่าพวกเขาล่ะ?
ตัวแทนจากโรงงานทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมต่างรู้สึกกระวนกระวาย นอกจากเรื่องที่เฝิงหยู่บอกพวกเขาว่าเครื่องจักรจะมาถึงวันนี้แล้ว ที่พวกเขารู้สึกแบบนี้ก็เพราะถูกห้ามไม่ให้สูบบุหรี่ที่บริษัทการค้าไท่หัว
คนพวกนี้สูบบุหรี่กันทุกคน แม้ว่าจะไม่ใช่พวกที่ติดบุหรี่หนักแบบที่ต้องสูบมวนต่อมวน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถรอเป็นเวลาหลายชั่วโมงโดยที่ไม่สูบบุหรี่ได้
ไม่เพียงแต่ที่บริษัทการค้าไท่หัวเท่านั้น แต่ที่บริษัทโลจิสติกส์เฟิงหยูก็เหมือนกัน ใครที่กล้าสูบบุหรี่ในสำนักงานหรือจุดไฟอะไรก็ตามจะต้องถูกปรับ 100 หยวนในครั้งแรก ถ้ามีครั้งที่สอง คนนั้นก็จะถูกไล่ออก!
เฝิงหยู่ไม่มีทางเลือก ที่เขาต้องเข้มงวดแบบนี้ก็เพราะว่ามีหุ้นมูลค่ามากกว่า 100 ล้านหยวนอยู่ในห้องเก็บของ! เขาใช้หุ้นมูลค่า 100 ล้านหยวนเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับเงินกู้จำนวน 120 ล้านหยวนจากธนาคารซิตี้แบงค์และธนาคารเอชเอสบีซี เขาใช้เงินซื้อหุ้นจากจังหวัดต่างๆ ตั้งแต่ภาคเหนือไปจนถึงภาคใต้ ซึ่งไปถึงเมืองเสิ่นเจิ้นเลยทีเดียว
เฝิงหยู่ยังโน้มน้าวหลี่ซื่อเฉียงให้จำนองหุ้นของเขาเพื่อนำไปกู้เงินและซื้อหุ้นเพิ่มเติม! หุ้นทั้งหมดถูกจัดเก็บรวมกันใน “เซฟ” ภายในสำนักงาน
เฝิงหยู่สั่งให้คนงานคอยดูแลเรื่องความชื้น การควบคุมแมลง การป้องกันอัคคีภัยและการป้องกันการโจรกรรม หุ้นของอู่จื้อกางและพนักงานก็ถูกจัดเก็บรวมอยู่ในนั้นด้วย และพวกเขาก็ตกลงเห็นชอบร่วมกัน ถ้าเกิดไฟไหม้ขึ้นมาในสำนักงาน ทุกคนก็จะถังแตกกันหมด!
ในตอนแรก ตัวแทนจากโรงงานบางคนไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบนี้ พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตลก พวกเขารู้ว่าพนักงานทุกคนที่นั่นก็สูบบุหรี่
แต่เมื่อเขาเริ่มจุดบุหรี่ อู่จื้อกางก็ขอให้เขาดับทันทีและต้องจ่ายค่าปรับหรือไม่ก็ออกจากสำนักงานของเขาไปเลย สำหรับเงินมัดจำ เขาจะคืนให้โรงงานตอนสิ้นเดือน
ท่าทีที่แสดงออกมาอย่างหนักแน่นของอู่จื้อกางทำให้ทุกคนจากโรงงานรู้สึกตกใจ พวกเขาได้ยินมาว่าพนักงานของบริษัทการค้าไท่หัวเป็นคนหัวเสียง่ายมาก แต่หลังจากที่ได้ติดต่อกับพวกเขา พวกเขาก็รู้สึกว่าพนักงานก็ดูเป็นมิตรดี แต่มาวันนี้ ในที่สุดพวกเขาก็ได้เจอพนักงานที่อารมณ์ร้อนแล้ว
“โรงงานทอผ้าผู่เจียง มีใครมาจากโรงงานทอผ้าผู่เจียงมั้ย?”
“มีครับ มีครับ ผมเอง” ชายสวมแว่นตารีบลุกขึ้นจากเก้าอี้
“คุณตามผมไปที่คลังสินค้าเพื่อตรวจสอบสินค้าของคุณและส่งมอบเอกสาร”
ห้านาทีต่อมา ตัวแทนจากโรงงานอีกคนก็ถูกเรียกตัวไป คนในห้องค่อยๆ เหลือน้อยลงเรื่อยๆ คนที่เหลือเริ่มรู้สึกกระวนกระวายมากขึ้น
แม้ว่าพวกเขาจะได้รับแจ้งว่าอุปกรณ์มาถึงแล้ว แต่ทำไมพวกเขายังต้องนั่งอยู่ในห้องล่ะ? บางคนก็ถูกเรียกออกไปแล้วและทำไมพวกเขายังต้องรออยู่ในห้องอีกล่ะ? มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับเครื่องจักรที่พวกเขาสั่งซื้อหรือเปล่า?
เครื่องจักรดังกล่าวล้วนเป็นเครื่องจักรที่ “ล้าสมัย” จากสหภาพโซเวียต แต่ก็ยังอยู่ในสภาพดี บริษัทการค้าไท่หัวก็ตั้งราคาเครื่องจักรพวกนี้ในราคาที่ต่ำมาก พวกเขาได้รับคำสั่งจากฝ่ายบริหารโรงงานว่าจะต้องไม่มีอะไรผิดพลาดในการติดต่อธุรกิจครั้งนี้ โดยเฉพาะพวกที่สั่งซื้อเครื่องจักรและเทคโนโลยีพร้อมกัน ตัวแทนบางคนเป็นหัวหน้าวิศวกรหรือผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการของโรงงาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโรงงานให้ความสำคัญต่อธุรกรรมการค้าครั้งนี้อย่างมาก
เฝิงหยู่นั่งอยู่ในห้องการเงิน สักพักก็จะมีคนเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับพนักงานของบริษัทการค้าไท่หัวเพื่อยื่นเช็คให้และเซ็นเอกสารบางอย่าง
เฝิงหยู่เตือนคนพวกนี้ว่าพวกเขาจะต้องไปธนาคารเพื่อขึ้นเงินสดจากเช็คพร้อมกับพนักงานของเขา ทั้งนี้เพื่อป้องกันเผื่อว่าจะมีคนเล่นไม่ซื่อขึ้นมา ถ้าพวกเขากล้าให้เช็คเด้งเพื่อทำให้การชำระเงินล่าช้าลง เขาจะไม่ลังเลที่จะฉีกสัญญาทิ้งและยึดเงินมัดจำทันที!
แม้ว่าการหาผู้ซื้อรายใหม่อาจจะเป็นปัญหาสำหรับเขาบ้าง แต่เขาก็สามารถหาผู้ซื้อได้โดยง่ายภายใน 1 ถึง 2 สัปดาห์ เครื่องจักรของเขาราคาถูกแถมยังอยู่ในสภาพดีมากและมีความทันสมัยมาก ทำไมเขาจะต้องกังวลเรื่องที่จะหาคนซื้อไม่ได้ด้วยล่ะ?
“เครื่องจักรโรงงานทอผ้าขายไปแล้ว เงินมัดจำเข้าบัญชีแล้ว”
“สายการผลิตตู้เย็นขายไปแล้ว เงินมัดจำเข้าบัญชีแล้ว”
“อุปกรณ์ผลิตบุหรี่ขายไปแล้ว เงินมัดจำเข้าบัญชีแล้ว”
..........
มีคนคอยรายงานเฝิงหยู่ตลอดทุกๆ ครั้งชั่วโมง และจำนวนสัญญาที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเฝิงหยู่ก็ลดจำนวนลงไปเรื่อยๆ
“ผู้จัดการเฝิง เทคโนโลยีชุดแรกผ่านการรับรองแล้ว ตอนนี้สามารถนำออกไปจำหน่ายได้แล้วครับ” ชาวรัสเซียคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกเฝิงหยู่
เฝิงหยู่พยักหน้า และก็มีคนมาหยิบสัญญาและเดินออกไปจากห้อง คิริเลนโกได้ส่งคนมาเพื่อเอาเอกสารข้อมูลเทคโนโลยีทั้งหมดมาให้ เมื่อตอนที่เฝิงหยู่กลับจากสหภาพโซเวียต เขาไม่อยากเอาเอกสารพวกนี้ทั้งหมดกลับมาพร้อมกับเขา
ถ้าเขาถูกจับได้พร้อมกับเอกสารพวกนี้ เขาก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร รอให้คิริเลนโกส่งคนเอาเอกสารมาให้เขาดีกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น เอกสารพวกนี้ต้องผ่านการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญ เฝิงหยู่ไม่เข้าใจเนื้อหาของเอกสาร เพราะมีข้อมูลตัวเลขมากมายในเอกสาร สำหรับเฝิงหยู่นั้น มันก็แค่ตัวเลข ไม่ได้มีอะไรสำคัญเป็นพิเศษเลย
เครื่องจักรจำนวนมากกำลังถูกลำเลียงออกจากรถไฟและขนย้ายไปยังรถบรรทุก หรือบางส่วนก็ใช้รถบรรทุกถูกลากออกไปทั้งตู้จากด้านหลังของรถไฟ
คนที่สถานีรถไฟรู้ว่านี่ต้องเป็นสินค้าของบริษัทการค้าไท่หัวแน่ๆ บริษัทการค้าไท่หัวสุดยอดมาก เพราะสามารถนำเข้าเครื่องจักรจำนวนมากจากสหภาพโซเวียตได้!
ขณะนั้นมีคนงานสองสามคนจากโรงงานเครื่องจักรอยู่ที่สถานีรถไฟกำลังลำเลียงสินค้าตรงบริเวณรถไฟทางใต้อยู่พอดี และพวกเขาเห็นเหตุการณ์ที่นั่น พวกเขารีบกลับมาแจ้งผู้อำนวยการโรงงานทันทีว่าเครื่องจักรของบริษัทการค้าไท่หัวจากสหภาพโซเวียตมาถึงแล้ว แต่พวกเขาไม่แน่ใจว่าพวกเราสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องจักรพวกนี้ได้หรือไม่
หลี่ซื่อโหยวรีบไปที่บริษัทการค้าไท่หัวและเห็นคนจำนวนมากกำลังนั่งรออยู่ในห้องประชุม นี่อาจจะเป็นเครื่องจักรที่ทันสมัยก็ได้?
“ผู้จัดการเฝิง ทำไมคุณไม่แจ้งผมเลยว่ามีเครื่องจักรจากสหภาพโซเวียตมาถึงที่นี่วันนี้? แล้วเครื่องจักรที่ผมสั่งมาถึงหรือยัง? ผมเอาเช็คมาด้วย”
“ผู้อำนวยการหลี่ นั่งก่อนสิครับ ผมยังไม่ได้ซื้อเครื่องจักรที่โรงงานมอเตอร์สั่งไว้เลยครับ เครื่องจักรและเทคโนโลยีล็อตนี้สำหรับอุตสาหกรรมเบาครับ ส่วนเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่คุณสั่งนั้นสำหรับอุตสาหกรรมหนัก และปัจจุบันนี้ค่อนข้างมีปัญหาที่จะเอาเข้ามา แต่ผมสัญญาว่าผมจะเอามาให้ได้ปีหน้าครับ!”
“ไม่เอาน่า ที่สถานีรถไฟมีอุปกรณ์เครื่องจักรมากมาย ไม่มีอันไหนที่เหมาะกับโรงงานของผมเลยหรอ?” หลี่ซื่อโหยวยังไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจ
เฝิงหยู่ยื่นเอกสารรายชื่อที่อยู่บนโต๊ะให้หลี่ซื่อโหยว “ดูเอาเองละกันครับ นี่เป็นเครื่องจักรสำหรับผลิตเสื้อผ้า เครื่องใช้ภายในบ้าน บุหรี่ น้ำมัน การแปรรูปอาหาร น้ำตาล และ ไวน์ คุณอยากได้อันไหนละครับ? บอกผมละกัน เดี๋ยวผมจะฉีกสัญญาและขายให้คุณเอง!”
เครื่องจักรพวกนี้ไม่เหมาะกับโรงงานมอเตอร์เลย และเฝิงหยู่ไม่เชื่อว่าหลี่ซื่อโหยวจะอยากได้เครื่องจักรพวกนี้จริงๆ
หลี่ซื่อโหยวขมวดคิ้ว “นี่มันเป็นการขายส่งอุปกรณ์ของอุตสาหกรรมเบาชัดๆ คุณมีเกือบทุกอย่างเลย แต่โรงงานมอเตอร์ไม่สามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้เลยสักอย่าง สายการผลิตของเราคือการผลิตตู้เย็น ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อยากได้”
ตู้เย็นล็อตที่แล้วยังขายได้ไม่ค่อยดีนัก และคอมเพรสเซอร์ก็ยังลดราคาอยู่ หลี่ซื่อโหยวรู้ว่าบริษัทการค้าไท่หัวทำเงินได้ไม่มากนักจากธุรกิจนี้
ถ้าเขาได้สายการผลิตสำหรับตู้เย็นและผลิตตู้เย็นได้เอง แน่นอนว่าพวกเขาก็จะไม่สามารถทำเงินได้ ตลาดของจังหวัดทางภาคเหนือก็เล็กเกินไป และถ้าเขาขนส่งตู้เย็นไปทางภาคใต้ ค่าขนส่งก็สูงมาก ตู้เย็นไม่เหมือนกับพัดลมไฟฟ้าหรือเครื่องทำความชื้นเพราะมีขนาดใหญ่กว่าและค่าใช้จ่ายในการขนส่งก็สูงกว่า
ผู้ขายส่งอุปกรณ์ของอุตสาหกรรมเบางั้นหรือ? เฝิงหยู่หัวเราะ เขาชอบชื่อนี้ แต่เขาก็อยากจะเป็นผู้ขายส่งอุปกรณ์ของอุตสาหกรรมหนักในปีหน้าเช่นกัน