บทที่ 96: แม่นางฉุ่ยจิ้ง [อ่านฟรีวันที่ 19 กรกฎาคม 2562]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
บทที่ 96: แม่นางฉุ่ยจิ้ง
ว่ากันว่าชาติกำเนิดของฉุ่ยจิ้งนั้นลึกลับมาก ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องของครอบครัวนาง พวกเขารู้แต่เพียงว่านางเป็นศิษย์ที่ไม่เป็นทางการของเทพธิดาเหมยฮวาเท่านั้น นางเก็บตัวฝึกฝนอยู่กับเทพธิดาเหมยฮวาและไม่ค่อยออกมาด้านนอก กล่าวได้ว่านางคือบุคคลที่ลึกลับที่สุดในสำนัก ไม่มีใครคาดคิดว่านางจะเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้
นอกเหนือจากข่าวพวกนี้ เจ้าอ้วนรู้มาอีกว่าแม่นางฉุ่ยจิ้งเป็นผู้ฝึกตนธาตุน้ำ นางมีความสามารถด้านเวทมนตร์วารีโดยเฉพาะ
ในครั้งแรกที่เจ้าอ้วนได้ยิน เขารู้สึกสับสนมาก ที่ต้องรู้คือเวทมนตร์วารีนั้นอ่อนแอกว่าอัคคี อีกทั้งการป้องกันของมันยังอ่อนแอกว่าเวทมนตร์พสุธา นอกเหนือจากรูปแบบที่หลากหลาย ในด้านอื่น ๆ มันกลับดูไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง มันจะสร้างอันตรายให้กับผู้ฝึกตนมากขึ้น ไม่มีความเด่นชัดดังเช่นผู้ฝึกตนประเภทดาบหรือเวทมนตร์สายฟ้า แม้กระทั่งผู้ฝึกตนประเภทเพาะกายยังสามารถทำร้ายพวกเขาได้อีกในบางครั้ง
จะเป็นไปได้อย่างไรที่แม่นางฉุ่ยจิ้งไม่ได้มีพรสวรรค์ที่พิเศษแต่กลับมีผู้เชี่ยวชาญของสำนักเสวียนเทียนคอยแนะนำให้อยู่? สิ่งที่ทุกคนรู้คือการจะมีผู้เชี่ยวชาญมาคอยแนะนำนั้นไม่ง่าย ถ้าหากไม่ใช่เรื่องจริง มันจะกลายเป็นเรื่องขบขันและแพร่กระจายไปทั่ว ไม่เพียงแต่อาวุโสที่ไม่ยอมรับ แม้แต่เหล่าสาวกด้วยกันยังมิอาจยอมรับได้ ตัวอย่างเช่น มู่ซื่อหรงพอใจที่จะอยู่ในอันดับที่สาม มีข่าวลือออกมาว่านางไม่ต้องการที่จะยั่วยุแม่นางฉุ่ยจิ้ง เห็นได้ชัดว่านางเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของฉุ่ยจิ้ง
เจ้าอ้วนปรารถนามาตลอดว่าจะได้พบนางในตำนานแห่งความลึกลับนี้ เมื่อเขาได้ยินว่านางกำลังจะเข้าสู่การต่อสู้ เห็นได้ชัดเจนว่าเขาต้องการจะเป็นพยานในความแข็งแกร่งของนาง
เขารีบหยุดเดินและจ้องมองเข้าไปที่บริเวณการแข่งขัน พร้อมกันนั้นเขามองเห็นหญิงสาวชุดขาวที่มาพร้อมกับความงามที่ไม่มีใครเทียบได้ หญิงสาวผู้นี้ไม่แสดงอาการเย่อหยิ่งแต่อย่างใดอีกทั้งยังให้ความรู้สึกที่อบอุ่นแก่คนที่พบเห็น อย่างไรก็ตามการกระทำของนางสะท้อนให้เห็นภาพจันทราในทะเลสาบที่เงียบสงบ โดยเฉพาะดวงตาที่กลมโตของนาง ให้ความรู้สึกลึกลับซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก กล่าวคือนางช่างเป็นหญิงสาวที่น่าประทับใจจริง ๆ
สิ่งที่ทำให้เจ้าอ้วนแปลกใจมากที่สุดคือระดับขั้นพลังของนาง มันอยู่ที่ระดับเซียนเทียนขั้นสิบเอ็ดเท่านั้น! สิ่งนี้ทำให้เจ้าอ้วนตกใจมาก! ส่วนใหญ่ศิษย์ในที่มีผู้คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะไม่มีปัญหาการขาดแคลนและจะสามารถเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นสิบสามได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่มู่ซื่อหรงยังมีอุปกรณ์วิเศษและวิธีการฝึกฝนที่เหมาะสม ชนชั้นสูงมักจะไม่ขาดแคลนสิ่งใด ซึ่งหาได้ยากมากที่จะอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นสิบเอ็ด อีกทั้งยังเป็นผู้ฝึกตนประเภทวารี! สวรรค์ นี่มันจะไม่ลึกลับไปหน่อยหรือ?
เมื่อมองเห็นความแข็งแกร่งของนาง ไม่ใช่แค่เจ้าอ้วนที่ประหลาดใจ แต่เหล่าบุคคลรอบข้างต่างรู้สึกเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่าผู้ฝึกตนที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยสนับสนุนจะมีระดับพลังที่ต่ำเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นเจ้าอ้วนก็ไม่กล้าที่จะสงสัยอะไรในตัวฉุ่ยจิ้งแม้แต่น้อย สำหรับนางที่อยู่ในกลุ่มแรก มันคือความสามารถของนางล้วน ๆ ที่ไปสะดุดตาของเหล่าอาวุโส และพวกเขาเหล่านั้นจะไม่กล่าวออกมาตรง ๆ ซึ่งมันจะกลายเป็นเรื่องตลกเท่านั้น หากเป็นเช่นนี้สามารถคิดได้กรณีเดียวเท่านั้นว่าความสามารถของแม่นางฉุ่ยจิ้งเป็นเรื่องที่ลึกลับซับซ้อนอย่างมาก! สิ่งนี้ยิ่งดึงดูดความสนใจของเจ้าอ้วนมากยิ่งขึ้น
ในขณะนั้นคู่แข่งของแม่นางฉุ่ยจิ้งอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นสิบสามเข้าสู่สนามแข่งขันแล้ว
เขาแสดงอาการวิตกกังวลอย่างชัดเจนเมื่อต้องต่อสู้กับแม่นางฉุ่ยจิ้ง ท่าทีของเขาไม่เป็นธรรมชาติเมื่อเดินเข้าสู่สนามแข่ง
ส่วนแม่นางฉุ่ยจิ้ง นางเข้าสู่สนามแข่งด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้น นางทักทายเขาด้วยความสุภาพอย่างถึงที่สุด “ศิษย์น้องเคารพศิษย์พี่ ได้โปรดเมตตาด้วย!”
ช่วงเวลาที่นางกล่าวเช่นนั้นออกไป แน่นอนว่าได้รับความชื่นชมจากผู้ชมรอบข้างได้อย่างมาก อย่างไรก็ตามฐานะของนางยังเป็นถึงศิษย์ของเทพธิดาเหมยฮวา แต่นางยังคงไม่ลืมมารยาทขั้นพื้นฐาน และยังเป็นผู้ที่เริ่มทักทายผู้อื่นก่อน
แม้ว่าทั้งสองคนจะอยู่ในอันดับสูงสุดของกลุ่ม แต่ทว่าแม่นางฉุ่ยจิ้งแข็งแกร่งกว่ามู่ซื่อหรงหนึ่งพันหรือหนึ่งหมื่นเท่า เมื่อเห็นพฤติกรรมของนาง เหล่าบุคคลที่มีระดับต่ำกว่านางเช่นเจ้าอ้วนไม่อาจหักห้ามในความประทับใจครั้งนี้ได้
คู่ต่อสู้ของฉุ่ยจิ้งไม่ได้คาดหวังว่านางจะสุภาพเช่นนี้ เขาตอบสนองการทักทายของนางอย่างรวดเร็วด้วยความขื่นขม “ศิษย์น้องควรจะเมตตาข้ามากกว่า! ข้าเพียงคาดหวังว่าศิษย์น้องจะรักษาหน้าของศิษย์พี่ผู้นี้และไม่กระทำกับข้าเช่นขยะเน่าเสีย!”
“ศิษย์พี่ถ่อมตัวมากเกินไปแล้ว!” แม่นางฉุ่ยจิ้งเผยยิ้มเล็กด้วยความละอายใจ ดังนั้นนางจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “เอาล่ะ เสียเวลามากพอแล้ว ศิษย์พี่เข้ามาได้เลย!”
“ตกลง ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจะไม่เสียเวลาอีกต่อไป!” หลังจากกล่าวจบ เขารวบรวมสมาธิของตนเอง จากนั้นสูดลมหายใจเข้าพร้อมตะโกนออกมาว่า “เกราะพสุธาศักดิ์สิทธิ์! สวมใส่!”
จากนั้นเกิดเป็นแสงสีเหลืองปรากฏออกมารูปทรงของเกราะ พร้อมกับห่อหุ้มตัวเขาเอาไว้
เกราะพสุธาศักดิ์สิทธิ์เป็นเวทมนตร์ธาตุดินที่มีพลังป้องกันสูงมาก เมื่อทำการร่ายเวทมนตร์ ทุกคนจะรู้ทันทีว่าเขาเป็นผู้ฝึกตนธาตุใด สายตาของทุกคนสว่างไสวขึ้นมาทันทีพร้อมคิดในใจ ‘ผู้ฝึกตนธาตุดินกำลังต่อสู้กับผู้ฝึกตนธาตุน้ำ ธาตุดินสามารถเอาชนะธาตุน้ำได้ บวกกับระดับพลังของเขามากกว่าฉุ่ยจิ้งถึงสองขั้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่ควรแพ้ จริงไหม?’
ไม่เพียงแต่คนรอบ ๆ ที่คิดเช่นนี้ แม้แต่คู่ต่อสู้ของฉุ่ยจิ้งยังมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น ในตอนนี้เขาพร้อมแล้วหลังจากที่เขาทำการป้องกันร่างกายตนเองเพื่อเตรียมรับมือการต่อสู้ที่รุนแรง
“หอกดิน!” เขาตะโกนออกมาเสียงดัง หลังจากนั้นเขาใช้มือทุบลงบนพื้นดิน
ในขณะนั้น มือซ้ายของฉุ่ยจิ้งเริ่มเคลื่อนไหวอยู่ที่ด้านหลังของนาง สำหรับมือขวานางจับเปียผมของนางไว้ที่หน้าอกเบา ๆ เท่านั้น แม้ว่าจะเป็นเพียงการขยับเพียงเล็กน้อยแต่ทว่านางถอยหลังไปซึ่งห่างจากตำแหน่งเดิมหลายฟุต
ซึ่งพื้นที่เดิมที่นางได้ยืนอยู่ตอนนี้เต็มไปด้วยเสาหินหนาห้าฟุต พวกมันกลายเป็นหลักขนาดใหญ่ล้อมรอบฉุ่ยจิ้งไว้ ปิดสภาพแวดล้อมของนางอย่างสมบูรณ์
ถ้าหากฉุ่ยจิ้งไม่ได้หลบออกมาเป็นแนวทแยงมุม แต่ว่าไปด้านหน้า ด้านหลัง หรือ ซ้ายขวาแทน นางจะถูกเสาเหล่านี้โจมตีแน่นอน
ทุกคนที่ร่วมเป็นพยานในครั้งนี้ ตกตะลึงทันทีเมื่อเห็นวิชา หอกดิน มันเป็นการร่ายเวทมนตร์ที่ไม่ใช่การสร้างเสาหินเพียงเสาเดียว แต่มันไม่สามารถหลบอย่างง่าย ๆ ไปทางด้านหน้าหลังหรือซ้ายขวาได้ หลังจากที่ผู้ฝึกตนธาตุดินได้ร่ายเวทย์ขึ้นมาอย่างรอบคอบ จะสามารถสร้างเสาหินที่ปิดผนึกเส้นทางทั้งสี่ทิศไว้ได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คนปกติทั่วไปจะเคลื่อนย้ายไปทางด้านหน้าหลังหรือซ้ายขวาเพื่อหลบมัน ซึ่งจะส่งผลให้ติดกับดักที่สร้างขึ้น แต่สำหรับฉุ่ยจิ้ง ราวกับว่านางรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นกับดักพร้อมทั้งรู้วิธีหลบมัน เพราะนางหลบเวทมนตร์นี้เป็นแนวทแยง สถานการณ์เช่นนี้เป็นเหตุการที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง...