ตอนที่แล้วบทที่ 175 ไฟ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 177 การค้า

บทที่ 176 กำลังอันป่าเถื่อน!


 

 

“เรื่องอันใด?” จั่วม่อขบกรามแน่น เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาทีละคำ มันกำลังยับยั้งพลังปราณอันดุดันที่แล่นพล่านไปทั่วร่างอย่างสุดความสามารถ

บัดซบ!

พลังปราณของมันประดุจสัตว์ร้ายที่ถูกจับกุมคุมขัง ดิ้นรนอย่างคลุ้มคลั่ง กระแทกปะทะอย่างเกรี้ยวกราด พยายามทำลายเส้นชีพจรปราณที่กักขังมันไว้

แต่ใบหน้าผีดิบของจั่วม่อไม่ได้แสดงสภาพอันเลวร้ายของมันออกมาแม้แต่น้อย

“มีจระเข้หนามครามพุ่งขึ้นมาจากน้ำอย่างกะทันหัน! มันทำร้ายศิษย์พี่ผู้หนึ่ง...” ศิษย์ผู้นี้สีหน้าตื่นตระหนกสุดระงับ แต่ยังเล่าความได้ค่อนข้างชัดเจน

“ไป!” จั่วม่อเค้นเสียงลอดไรฟันออกมาหนึ่งคำ

มันเพียงก้าวออกไปก้าวหนึ่ง พลังปราณในร่างก็สั่นสะเทือน จั่วม่อส่ายโงนเงน พลังปราณอันผันผวนปรวนแปรทำให้ร่างมันสะท้านขึ้นไม่หยุดยั้ง ไม่สนใจเสียงหัวร่อเยาะของผูเยาในทะเลแห่งจิตสำนึก มันรีบโคจรวัชรสูตรน้อยในบัดดล

เผยเหยียนหรานกับพวกคงคาดคิดไปไม่ถึง พวกมันตั้งใจจะสะกดวัชรสูตรน้อยเอาไว้ แต่หาทราบไม่ว่าวัชรสูตรน้อยที่จั่วม่อฝึกปรือนั้นไม่ใช่สิ่งปกติทั่วไป ไม่เพียงไม่ถูกระงับยับยั้ง แต่กลับกลายเป็นรุดหน้าก้าวไกลอย่างรวดเร็ว เจตจำนงกระบี่เล็กละเอียดภายในค่ายกลเจตจำนงกระบี่เป็นดุจวงล้อเจียระไน คอยขัดเกลาร่างกายของจั่วม่ออย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งปี

เป็นเหตุให้วัชรสูตรน้อยได้รับการกระตุ้นอย่างรุนแรง โคจรด้วยตัวเองตามธรรมชาติ กลายเป็นว่าในระยะเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา จั่วม่ออยู่ห่างจากวัชรสูตรน้อยขั้นที่ห้าอีกเพียงก้าวเดียว

โคจรวัชรสูตรน้อยอย่างเงียบเชียบ จั่วม่อพลันพบว่าความรู้สึกของอันตรายในร่างกายลดลงเป็นอย่างมาก ค่อยระบายลมหายใจอย่างโล่งอก

ทั้งร่างมันเปลี่ยนเป็นสีทองเข้ม พลังสภาวะอันยิ่งใหญ่ดุดันเผยออกมาเองตามธรรมชาติ

ในทะเลแห่งจิตสำนึก ผูเยาสีหน้ากลายเป็นเดือดดาลในบัดดล ดวงตาสีเลือดสาดประกายวาวจ้า จ้องป้ายหินสุสานตาเขม็ง สุ้มเสียงเย็นชาลอยออกมาจากมุมปาก “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะคว้าไปต่อหน้าต่อตาหน้าอีกหน อย่างไรก็ตาม...”

จั่วม่อกัดฟัน เร่งฝีเท้าติดตามศิษย์น้องที่มาส่งข่าวไป

เพียงไม่นาน จั่วม่อก็มองเห็นจระเข้หนามครามตัวปัญหาจากระยะไกล เจ้าสัตว์ร้ายนอนอาบแดดอย่างเกียจคร้านอยู่บนชายหาด ราวกับสถานที่นั้นมีแต่ตัวมันเพียงผู้เดียว ไม่แยแสสนใจเหล่าศิษย์สำนักสุญตาที่อยู่รอบๆ แต่ในขณะที่จั่วม่อปรากฎตัวขึ้น สัตว์ร้ายก็เงยหน้า เปิดตามองตรงมา

สายตาของจระเข้หนามครามประดุจเข็มเย็นอันแหลมคม ปราศจากร่องรอยความอบอุ่นแม้แต่น้อย น้ำลายไหลย้อยลงมาจากมุมปากที่เต็มไปด้วยกลุ่มฟันหนาแน่น ทั้งร่างปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำเป็นมันเงาดุจเกราะ เพียงมองปราดเดียวก็ทราบว่ากระบี่บินยากจะทำร้ายมัน บนสันหลังเป็นหนามแหลมสีครามหยาบหนาเท่ากำมือของทารก งอกเรียงรายเป็นแผง หนามเหล่านี้เป็นวัตถุดิบหลักชั้นเยี่ยมในการหลอมสร้างกระบี่บิน ทั้งยังเป็นอาวุธคู่กายของเจ้าจระเข้อีกด้วย

จระเข้หนามครามทุกชิ้นส่วนในร่างไม่ต่างอันใดจากขุมสมบัติ แต่ไม่ค่อยมีผู้คนอยากประมือกับมันนัก เจ้าสิ่งนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหี้ยมหาญดุร้ายอย่างแท้จริง!

จั่วม่อหันไปมองบาดแผลเหวอะหวะบนท่อนขาขวาโชกเลือดของศิษย์น้องผู้หนึ่ง ราวกับประกายไฟตกลงไปในถังระเบิด พลังปราณในร่างมันพลุ่งขึ้น โถมร่างออกไปอย่างดุดัน!

ปราศจากวาจาหรือสิ่งอื่นใด มือของมันกระชับกระบี่หยดน้ำคู่ใจ

กระทืบเท้าหนึ่งก้าว ร่างของมันพุ่งลิ่วดุจลูกธนูหลุดจากแล่ง หายวับไป ทุกผู้คนรู้สึกสายตาพร่าเบลอวูบหนึ่ง จากนั้นจั่วม่อปรากฏขึ้นด้านข้างจระเข้หนามคราม!

กระบี่หยดน้ำห่อหุ้มด้วยเพลิงธารา เพลิงธาราแผดเผาอย่างเงียบงัน ไม่ได้เป็นเปลวไฟงดงามที่ใหญ่โตและน่าพรั่นพรึงเช่นในอดีตอีกต่อไป

“ไปตายเถอะ!” จั่วม่อทั้งร่างคล้ายหลอมสร้างด้วยทองคำ ถลึงตากว้าง ตวาดเสียงดังกึกก้อง

กระบี่หยดน้ำตวัดฟันเฉียงจากล่างขึ้นบน เพลิงธาราผลาญฟ้า! เพียงเปิดฉากจู่โจมกระบี่แรก ก็เป็นท่าไม้ตายของมัน!

พลังปราณที่กำลังอาละวาดอยู่ในร่าง พลันไหลบ่าอย่างเกรี้ยวกราดไปยังกระบี่หยดน้ำในมือ สิ่งที่แปลกประหลาดคือเปลวเพลิงธาราบนตัวกระบี่ไม่ได้ลุกโชนขึ้น แต่กลับเปลี่ยนเป็นยิ่งโปร่งใสกว่าเดิม

เจตจำนงกระบี่ของจั่วม่อ หลังจากผ่านการกลั่นเกลาในค่ายกลเจตจำนงกระบี่มาครึ่งปี ยิ่งบริสุทธิ์และจดจ่อรวมรั้งกว่าเดิม

จระเข้หนามครามเมื่อมีชื่อเสียงเป็นที่ครั่นคร้ามถึงเพียงนี้ ย่อมมีฝีมือพิเศษของมัน เห็นมันแทนที่จะล่าถอย กลับพุ่งสวนเข้าหา โยกร่างวูบ ท่อนหางแกร่งดุจแส้เหล็กหวดฟาดมาทางขวาง เสียงหางแหวกฝ่าอากาศเสียดแหลมประดุจเสียงหอนโหยหวน

หนึ่งหางหนึ่งกระบี่ปะทะกันอย่างหักโหม!

เปรี้ยง!

ปราณเจตจำนงกระบี่ในกระบวนท่าเพลิงธาราผลาญฟ้าซึ่งถูกบีบอัดไว้ในพื้นที่แคบๆ คล้ายพบช่องว่างให้อาละวาดออกมา พริบตาที่ปะทะ พลันระเบิดสนั่นหวั่นไหว!

ในเวลาเดียวกัน พลังอันแกร่งกร้าวป่าเถื่อนสายหนึ่งแล่นผ่านจากกระบี่หยดน้ำ จู่โจมเข้าใส่มือของจั่วม่อ

จั่วม่อรู้สึกสองมือสะบัดเริด กระบี่หยดน้ำแทบปลิวกระเด็นออกจากมือ

หากมันปล่อยกระบี่หยดน้ำหลุดมือไปในยามนี้ ย่อมไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน ทว่ากระบี่หยดน้ำจะลอยละลิ่วไปไกลลิบ หลุดจากวงต่อสู้เฉพาะหน้าไป หากไม่มีกระบี่บิน มันจะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับจระเข้หนามครามได้? ไม่มีเวลาให้ขบคิด จั่วม่อผนึกกำลังทั้งร่าง สองมือกุมด้ามกระบี่หยดน้ำแนบแน่น พลังมหาศาลขุมนั้นแล่นพล่านผ่านฝ่ามือ พลุ่งทะลักเข้าสู่สองแขน จู่โจมไปทั่วร่าง กระทั่งพลังปราณที่กำลังอาละวาดอยู่ในร่าง ยังถูกพลังของจระเข้หนามครามขุมนี้กวาดซัดจนถอยร่น

สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ว่าพลังขุมนี้ก้าวร้าวรุนแรงถึงเพียงไหน!

จั่วม่อกระแทกเท้าหนักๆ ถอยร่นไปถึงสิบกว่าก้าว ในที่สุดค่อยยืดหยัดมั่น ในใจตื่นตระหนกสุดระงับ

จระเข้หนามครามก็ได้รับบาดเจ็บไม่เบา ท่อนหางฉีกขาดเป็นทางยาว เลือดไหลทะลัก บาดแผลลึกถึงกระดูก พลังโจมตีประสานด้วยพลังกายของวัชรสูตรน้อยกับเจตจำนงกระบี่ของเพลิงธาราผลาญฟ้า เห็นได้ว่าไม่ใช่ธรรมดาสามัญเช่นกัน

ทว่าสิ่งที่จั่วม่อคาดคิดไม่ถึง คือบาดแผลไม่เพียงไม่ทำให้เจ้าจระเข้ร้ายรู้สึกหวาดกลัว ตรงกันข้าม กลับยิ่งกระตุ้นสัญชาตญานดิบ ทำให้มันดุร้ายกระหายเลือดกว่าเดิม

จระเข้หนามครามดวงตาจับจ้องจั่วม่อเขม็ง กลิ่นอายโหดเหี้ยมป่าเถื่อนตรึงแน่นอยู่บนร่างจั่วม่อผู้เดียว

ร่างยาวเหยียดส่ายสะบัดไปมา ราวกับปลาแหวกว่ายในสายนที ตรงรี่เข้าหาจั่วม่อด้วยความเร็วอันน่าแตกตื่นสะท้านใจ

จั่วม่อเห็นเพียงเงาดำมหึมาโถมเข้าใส่มันในพริบตา ไม่ทันมีเวลาได้ขบคิดอันใด มันเร่งเร้าพลังของวัชรสูตรน้อยขึ้นไปถึงขีดสุด สองตาสาดประกายสีทอง ทั้งร่างก็เปล่งแสงสีทองเจิดจ้า สองมือกระชับกระบี่หยดน้ำแน่นเปลวเพลิงธาราบนกระบี่โปร่งใสจนแทบไม่มีอยู่จริง แทนที่จะล่าถอย ก็สืบเท้าสะอึกเข้าหาเช่นกัน!

เพลิงธาราผลาญฟ้า!

ตูม!

เสียงปะทะคราวนี้ยังหนักหน่วงรุนแรงกว่า ทั้งยังน่าขนพองสยองเกล้ากว่าครั้งก่อน ดังสะท้านก้องไปไกล!

จั่วม่อพลังในร่างถูกกระแทกพลุ่งพล่านปั่นป่วน ไม่อาจหยุดยั้งร่างกาย ตึง ตึง ตึง กระแทกเท้าอย่างหนักหน่วง ถอยหลังไปเจ็ดก้าว

กว่าจะยืนหยัดมั่น จระเข้หนามครามก็กระโจนเข้าใส่อย่างเกรี้ยวกราดอีกครั้ง! อ้าปากกว้างประดุจคีมยักษ์ เต็มไปด้วยฟันเขี้ยวแหลมคมสองแถวอันน่าประหวั่นพรั่นพรึง!

จั่วม่อยามคับขันไม่ลนลาน สะบัดกระบี่หยดน้ำในมือฟันขึ้นต้านปะทะอย่างหักโหม หยุดยั้งคมเขี้ยวอันใหญ่โตของจระเข้หนามครามไว้ได้อย่างฉิวเฉียด

จั่วม่อสามารถเห็นลูกกระเดือกสีเลือดภายในปากกว้างของจระเข้หนามครามได้อย่างชัดเจน เห็นกระทั่งเศษเลือดเนื้อที่หลงเหลืออยู่ในปาก กลิ่นคาวคลุ้งโถมท่วมใบหน้า ทันใดนั้นมันรู้สึกร่างตึงวูบ สายตาพร่าเลือน ถูกกระชากเหวี่ยงไปไกลสิบกว่าจั้ง กระแทกต้นไม้ ร่วงฟาดลงบนพื้นดุจถุงทรายเก่าๆ ใบหนึ่ง

จั่วม่อทะลึ่งตัวลุกขึ้นยืนในบัดดล ภายใต้พลังคงกระพันของวัชรสูตรน้อย มันไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

มันถลึงตาโปนโต จ้องมองจระเข้หนามครามเขม็งนิ่ง

  พลังปราณที่คลุ้มคลั่งอยู่ในร่างส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของจั่วม่อ มันคล้ายสัตว์ร้ายพิโรธตัวหนึ่ง ความคิดทั้งหมดทิ้งไว้เบื้องหลัง ในสายตามีเพียงจระเข้หนามครามเท่านั้น! ในหัวมีเพียงความคิดเดียว สับมัน!

จระเข้หนามน้ำเงินสะบัดหัวเร่าๆ พุ่งเข้าปะทะสองครั้งกลับไม่เกิดผลอันใด มันวิงเวียนอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม การกระทำของจั่วม่อกระตุ้นโทสะของมันอีกครั้ง!

เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวกระจ้อย หาญกล้าท้าท้ายตนเชียวหรือ!

เห็นจระเข้หนามครามโถมเข้ามาอีกครั้ง จั่วม่อขบกรามแน่น ดวงตามืดมนเย็นชา

มันย่ำเท้าเป็นจังหวะจะโคนอันพิสดารทีละก้าว สองมือกุมกระบี่ลากไปด้านข้าง เร่งความเร็วขึ้นในพริบตา

หนึ่งเงาร่างสีดำมหึมา หนึ่งเงาร่างสีทองเล็กจ้อย ราวกับดาวตกสองดวง พุ่งเข้าชนกันอย่างหักโหม!

ตูม!

เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นโลกดุจสายฟ้ากระหน่ำฟาด เงาหนึ่งดำหนึ่งทองกระเด็นแยกออกจากกัน ปลิวลิ่วไปด้านหลัง ถึงกับเร็วยิ่งกว่าตอนขามาเสียอีก!

ตึง ตึง ตึง จั่วม่อที่ปลิวมาเป็นถุงทรายเก่ากระแทกพื้นอย่างหนักหน่วง แล้วเด้งขึ้น จากนั้นฟาดพื้น แล้วเด้งขึ้นอีกรอบ ... ร่วงฟาดอยู่เจ็ดแปดรอบ ค่อยยั้งร่างไว้ได้ในที่สุด ผ่านการฟาดพื้นอย่างรุนแรงเจ็ดแปดรอบ จั่วม่อเห็นดาวทองระยิบระยับ หลังจากนั้นสักครู่ ค่อยดิ้นรนลุกขึ้น ถ่มเศษทรายออกจากปาก การปะทะรอบสุดท้ายนี้ยังดุเดือดรุนแรงกว่าครั้งใดทั้งหมด กระดูกกระเดี้ยวทั่วร่างแทบหลุดเป็นชิ้นๆ พลังปราณที่ปะทุอยู่ภายในร่างแทบถูกกระแทกสลายไปทั้งหมด

หอบหายใจอย่างหนักหน่วง ในใจครุ่นคิด เป็นแค่เดรัจฉานสมควรร้ายกาจถึงเพียงนี้หรือไร!

ทันใดนั้นดวงตามันจดจ่อรวมตัว ไม่ไกลออกไปนัก จระเข้หนามครามสะบัดหัวเร่าๆ จ้องมองมาตาเขม็ง สะบัดร่างพุ่งโถมเข้ามาอย่างเหี้ยมหาญ

พอเห็นจระเข้หนามครามไม่คิดเลิกรา จั่วม่อในใจเดือดดาลทะยานฟ้า

คอยดูเถอะ หากวันนี้เกอไม่เชือดเจ้าทิ้ง เกอจะเปลี่ยนเป็นแซ่โหย่ว!

(จั่ว - ซ้าย โหย่ว - ขวา)

“ตาย!” จั่วม่อขบกรามจนแทบแตก สองมือลากกระบี่หยดน้ำ ย่ำเท้ารุดหน้าไปอีกครั้ง พุ่งสวนเข้าหาจระเข้หนามครามไม่คิดชีวิต

จระเข้หนามครามสะบัดหัว คำรามกึกก้อง เปลี่ยนเป็นเงาดำพร่าเลือนสายหนึ่ง กระโจนเข้าใส่จั่วม่อ

เปรี้ยง! เสียงปะทะสนั่นลั่นโลก หนึ่งคนหนึ่งจระเข้ ปลิวลิ่วไปด้านหลังอีกครา!

 

ด้วยชื่อเสียงอันดุร้ายฉาวโฉ่ของจระเข้หนามคราม ข่าวที่ว่าเกาะแมกไม้รกร้างปรากฏจระเข้หนามครามบุกรุกขึ้นมาทำร้ายศิษย์ร่วมสำนักผู้หนึ่งอย่างอุกอาจ ทันใดนั้นดึงดูดความสนใจของเหล่าศิษย์สำนักกระบี่สุญตาที่อยู่ในเกาะแมกไม้รกร้างทั้งหมด พวกมันวิตกกังวลยิ่ง หากจระเข้นี้รุกรานขึ้นมาบนเกาะแมกไม้รกร้างอยู่เนืองๆ นั่นหมายความว่าพวกมันคนใดคนหนึ่งอาจตกเป็นเหยื่อของเจ้าสัตว์ร้าย เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเมื่อ

ทุกผู้คนล้วนเร่งรุดมายังที่เกิดเหตุอย่างพร้อมเพรียง

ไปหาจั่วม่อเพื่อขอความช่วยเหลือ เป็นการตอบสนองไปตามสัญชาตญาณของพวกมันเท่านั้น จระเข้หนามครามที่เติบโตเต็มที่เป็นสัตว์ร้ายระดับสี่ ปกติกระทั่งซิวเจ่อด่านหนิงม่าย ยามเผชิญหน้ากับมันยังไม่กล้าต่อสู้อย่างซึ่งหน้า บางทีศิษย์พี่อาจมีหนทางแก้ไข อย่างเช่นก่อตั้งค่ายกล ล่อเจ้าสัตว์ร้ายลงไปติดกับ จากนั้นค่อยหาวิธีจัดการกับมันทีหลัง เหล่าศิษย์น้องล้วนเห็นว่ามีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่พอจะรับมือได้

แต่ฉากที่เห็นอยู่ตรงหน้า สะท้านขวัญวิญญาณทุกผู้คนเกินไปแล้ว!

ที่เล่าๆ กันมา ไม่ใช่ว่าศิษย์พี่มีฝีมือเฉพาะค่ายกลหรือไร...

เห็นหนึ่งคนหนึ่งจระเข้ โถมเข้าปะทะกันอย่างดุร้ายป่าเถื่อน ไม่มีเหตุผล ไม่มีรีรอลังเล ไม่มีหยุดยั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ประหนึ่งหุ่นกลไกสองตัวพุ่งชนกัน ศิษย์พี่ในร่างสีทองเร่งฝีเท้าเข้ากระแทก ปะทะชนอย่างหฤโหดครั้งแล้วครั้งเล่าดุจไม่มีที่สิ้นสุด พุ่งชนครั้งหนึ่ง ปลิวกลับมาครั้งหนึ่ง ก่อนจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใบหน้าเลอะเทอะเปรอะเปื้อน แหงนหน้ากู่ก้อง จากนั้นพุ่งเข้าปะทะอีกครั้ง!

เห็นจระเข้หนามครามคำรามอย่างเกรี้ยวกราดไม่ขาดหู แม้จะต่อสู้อย่างดุเดือดเลือดพล่านถึงเพียงนี้ ยังไม่มีทีท่าเหนื่อยอ่อนแม้แต่น้อย

พลังอันร้ายกาจของจระเข้หนามครามทำให้ทุกคนหวาดกลัวจนตัวสั่น หากพวกมันเผชิญหน้ากับเจ้าวายร้ายนี้เข้า... แต่จะอย่างไรความรู้สึกนี้ไม่มีผู้ใดประหลาดใจ ก็มันเป็นถึงจระเข้หนามครามที่กระเดื่องดังนั่น!

แต่ศิษย์พี่...ศิษย์พี่ของพวกมันกลับแข็งแกร่งถึงปานนี้...

นี่พวกมันใช่กำลังฝันอยู่หรือไม่?

โชคดีที่จำนวนบาดแผลบนร่างจระเข้หนามครามที่เพิ่มมากขึ้นทุกขณะ ช่วยเตือนสติพวกมัน ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน

ทุกครั้งที่กระบี่ของศิษย์พี่ฟาดฟันใส่จระเข้หนามคราม แรงกระแทกของพลังปราณที่กวาดออกมา เพียงพอจะทำให้พวกมันสะดุ้งสุดตัว ในใจประหวั่นลนลานเกินระงับยับยั้ง!

“ศิษย์พี่อยู่ในด่านจู้จีจริงๆ หรือ?” ฉุนอวี๋เฉิงรำพึงเบาๆ

ยืนอยู่ข้างมันเป็นกงซุนชา ใบหน้าสะอาดสะอ้านดุจบัณฑิตหนุ่มของกงซุนซาดูตื่นเต้นเร้าใจอย่างแปลกประหลาด “ดูไม่คล้ายจริงๆ นั่นละ เจ้ารู้หรือไม่ ศิษย์พี่กับจระเข้หนามครามปะทะกันเช่นนี้ยี่สิบสองครั้งแล้ว! พลังปราณของชนชั้นจู้จีไม่อาจยืดหยัดได้ยาวนานถึงเพียงนี้อย่างแน่นอน” จากนั้นอดกล่าวชื่นชมไม่ได้ “ความป่าเถื่อนรุนแรงอันงดงามกระไรเช่นนี้ อ๊า! ช่างชวนให้ผู้คนเคลิบเคลิ้มมึนเมาเสียจริง!”

ปะทะอย่างหักโหมติดต่อกันยี่สิบสองครั้งครา จั่วม่อในใจว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ ตะกายขึ้นตามสัญชาตญาณ พุ่งเข้าฟาดฟันตามสัญชาตญาณ...

มันไม่ได้ตระหนักว่าพลังปราณที่อาละวาดอยู่ในร่างแตกกระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง จากนั้นรวมตัวกัน แล้วแตกกระจัดกระจายออกไปไม่หยุดยั้ง ก่อนจะกลับมารวมตัวกันอีกรอบ...

เศษชิ้นส่วนพลังปราณกระจัดกระจายไปตามแขนขาและอวัยวะทั้งหมด เข้าสู่เลือดเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น และกระแสเลือด พลังปราณที่แตกสลายเหล่านี้แทรกผ่านเข้าไปในทุกส่วนทุกช่องที่สามารถไปได้ พลังปราณมหาศาลในร่างกายของจั่วม่อ กว่าครึ่งกระจายแทรกซึมเข้าไปในทุกส่วนของร่างกายจนหมดสิ้น

การเปลี่ยนแปลงพลันอุบัติขึ้นอย่างเงียบเชียบ

ชั่วขณะนี้เอง ผูเยาพลันเงยหน้าขึ้นมองจากทะเลแห่งจิตสำนึก “ร่างภูผา...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด