บทที่่ 14 - ทำมันซะ (1) [อ่านฟรีวันที่ 15/07/61]
บทที่่ 14 - ทำมันซะ (1)
[พวกเขาเป็นพวกนักล่า]
"ฉันก็เดาได้หน่อยๆแหละ"
กลุ่มชายหญิงห้าคนได้กระจายตัวออกไปจากสถานการณ์ที่น่าทึ่งที่เกิดจากการต่อสู้ของยูอิลฮาน จากนั้นทหารก็เดินเข้ามา
"มอนสเตอร์ถูกกำจัดหมดแล้ว"
"กำจัดไปแล้ว? ฉันได้ยินมาว่ามอนสเตอร์คลาส 2 นี่... โอ้"
ชายคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มได้ตอบกลับในขณะที่มองไปรอบๆและพบกับยูอิลฮาน นี่มันเป็นไปได้เพราะว่ายูอิลฮานกำลังอยู่ระหว่างการชำแหละหมีอยู่
"บุรุษความเร็วแสง?"
"เป็นเขา หน้ากากไอรอนแมน!"
"ว้าว ถ้างั้นเขาก็เป็นคนจัดการหมีคนเดียวนะสิ? ไม่มีทางน่า! เขาต้องเรียนเวทย์
โบราณชนิดไหนกันถึงได้แข็งแกร่งแบบนี้?"
ยูอิลฮานดูจะไม่ชอบกลุ่มนี้มาเมื่อพวกเขาต่างก็กระซิบกันประเมินตัวของเขา แต่
ว่ายังไงก็ตามนักล่าพวกนี้ก็มีเป้าหมายเดียวกันกับเขา มันไม่มีความจำเป็นเลยที่
จะต้องมาเป็นศัตรูกับพวกนี้
เขาได้เมินห้าคนนั้นและเริ่มทำการชำแหละต่อ มันจะต้องใช้เวลาประมาณนึงในการจะชำแหละหมียักษ์นี่ดังนั้นมันไม่จำเป็นจะต้องมาเสียเวลาเปล่ากับการฟังพวกนี้....
ในตอนที่เขากำลังคิดถึงจุดนั้นเองศพของหมียักษ์ก็ได้เริ่มลดขนาดลง เอิลต้าจึงได้อธิบายกับยูอิลฮานที่กำลังตกใจอย่างปกติ
[คุณรู้ปะ มันได้ใช้สกิลขยายร่างนะ ถ้าหากว่าร่างของมันใหญ่ 7 เมตรจริงๆแล้วล่ะก็มันจะต้องเป็นตัวที่แข็งแกร่งเอามากๆ]
"สกิลนี่มีทุกประเภทเลยนะ เอ๊ะ...?"
พูดตามตรงแล้วยูอิลฮานรู้สึกยินดีกับขนาดของหมีที่ลดลงมาเพราะเขาไม่จำเป็นต้องไปไล่ถลกหนังของมันทั้งหมดอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงรอให้ขนาดมันลดลงไปเรื่อยๆและในที่สุดแล้วเขาก็ได้เริ่มชำแหละหมีที่มีขนาดลดลงมาเหนือแค่ประมาณ 3 เมตร
"ฮะ เฮ้ บุรุษความเร็วแสง?"
"คุณแข็งแกร่งจริงๆ! คุณได้รับอาชีพที่สองไปแล้วจริงๆใช่ปะ? บางทีคุณอาจจะเจอดันเจี้ยนด้วยใช่ไหม?"
"เฮ้ ในเมื่อมีคนคุยกับคุณ คุณก็ควรจะตอ...."
สำหรับคนที่โดดเดี่ยวแล้วคนจำพวกที่โดดเด่นและกลุ่มคนที่มารวมกันแบบนี้เป็นกลุ่มคนที่เขาไม่ชอบมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงเมินพวกนักล่าพวกนี้ที่เข้ามาหาเขาและถือหอกขึ้นเงียบๆ
"เขาดูไม่เหมือนจะมาสนใจพวกเราเลย ยอมแพ้กันดีกว่าน่า"
"ชิ พวกน่าขยะแขยง"
"ไม่ใช่ว่าเขาดูเท่ออกหรอ? เขาดูเหมือนกับพวกหมาป่าเดียวดายเลย"
"โว้ว ความชอบของเธอนี่มันยังไงกันเนี้ย!?"
พวกเขาได้พยายามจะคุยกับยูอิลฮานอีกสองสามครั้งแต่ว่าหลังจากพวกเขาได้พบว่ายูอิลฮานไม่มีท่าทีจะตอบเลย พวกเขาได้แต่เดาะลิ้นและหันไป
"ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีอะไรที่เราจะทำได้อีกแล้ว ไปกันเถอะ"
"มีการร้องขอความช่วยเหนือจากในที่อื่นๆ พวกเราสามารถ...?"
"แน่นอนสิ!"
พลังการเข้าสังคมนี่มันเยี่ยมจริงๆ ถ้าหากเป็นยูอิลฮานละก็เขาก็คงจะล้มเหลวตั้งแต่ตอนทักทายกันแล้วเพราะว่าตัวเขาไม่เหมาะกับเรื่องนี้เลย
ยังไงก็ตามไม่ว่าพวกนั้นจะเป็นยังไงก็ตามก็ไม่ใช่เรื่องของเขา ยูอิลฮานได้ชำแหละหมีของเขาต่อไป ในตอนนั้นเองผู้นำกลุ่มนี้ที่โพล่งออกมาในตอนแรกว่า 'บุรุษความเร็วแสง' ในตอนแรกที่เจอเขาก็พูดออกมาก่อนจะจากไป
"ชื่อของฉันโดวูจุน เมื่อดูจากหมีนี่มันดูเหมือนว่าฉันจะแพ้คุณใน 'ภารกิจแรก' แต่ว่าฉันจะแสดงให้คุณเห็นว่าฉันเหนือกว่าคุณ คุณควรจะจำชื่อฉันไว้นะ"
"....แล้วนายจะทำอะไรหลังจากเหนือกว่าฉันล่ะ?"
ด้วยพื้นฐานจิตใจที่โดดเดี่ยวแล้วเขาก็ไม่อยากจะไปยุ่งกับพวกนี้เท่าที่เป็นไปได้ แต่ว่าเนื่องจากว่ายูอิลฮานไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่โดวูจุนเลยทำให้เขาถามออกไป
โดวูจุนได้นิ่งไปพักหนึ่งด้วยความตกใจกับการตอบกลับของยูอิลฮานแต่ในท้ายที่สุดเขาก็พูดออกมาพร้อมจ้องที่ยูอิลฮาน
"ทุกชีวิตและสิ่งที่หายใจบนโลกจะต้องอยู่ภายใต้การชี้นำของฉัน บันทึกอคาชิค บันทึกแห่งพลังของทุกๆสิ่งมีชีวิต! ความแข็งแกร่งของพวกเราแสดงออกมาผ่านเลเวลและพวกเราก็จะพัฒนาต่อไปตามที่สิ่งที่พวกเราทุ่มเทความพยายามลงไป นั่นมันหมายความว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็จะถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจนอีกด้วย! ดังนั้นฉันจะยืนอยู่ในที่ที่เหนือกว่าทุกๆคนในอนาคต"
ยูอิลฮานได้สูญเสียแรงจูงใจที่จะตอบกลับไปในทันทีเพราะความคิดที่ดูจะเด็กกว่าที่เขาคิดเอาไว้ เขาไปมีความคิดงี่เง่าและเพ้อฝันแบบนี้ได้ยังไงเนี้ย?
ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็รู้ดีว่าเขาจะต้องเคารพในสิ่งที่คนเชื่อ เขาได้พยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่ตอบกลับไป เพราะแบบนี้เขาจึงหันกลับไปทำการชำแหละต่อ
"คุณมาถามฉันแล้วนี่มาเมินฉันได้ยังไงกัน... ชั่งมัน เดี๋ยวเราก็จะได้รู้กันอีกไม่นาหรอก"
โดวูจุนได้เลียริมฝีปากราวกับว่าเขาผิดหวัง แต่แล้วเขาก็พากลุ่มของเขาจากไป
มันดูเหมือนว่าความต้องการแข่งขันของเขาจะลุกโชนขึ้นมาจากการที่ได้เห็นยูอิลฮานเอาชนะหมีเพียงลำพัง แต่พูดตามตรงแล้วการแข่งขันของเขาที่ลุกโชนนี้มันก็มีแต่ทำให้ยูอิลฮานรู้สึกรำคาญ
ในตอนแรกยูอิลฮานไม่ได้ชอบึคำว่า 'การแข่งขัน' เลยเพียงแค่เพราะว่าคนๆหนึ่งจะไปแข่งขันด้วยการสู้กับคนอื่นได้ยังไงกัน!? ไม่สิ ก่อนหน้านั้น ยูอิลฮานจะไปยืนสูรบกับใครได้ยังไงในเมื่อมันไม่มีคนที่จะทำแบบนั้นได้ในตอนแรก?
การแข่งขันมันจำเป็นต่อการปรับปรุงตัวจริงๆงั้นหรอ? ถ้าหากว่าต้องการจะปรับปรุงตัวการแค่พยายามอยู่เพียงลำพังมันก็พอแล้วไม่ใช่หรอ?
ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มอยู่ที่บ้านเพียงลำพังหรือฝึกยิวยิตสูกับกระสอบทราบแบบยูอิลฮานมันก็เป็นไปได้ทั้งหมด แต่ทำไมคุณจะต้องมาลากคนอื่นมาร่วมด้วยและสร้างความลำบากใจให้ตัวเองด้วยเล่า
ถ้าหากว่าคุณไม่สามารถจะปรับปรุงทักษะของตัวเองได้แค่เพราะไม่มีคู่แข่งล่ะก็พลังนั่นมันยังจะนับเป็น 'ของตัวเอง' อีกงั้นหรอในเมื่อพลังนั่นมันพัฒนาขึ้นจากตัวตนของคู่แข่ง? ความหมายของพลังนั่นมันเพียงแค่เพื่อเอามาอวดคนอื่นงั้นหรอ!? เป้าหมายของพลังนั่นมีเพียงแค่ก้าวข้ามคนอื่นงั้นหรอ!?
เขามากล้าจะแข่งขันกับคนอื่นได้ยังไงในเมื่อเขายังไม่ได้เอาชนะแม้แต่ร่างกายของตัวเองด้วยซ้ำ? ถ้าเขาอยากจะก้าวข้ามอะไรซักอย่างจริงๆล่ะก็ควรจะเป็นตัวเองก่อนไม่ใช่หรอ!?
เขากล้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไงในเมื่อแม้แต่ยูอิลฮษนที่พยายามมาตลอด 1000 ปีก็ยังพูดมันออกมาไม่ได้? แล้วก็นี่อีกนะเขาจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดหรอ? เขาจะเป็นคนที่ยืนอยู่เหนือทุกๆคนงั้นหรอ? น่าขำพังเพ
เพราะแบบนี้ยูอิลฮานจึงทำเพียงแค่คิดอยู่ในใจโดยไม่แสดงออกมา
[...ยูอิลฮาน? ไม่ใช่ว่าคุณดูจะตื่นเต้นไปหรอ?]
"ไม่เลย ฉันยังใจเย็นอยู่"
เสียงเรียกของเอิลต้าได้ดึงยูอิลฮานกลับสู่ความเป็นจริง เขาได้ตอบกลับไปและทำการชำแหละร่างของหมีให้จบ
โชคร้ายที่หมีตัวนี้ไม่ได้มีหินพลังเวทย์ให้เลยแต่ว่าคุณภาพของหนังมันก็ดีเยี่ยม ถ้าหากว่าเขาจัดการมันดีๆเขาก็สามารถจะเอามันไปทำเป็นเกราะที่กันกระสุนปืนกลได้ง่ายๆเลย
"ขอโทษนะ... ท่านบุรุษความเร็วแสง...?"
"ไม่ขาย!"
ยังไงก็ตามทหารพวกนี้ก็เคยมีประสบการณ์กับยูอิลฮานอยู่แล้วทำให้พันตรีได้เข้ามาหาเขาอย่างระมัดระวังและช้าๆ
"ผมได้ยินมาว่าคุณกำลังออกหาล่ามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งอยู่ใช่ไหม? ถ้างั้นพวกเราก็สามารถจะให้ข้อมูลกับคุณได้"
"แค่ข้อมูล?"
"ใช่แล้ว"
ข้อเสนอของพันตรีนี้ได้ดึงดูดใจเขาอย่างมาก
"พวกเราอยากจะให้สถานการณ์ที่อันตรายลดลงให้น้อยมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แน่นอนว่ามันจะเป็นการโกหกถ้าหากผมจะพูดว่าเราไม่ได้ต้องการร่างกายมอนสเตอร์เลยแต่ว่าผมก็จะบอกว่าชีวิตของคนมันสำคัญกว่าสิ่งนั้นมาก ดังนั้นถ้าคุณต้องฉันก็อยากจะแบ่งปันตำแหน่งของมอนสเตอร์...."
"....."
"ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะแกล้งทำเป็นประกาศว่าต้องการรวบรวมผู้ใช้พลังเพื่อที่จะสร้างกลุ่มอะไรซักอย่าง แต่ตามตรงแล้าผมคิดว่าเรื่องนี้มันเชื่อถือไม่ค่อยได้ พวกเขาไม่แม้กระทั่งซ่อนความตั้งใจเพื่อควบคุมคนอื่นๆเลย ส่วนตัวแล้วผมเข้าใจว่าคุณไม่อยากจะมามีส่วนร่วมกับรัฐบาลหรือทหาร เพราะแบบนี้ผมจึงมีข้อเสนอนี้มาให้คุณ... เป็นยังไงล่ะ?"
นี่เป็นข้อเสนอที่สมเหตุสมผลมาก ประเทศกำลังวาดภาพในจินตนาการทั้งนั้น แต่ว่าพันตรีคนนี้ได้พูดคุยกับเขาด้วยความคิดที่เป็นจริงว่าสถานการณ์เบื้องต้นแล้วเป็นยังไง
ยูอิลฮานกำลังลังเล แต่ว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะมาลังเลเลย ยังไงทหารก็อยู่ในที่ๆมอนสเตอร์อารวาดอยู่แล้ว ถ้าหากว่ามันเป็นแบบนั้นจริงมันไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องดีกว่าหรอกับการที่จะได้รับข้อมูลจากพวกทหารตรงๆแทนที่จะไปเสียเวลาหาสุ่มๆจากเน็ต?
"บอกมาสิ"
"ฟู่ ขอบคุณนะที่ช่วยๆกัน"
ร้อยตรียุนแดฮานได้ถอนหายใจออกมาจากก้นบึ้งหัวใจและก้มหัวให้กับยูอิลฮานเขาตาถึง
คนที่โจมตีมอนสเตอร์และฆ่ามอนสเตอร์คลาสสองในการโจมตีแค่ 3 นี้โดยที่เพิ่งจะผ่านไปไม่นานนับตั้งแต่ที่หายนะครั้งใหญ่เกิดขึ้นนี้น่าทึ่งอย่างแท้จริง ในปัจจุบันตัวยูอิลฮานเป็นคนที่เขาไม่สามารถจะไปแตะต้องได้ เขาจะหยุดพัฒนาแค่นี้หรอ? ไม่มีทางอยู่แล้ว เขาก็ไม่รู้อะไรนักแต่เขาเดาว่ายูอิลฮานจะต้องพัฒนาพลังขึ้นไปจนเป็นถึงตัวแทนของเกาหลีได้เลย
ยุนแดฮานได้เรียนรู้อะไรมามากในตอนที่เขาอยู่ในต่างโลก เขาได้เห็นฉากของคนที่มีพลังเหนือยิ่งกว่าประเทศและเห็นฉากที่มอนสเตอร์เพียงตัวเดียวทำลายประเทศด้วยเช่นกัน
เรื่องแบบนี้ได้บอกกับเขาว่าตรรกะเดิมๆที่มีอยู่ไม่สามารถจะมาใช้นำกองทัพ ประเทศและสังคมหลังจากที่เกิดหายนะครั้งใหญ่ได้ เพราะอย่างนี้เขาก็เลยได้มอบเสนอแบบนี้ให้กับคนที่แข็งแกร่งอย่างยูอิลฮาน
การจะพยายามไปควบคุมพลังที่ร้ายแรงให้ได้มันอาจจะส่งผลการทำลายกันและกันได้ แล้วทำไมต้องไปจับพลังนั้นเอาไว้ในอุ้งมือและควบคุมมันด้วยเล่า? ถ้าหากว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นคนที่สามารถจะคุยกันดีๆถ้างั้นก็ควรจะมองหาวิธีที่จะได้กำไรทั้งคู่สิ อย่างแบบนี้ไง
ถึงแม้ว่าเขาจะค่อนข้างเข้มงวดกับผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ว่าเขาก็เป็นทหารที่รู้ขอบเขตของตัวเอง เพราะการกระทำนี้ของเขายูอิลฮานก็ไม่ได้เป็นศัตรูกับทหารและมีช่องว่างสำหรับการคุยกัน
ยุนแดฮานได้ทำการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับยูอิลฮานที่มีโอกาสจะพัฒนาไปเป็นผู้ใช้พลังที่แข็งแกร่งในอนาคตมากพอแล้ว
ถึงแม้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะถูกยูอิลฮานอ่านออกก็ตามที
"สำหรับทหารในปัจจุบันการหยุดพวกมอนสเตอร์คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้ ขอร้องล่ะ...ก่อนนที่คนจำนวนมากไปกว่านี้จะทุกข์ทรมาน...."
"ตกลง"
ยูอิลฮานได้หุ้มกระดูกของหมีไว้ด้วยหนังของหมีเองอย่างชำนาญและกอดมันเอาไว้ จากนั้นเขาก็เมินสายตาของทหารที่มองมาทางเขาซึ่งเต็มไปด้วยทั้งความชื่นชม อิจฉา หวาดกลัว และอีกมามาย เขาได้แยกตัวออกมาจากที่นี่ ความจริงแล้วเขาไม่จำเป็นจะต้องใช้แอปแสงแฟลชเลยด้วยซ้ำในรอบนี้
[มนุษย์จะมีชีวิตอยู่อีกยาวนาน]
"ฉันไม่อยากจะเจอกับเขาบ่อยนักเลย คนๆนั่นให้ค่าฉันไว้สูงเกินไป"
[ก็ดูสิ่งที่คุณทำเอาไว้สิ... ยังไงก็เหอะไปที่ต่อกันไปได้แล้ว! วิ่งเร็วเข้า!]
ต้องขอบคุณการร่วมมือของทหารนี้ทำให้ยูอิลฮานสามารถจะจัดการได้มากกว่าสามกลุ่มในวันนี้ ในหมู่พวกมอนสเตอร์ก็ไมได้มีตัวที่แข็งแกร่งไปกว่าหมาป่าโลกันณ์หรือหมีสีน้ำตาลอีกเลย และเพราะแบบนั้นทำให้เขาได้เลเวลอัพขึ้นมากลายเป็นเลเวล 24
แต่กลับกันเขาได้กำไรมาเยอะมาก เนื่องจากว่าแค่ของที่ได้จากฝูงหมาป่าและหมีเขาได้ขายของทั้งหมดจากมอนสเตอร์ให้กับทางทหารยกเว้นหินพลังเวทย์ มันส่งผลให้จำนวนเงินฝยมือของเขาตอนนี้มันน่าทึ่งเล็กน้อย เงินของเขาในตอนนี้มันใกล้เคียงกับหนึ่งพันล้านวอนแล้ว
"ฉันจะยังมีเงินเหลืออีกแนะต่อให้สร้างที่ทำงานขึ้นแล้ว! เราควรจะเซ็นต์สัญญาทันทีเลยปะ"
[มันไม่ใช่เรื่องฉลาดเลยนะที่จะใช้เงินจำนวนมาขนาดนี้ในทันทีที่ได้มันมา คุณจะทำยังไงล่ะหากถูกแกะรอยได้?]
"อ่า...."
[....เพราะแบบนี้ฉันจะใช้เวทย์ลบความทรงจำของผู้รับเหมาให้คุณเองเป็นกรณีพิเศษ แต่ว่าการใช้ครั้งนี้มันจะมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ]
"เยี่ยม!"
อย่างที่คิดเอาไว้เลยเวทย์ของนางฟ้าเยี่ยมที่สุดในโลก
ถึงแม้ว่าเขาจะถูกแม่กำชับเอาไว้ว่าอย่างไปไหนในตอนที่อันตราย แต่ว่าในตอนที่เขากลับมาที่บ้านมันก็ดึกแล้ว ทุกๆอย่างได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น ยูอิลฮานได้ขึ้นไปนอนในขณะที่คิดว่าทุกๆอย่างจะเปลื่ยนไปในทางที่ดีขึ้นในวันพรุ่งนี้
และเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นในวันต่อมา
ข้อความเดียวกันนี้ที่ปรากฏขึ้นมาในสายตาของมนุษยชาติทุกๆคนก็โผล่ขึ้นมาทันทีพวกเขาตื่นขึ้น
[การเชื่อมต่อกับต่างโลกจะถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง คุณจะสามารถรับเควสและได้รับรางวัลที่เหมาะสมได้ในโลกที่คุณถูกอัญเชิญไป]
เพราะแบบนี้ยูอิลฮานได้กลายเป็นผู้โดดเดี่ยวอีกครั้งหนึ่ง