ตอนที่ 38 ปะทะเชิงเซียวหยวน
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 38 ปะทะเชิงเซียวหยวน
ญาติพี่น้องสองคนนี้เริ่มพูดคุยล้อเล่นกันต่อ จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนอื่นจะไม่รู้ว่านั่นคือการจงใจท้าทายหลิงฮัน
มุมปากของเชิงเซียงยกขึ้นเล็กน้อย “ข้าลืมบอกไป ญาติของข้าคนนี้เพิ่งจะทะลวงผ่านระดับรวมธาตุไปเมื่อปีที่แล้ว และตอนนี้ใกล้จะบรรลุถึงจุดสูงสุดของระดับรวมธาตุขั้นแรกแล้ว สามารถพูดได้เลยว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นเหนือกว่าคนทั่วไป”
ในขณะเดียวกัน เชิงเซียวหยวนก็ยิ้มอย่างเอียงอายและพูด “ข้าบรรลุระดับรวมธาตุได้ตอนที่ข้าอายุยี่สิบ ข้าไม่สามารถถูกเรียกว่าอัจฉริยะที่โดดเด่นได้หรอก ข้าเพียงแค่ก้าวนำคนอื่นๆไปก้าวเดียวเท่านั้นเอง”
เมื่อคนอื่นๆในงานเลี้ยงได้ยินเรื่องนี้เข้าก็ต้องมีสีหน้าตกตะลึง
ระดับรวมธาตุ!
เชิงเซียวหยวนจะถ่อมตัวเกินไปแล้ว ถึงแม้เชิงเซียงจะอยู่ในระดับหลอมกายาขั้นเก้าและอายุเพียงสิบเก้าปี แต่การจะทะลวงระดับขึ้นไปจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงห้าปี หรือในชีวิตนี้อาจจะไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้เลยก็ได้ ดังนั้นสำหรับคนที่ทะลวงผ่านไปยังระดับรวมธาตุได้ในขณะที่อายุยี่สิบปี สามารถนับได้ว่าเป็นอัจฉริยะอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าคำว่า‘อัจฉริยะที่โดดเด่น’นั้นค่อนข้างจะโอ้อวดไปหน่อย เพราะอย่างไรเมืองหมอกเมฆาก็เป็นแค่เมืองเล็กๆ ไม่ว่าใครขอแค่มีความสามารถที่เหนือกว่าคนอื่นเล็กน้อยก็สามารถเรียกได้ว่าอัจฉริยะแล้ว
ทุกคนมองไปยังหลิงฮัน พวกมันสงสัยว่าเขาจะแก้ไขสถานการณ์ข้างหน้านี้อย่างไร
ถ้าหลิงฮันยอมรับคำท้า เขาจะต้องแพ้แน่นอน เชิงเซียวหยวนอาจจะถึงขั้นสังหารเขาเลยด้วยซ้ำ ด้วยการที่ผู้อาวุโสของนิกายหมาป่าหินผาอยู่ที่นี่ จะมีอะไรที่มันไม่กล้าทำ? แต่ถ้าหลิงฮันไม่ยอมรับคำท้า ชื่อเสียงที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากก็จะต้องพังทลายลงทันที
แต่ถ้าคิดถึงผลลัพธ์ในแต่ละตัวเลือกแล้ว การปฏิเสธคำท้าทายควรจะเป็นตัวเลือกที่ฉลาดที่สุด เพราะหากรับคำท้าแล้ว หลิงฮันอาจจะต้องตายเลยก็ได้
สายตาของหลิงฮันมองไปยังเชิงเซียงก่อนที่จะหันไปมองเชิงเซียวหยวน และช่วยไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา พวกมันวางแผนกันมาดีจริงๆ แต่ตระกูลเชิงคงไม่คาดคิดว่าเขาได้ก้าวเข้าสู่ระดับรวมธาตุแล้ว แถมเขายังมีเมล็ดก่อเกิดห้าธาตุที่สามารถมอบพลังมหาศาลให้กับเขาได้อีกด้วย
“เอาล่ะ งั้นก็มาสู้กันสักหน่อยแล้วกัน” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
ว่าไงนะ! หลิงฮันรับคำท้าจริงๆ?
ไม่ใช่แค่คนอื่นที่ตกใจ แม้แต่เชิงเซียงกับญาติของมันก็ตกใจเช่นกัน แต่หลังจากนั้นพวกมันทั้งคู่ก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย เจ้าเด็กนี่ช่างอยากแส่หาความตายเสียจริง!
ถ้าหลิงตงซิงไม่สามารถควบคุมตัวเองและไปช่วยบุตรของมัน เมื่อตอนนั้นเชิงเหวิงควินก็จะลงมือสังหารหลิงตงซิง ซึ่งนี้คือสิ่งพวกมันต้องการให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว แผนการในคืนนี้คือการหาเหตุผลเพื่อสังหารหลิงตงซิงกับหลิงฮัน
แม้แต่หลิงมู่เหยินก็ไม่สามารถปกปิดความสุขของมันได้ มันเองก็ต้องการให้หลิงฮันตายเช่นกัน
สำหรับตระกูลของเหล่าจอมยุทธแล้ว การต่อสู้กันระหว่างงานเลี้ยงนับว่าเป็นเรื่องปรกติ พวกมันเพียงต้องจัดเตรียมพื้นที่ว่างๆนอกห้องรับแขกเพื่อให้กลายเป็นลานประลอง
ด้วยการปล่อยข่าวอย่างจงใจออกไปของเชิงเซียง เรื่องที่หลิงฮันจะปะทะกับเชิงเซียวหยวนจึงรู้กันไปทั่วทุกโต๊ะ
นี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่จำเป็นต้องคาดเดาผลลัพธ์ใดๆเลย หรือว่าหลิงฮันจะยิ่งผยองเกินไปจนไม่ต้องการปฏิเสธคำท้าทาย?
ทั้งสองคนเดินไปยังสนามด้านนอกห้องโถงหลัก ที่นั่นมีพื้นที่โล่งประมาณสิบเมตรอยู่ ถึงแม้จะไม่ได้กว้างมากมายนัก แต่ก็เพียงพอสำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
“เจ้ามันช่างโง่เง่ายิ่งนัก!” เชิงเซียวหยวนยิ้มอย่างเย็นชาและจิตสังหารได้ถูกปลดปล่อยออกมา มันจงใจพูดด้วยน้ำเสียงที่โหดเหี้ยม “ข้าจะสังหารเจ้า!”
“โอ้?” หลิงฮันเค้นเสียงทางจมูก
“เจ้ากำลังฝันกลางวันอยู่รึไง!
“งั้นก็ตายไปซะ!” เชิงเซียวหยวนหัวเราะลั่นออกมา หมัดของมันพุ่งไปยังหลิงฮัน มันไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะยุทธอะไรทั้งนั้น
มันเชื่อมั่นอย่างมากว่าด้วยพลังของรวมธาตุขั้นหนึ่งระดับสูงสุดจะสามารถบดขยี้หลิงฮันได้อย่างง่ายดาย
หลิงฮันไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย เขาปล่อยหมัดพุ่งออกไปทางเชิงเซียวหยวนเช่นกัน
ด้วยสายตาของทุกคนที่จ้องอยู่ หมัดทั้งสองเข้าปะทะกันและเกิดคลื่นสั่นสะเทือนที่รุนแรงกระจายไปทั่วทิศทาง “ปัง ปัง ปัง ปัง” คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆล้มลงในทันที
ในขณะเดียวกัน หลิงฮันและเชิงเซียวหยวนยังคงยืนอยู่ในท่าเดิมโดยที่หมัดของทั้งสองคนชนกันอยู่
‘อะไรกัน!’
เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทุกคนล้วนแต่ตะลึง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ คนที่กำลังกินอยู่ถึงขนาดสำลักออกมา ในไม่ช้าสถานการณ์ก็ตกอยู่ในความสับสนทันที
หลิงฮันตอบโต้หมัดของเชิงเซียวหยวนได้ แถมยังดูเหมือนพลังของทั้งคู่จะสูสีกันด้วย?
เป็นไปได้อย่างไร!
สีหน้าอันหยิ่งยโสของเชิงเซียวหยวนหายไป มันขมวดคิ้วและพูดออกมา “ระดับรวมธาตุ?”
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย “เจ้าไม่ใช่คนเดียวที่ทะลวงผ่านมาได้”
ที่จริงหลายๆคนก็เดาเอาไว้แล้วว่าคงเป็นเช่นนั้น แต่พอได้ยินหลิงฮันพูดยืนยัน พวกมันก็ยังแสดงความตกใจออกมาอยู่ดี
ก่อนหน้านี้ เมื่อเชิงเซียวหยวนทะลวงระดับไปยังรวมธาตุตอนอายุยี่สิบปีก็ถูกกล่าวว่าเป็นอัจฉริยะอันโดดเด่นแล้ว แต่ตอนนี้หลิงฮันเพิ่งจะอายุสิบหกปีเท่านั้น!
อายุสิบหกปีที่มีพลังระดับรวมธาตุ? นี่มันบ้าไปแล้วชัดๆ!
ทุกคนมองหลิงฮันด้วยสายตาสับสน เด็กหนุ่มคนนี้ถูกเรียกว่าขยะเมื่อประมาณหนึ่งเดือนก่อน เขาสามารถพลิกโชคชะตาได้ขนาดนี้ภายในเวลาสั้นๆได้อย่างไร?
“พี่ชายหลิง ท่านช่างมีบุตรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!” เชิงเหวิงควินพูดออกมาด้วยนำเสียงอันน่าเกรงขาม
มันไม่สามารถปกปิดเจตนาต้องการสังหารในน้ำเสียงของมันได้
อายุแค่สิบหกปีแต่บรรลุถึงระดับรวมธาตุแล้วนับว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างมาก เขามีพรสวรรค์ยิ่งกว่าหลิงตงซิงเมื่อหลายปีก่อนเสียอีก ในอดีตตัวมันมักจะเปรียบเทียบตัวเองกับหลิงตงซิงมาตลอด แต่ไม่ว่ามันจะพยายามขนาดไหน ความห่างของพวกมันก็ยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ...
จนกระทั่งในตอนที่หลิงตงซิงกลับมายังเมืองหมอกเมฆาและพลังบ่มเพาะหยุดนิ่งอยู่ที่ระดับรวมธาตุขั้นเก้า นั่นคือโอกาสที่ในที่มันก็จะไล่ตามหลิงตงซิงทันเสียที
แต่มันไม่เคยคิดเลยว่าพรสวรรค์ของหลิงฮันจะมากกว่าหลิงตงซิงเสียอีก!
มันไม่มีทางปล่อยให้เจ้าเด็กนี่มีชีวิตอยู่แน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วอีกเพียงไม่กี่ปี เจ้าเด็กนี่อาจจะก้าวผ่านไปยังระดับก่อเกิดธาตุได้ก็เป็นได้ และเมื่อตอนนั้นมาถึง ตระกูลเชิงจะทำใต้เพียงยอมก้มหัวอยู่เบื้องล่างตระกูลหลิง
หลิงตงซิงยิ้มบางๆ ในอดีตบุตรของมันทำให้มันรู้ปวดใจเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้หลิงตงซิงอดไม่ได้ที่จะภูมิใจในตัวหลิงฮัน “ก็ธรรมดา ยังเทียบกับเชิงเซียวหยวนของเจ้าที่ทะลวงระดับเมื่อปีที่แล้วไม่ได้หรอก”
บัดซบ ทะลวงระดับตอนอายุยี่สิบปีจะมาเทียบกับสิบหกปีได้อย่างไร?
ภายในสวน เชิงเซียวหยวนสูดหายใจลึก ในใจของมันเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างมาก มันได้ยินเชิงเซียงบอกมาว่าเมื่อเดือนก่อนหลิงฮันอยู่ในระดับหลอมกายาขั้นเจ็ดเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับทะลวงผ่านมาระดับรวมธาตุแล้ว... ความเร็วในการก้าวหน้าขนาดนี้ช่างน่ากลัวเป็นอย่างมาก!
หรือเจ้าเด็กนี่จะมีสมบัติบางอย่างที่ช่วยให้มันสามารถบ่มเพาะได้เร็วขึ้น?
เมื่อมันคิดแบบนี้ดวงตาของมันก็เปล่งประกายในทันที มันต้องเป็นเช่นนั้นแน่ๆ เจ้าเด็กนี่ถูกคนทั้งเมืองเรียกว่าเศษขยะ แต่จู่ๆกลับกลายเป็นแข็งแกร่งขึ้นมา ต้องเป็นเพราะมันได้พบเจอวาสนาบางอย่างแน่ๆ
‘หึหึ มันต้องเป็นของข้า’
เมื่อคิดเช่นนี้ เชิงเซียวหยวนก็คลายหมัดออกกลายเป็นฝ่ามือ มันตั้งใจจะใช้ทักษะยุทธแล้ว
ฝ่ามือสะเทือนโลกา ทักษะยุทธระดับเหลืองขั้นสูง
นี่คือทักษะที่มันได้รับจากซากโบราณสถานเมื่อตอนที่ออกเดินทางฝึกฝน มันไม่ใช่เพียงทักษะลับที่ช่วยให้พลังของมันเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่เมื่อมันมอบทักษะนี้ให้กับนิกายหมาป่าหินผา มันยังได้รับ ‘เม็ดยารวมปราณ’ มาเป็นสิ่งตอบแทน มันจึงสามารถทะลวงผ่านระดับรวมธาตุได้ด้วยการพยายามครั้งเดียว!
ไม่เช่นนั้นแล้ว จะเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่มันจะก้าวเข้าสู่ระดับรวมธาตุได้เมื่อตอนอายุยี่สิบปี
มันเต็มไปด้วยความมั่นใจ แม้แต่ในนิกายหมาป่าหินผา ทักษะระดับเหลืองขั้นสูงก็ถือว่าเป็นทักษะชั้นยอด ส่วนทักษะที่สืบทอดต่อกันมาของตระกูลหลิงและตระกูลเชิงเป็นเพียงทักษะระดับเหลืองขั้นกลางเท่านั้น
มันเชื่ออย่างแท้จริงว่าเมื่อมันใช้ ฝ่ามือสะเทือนโลกาออกไป มันจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างง่ายดาย
**ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ**