ตอนที่ 36 ราชันรัตติกาล
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 36 ราชันรัตติกาล
“ข้าไม่อยากจะทำให้เจ้าเสียความมั่นใจหรอกนะ แต่ทุกๆครั้งที่จัดการประลองต้าหยวนขึ้น ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ไม่มีผู้เข้าร่วมในระดับรวมธาตุขั้นเก้า ตัวเจ้าที่เพิ่งก้าวมายังระดับรวมธาตุ ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์ขนาดไหนก็ยังไม่สามารถเทียบกับจอมยุทธระดับแนวหน้าในระดับรวมธาตุขั้นเก้าได้” หลิงตงซิงพูดแนะนำหลิงฮัน
เป็นเรื่องดีที่จะมีความทะเยอทะยานสูง แต่การมั่นใจมากเกินไปไม่ใช่เรื่องดีแม้แต่น้อย
หลิงฮันพยักหน้า มีอัจฉริยะอยู่น้อยมากที่จะสามารถสู้ข้ามระดับและจัดการคนที่มีพลังบ่มเพาะสูงกว่าตัวเองได้
ตอนนี้เขาอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นหนึ่ง แล้วพลังของเขาจะห่างจากรวมธาตุขั้นเก้าขนาดไหนกัน? ยิ่งกว่านั้นยังมีบางคนที่อยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้ามานานมากแล้ว และถึงแม้พวกเขาจะยังไม่ทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุ พลังของพวกเขาจะมั่นคงและแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ถ้าเขาบรรลุไปยังรวมธาตุขั้นหนึ่งระดับสูงสุด ด้วยพลังของเมล็ดก่อเกิดห้าธาตุ เขามีโอกาสสูงมากที่จะชนะคนที่อยู่ในรวมธาตุระดับกลาง แต่ถ้าศัตรูของเขามีพลังอยู่ที่รวมธาตุระดับปลาย... โอกาศที่หลิงฮันจะชนะมีเพียงห้าสิบเปอร์เซ็นต์
“อีกไม่นาน ข้าวางแผนจะไปยังหุบเขาเจ็ดวายุเพื่อฝึกฝน” หลิงฮันพูดออกมา
ถึงแม้เขาจะตัดสินใจเรื่องนี้ไว้สักพักแล้ว แต่ก็ยังต้องจำเป็นต้องบอกให้หลิงตงซิงทราบอยู่ดี
หลิงตงซิงตกใจขึ้นมาทันที มันรู้ดีว่าหุบเขาเจ็ดวายุเป็นสถานที่แบบไหน มันคือสถานที่ที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่ดุร้าย และส่วนในสุดของป่ายังมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเป็นอย่างมากอาศัยอยู่ เพราะงั้นแล้วต่อให้เป็นจอมยุทธในระดับห้วงจิตวิญญาณก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปลึก! หลิงฮันอยู่เพียงรวมธาตุขั้นหนึ่ง มันอันตรายเกินไปที่เขาจะเข้าไปยังหุบเขาเจ็ดวายุ
อีกอย่าง มีเวลาเหลืออยู่เพียงสองเดือนก็จะถึงสิ้นปี ต่อให้เขาไปที่นั่นเพื่อฝึกฝนก็คงจะก้าวหน้าได้ไม่มากนัก
“ท่านพ่อไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะไปอยู่ที่รอบๆเขตนอกของหุบเขา และจะไม่เข้าไปลึกเด็ดขาด” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม เขาไม่มีความคิดจะเข้าไปยังส่วนลึกแน่นอน
ถึงอย่างนั้นหลิงตงซิงก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่มันก็เข้าใจว่าบุตรของมันตอนนี้ได้เติบโตขึ้นแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฟังทุกๆเรื่องที่บิดาพูด ดังนั้นมันจึงทำได้เพียงให้คำแนะนำต่างๆซ้ำไปซ้ำมา โชคดีที่หลังฮันไม่ได้คิดจะไปหุบเขาเจ็ดวายุในทันที
พ่อลูกคุยกันเรื่องชีวิตประจำวันอยู่สักพัก หลิงฮันก็กลับไปยังห้องตัวเองและอาบน้ำเพื่อล้างฝุ่นที่ติดมาตอนเดินทาง พร้อมกับเรียกให้คนรับใช้นำชุดใหม่มาให้เขาเปลี่ยน
แน่นอนว่าผู้ติดตามสาวน้อยของเขาก็ต้องไปเข้าร่วมงานเลี้ยงกับเขาเช่นกัน
ในไม่ช้าคนรับใช้ก็นำกองเสื้อผ้ามา มันมีมากกว่าสิบชุดสำหรับทั้งชายและหญิง
หลิงฮันและหลิวอู๋ตงมองดูพวกมันอย่างไม่รีบร้อน หลิงฮันตัดสินใจเลือกได้อย่างรวดเร็ว แต่หลิวอู๋ตงได้ลองเปลี่ยนชุดไปมาอยู่สักพัก ไม่ใช่ว่านางไม่พอใจกับชุดเหล่านี้ แต่เพราะนางถูกใจทุกชุดเลยต่างหาก
ในที่สุดหลิวอู๋ตงก็ตัดสินใจได้ เมื่อนางเปลี่ยนชุดเสร็จหลิงฮันอดไม่ได้ที่จะผิวปาดออกมา
ช่างงดงามจริงๆ
แต่เดิมนางก็เป็นสตรีที่งดงามไร้ที่ติอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อนางเปลี่ยนมาใส่ชุดยาวสีเชียวมรกต รูปร่างอันได้รูปและประณีตของนางจึงเผยโฉมออกมาอย่างเต็มที่ หน้าอกอันกลมกลึง เอวที่ผอมบางสมส่วน และขาเรียวยาวทั้งสองข้าง ทำให้กลายเป็นภาพที่งดงามเกินกว่าจะบรรยายได้
แถมนางยังแต่งหน้าบางๆเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าของนางสง่างามขึ้นไปอีก
เมื่อได้เห็นอาการตกตะลึงเล็กน้อยของหลิงฮัน หลิวอู๋ตงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจ เพราะเวลาที่ผ่านมา นางต้องถูกหลิงฮันทำให้ตกตะลึงมาโดยตลอด ตอนนี้ในที่สุดนางก็เอาคืนแล้ว มันทำให้นางรู้สึกพึงพอใจจนมุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
นางที่แต่เดิมเป็นคนที่เย็นชา แต่เมื่อบนใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมา มันทำให้นางดูน่ารักและน่าดึงดูดเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่หลิงฮันที่สงบนิ่งยังอดที่จะมองไม่ได้
“ไปกันเถอะ!” หลิวอู๋ตงยกคางของนางขึ้นเล็กน้อย ทำให้นางดูหยิ่งผยองเล็กน้อย
สตรีที่งดงามยังไงก็ยังคงเป็นสตรีที่งดงาม ทุกๆท่าทางการเคลื่อนไหวของนางทำให้คนที่มองมาผ่อนคลายและมีความสุข
แต่เมื่อพวกเขาออกจากที่พักตระกูลหลิง หลิวอู๋ตงก็นำผ้าคลุมหน้ามาสวมและปกปิดความงดงามอยู่ภายใต้ผ้าคลุมอย่างมิดชิด หลิงฮันรู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อยแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกพึงพอใจ ใบหน้าอันงดงามของผู้ติดตามสาวน้อยของเขามีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถชื่นชมได้
“จริงสิ เจ้ารู้จักอัจฉริยะที่โดดเด่นในเมืองต้าหยวนหรือไม่?” หลิงฮันถามในขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่
หลิวอู๋ตงหยุดเดินและพูด “เจ้าคิดจะเข้าร่วมการประลองต้าหยวน?”
“นับว่าเจ้าฉลาดไม่เลว” หลิงฮันยิ้ม
“แคว้นพิรุณได้จัดการประลองขึ้นทั่วทั้งแคว้นในทุกๆสามปี ซึ่งการประลองต้าหยวนก็เป็นหนึ่งในการประลองที่ว่า ถ้าเจ้าสามารถได้อันดับที่ห้าสิบขึ้นไป เจ้าจะถูกรับรองให้เข้าร่วมกับสำนักฮูหยางได้” หลิวอู๋ตงพูดต่อ
“แต่เดิมการประลองจัดขึ้นเพื่อค้นหาอัจฉริยะในแคว้นพิรุณ”
“ถ้าเจ้าถามถึงอัจฉริยะล่ะก็...” หลิวอู๋ตงคิดอยู่ชั่วครู่ และพูดออกมา
“เมืองจักรพรรดิอยู่ไกลจากที่นี่เกินไป ข้าจึงไม่รู้อะไรมากนัก แต่มีอยู่หนึ่งคนที่ข้ารู้จักเพราะเขาเองก็เป็นศิษย์ของสำนักฮูหยาง”
“คนที่ว่าคือใครกัน?” หลิงฮันถามอย่างไม่ใส่ใจ
“ฉีฮวงเย่ บุตรคนที่สี่ของราชาต้าหยวนคนปัจจุบัน คนอื่นๆตั้งฉายาให้เขาว่า ‘ราชันรัตติกาล’ เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่สูงมากจนสามารถสู้ข้ามระดับได้ เมื่อตอนที่อยู่ในระดับรวมธาตุขั้นหก เขาเคยสังหารจอมยุทธที่อยู่ในระดับรวมธาตุขั้นแปดได้” หลิวอู๋ตงไม่ปกปิดความชื่นชมของนาง เพราะการสังหารศัตรูกับการเอาชนะศัตรูได้นั้นแตกต่างกัน
“เมื่อสามปีก่อนเขาอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นที่หกและสามารถได้รับที่สองของการประลองต้าหยวน ตอนนี้เขาควรจะอยู่ในขั้นที่เก้าแล้ว”
เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งนัก จิตวิญญาณต่อสู้ของหลิงฮันลุกโชน การได้เหยียบย่ำคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งแบบนี้ มันคงทำให้รู้สึกดีไม่น้อย
ทั้งสองคนได้นัดรวมตัวกับหลิงตงซิงเอาไว้ และนั่งรถม้าออกจากที่พักตระกูลหลิง ในขณะที่มีหลิงจงควั่นกับหลานของมันนั่งรถม้าตามมาข้างหลัง
“ท่านพ่อ ท่านยังไม่จัดการกับพวกมันอีกรึ?” หลิงฮันถาม
“ข้าลงมือไปนานแล้ว แต่ยังไงหลิงจงควั่นก็เป็นหัวหน้าพ่อบ้าน ยิ่งกว่านั้นมันยังวางแผนต่างๆมาหลายปีจนอำนาจของมันเป็นดั่งรากที่อยู่ลึก ถึงแม้ข้าจะทำการกำจัดอำนาจบางส่วนของมันไปแล้ว มันก็ยังไม่ใช่คนที่จะกำจัดทิ้งไปได้ในระยะเวลาสั้นๆ” หลิงตงซิงขมวดคิ้ว ดูท่าทางไม่พอใจเล็กน้อย
เจ้าปู่หลานคู่นี้มันบังอาจพยายามจะขโมยโอกาสที่บุตรของมันจะได้เข้าร่วมสำนักฮูหยาง ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!
หลิงฮันพยักหน้า สุดท้ายแล้วก็ต้องเป็นเรื่องของพลัง ถ้าหลิงตงซิงอยู่ในระดับก่อเกิดธาตุล่ะก็ ไม่ว่าหลิงจงควั่นจะหน้าด้านขนาดไหน ก็คงไม่กล้ามีความคิดบ้าๆเด็ดขาด
ระหว่างทางรถมาขยับแกว่งไปมาเล็กน้อย และประมาณยี่สิบนาทีต่อมาพวกเขาก็ไปถึงประตูหลักของที่พักตระกูลเชิง
ตระกูลเชิงเป็นตระกูลใหญ่อีกตระกูลหนึ่ง จึงไม่แปลกที่คฤหาสน์ของพวกมันจะไม่ใช่อะไรที่ที่พักของคนธรรมดาจะเทียบได้
ไม่ใช่เพียงตระกูลหลิงที่ถูกเชิญมางานเลี้ยงคืนนี้ ตระกูลอื่นๆที่พอจะมีอำนาจในเมืองหมอกเมฆาเองก็ได้รับบัตรเชิญเช่นกัน ดังนั้นตระกูลเชิงจึงได้ปูพรมแดงไว้ที่ทางเข้าหลักเรียบร้อยแล้ว แต่ละด้านของพรมมีคนรับใช้แปดคนยืนอยู่ ทุกๆครั้งที่มีแขกเข้ามา เหล่าคนรับใช้จะประกาศถึงการมาถึงของแขกเสียงดังชัดเจน และจากนั้นจะมีคนออกมาจากที่พักเพื่อมารับแขก
เมื่อพวกหลิงฮันเดินลงมาจากรถม้า เหล่าคนรับใช้ได้ประกาศเสียงดังทันที “แขกผู้มีเกียรติมาถึงแล้ว!”
“ฮ่าๆ พี่ชายหลิง ข้ารอมานานแล้ว!” ชายวัยกลางคนเดินออกมาเพื่อต้อนรับพวกเขา มันประสานหมัดทักทายไปยังหลิงตงซิง ร่างของมันทั้งสูงใหญ่และดูแข็งแกร่ง มันคือผู้นำตระกูลเชิง เชิงเหวิงควิน
**ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ**