ตอนที่แล้วตอนที่ 280 แม่น้ำลาวา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 282 เริ่มการฝึกรอบสอง!

ตอนที่ 281 สิ้นสุดการฝึกรอบแรก


“ทักษะเคลื่อนไหวของนายสุดยอดมาก!”หลี่ หลางร้องออกมาเมื่อพวกเขามาถึงอีกฝั่งของแม่น้ำ

“ความเร็วมันเทียบได้กับระดับเพลิงสวรรค์เลยทีเดียว ฉันไม่คิดว่าเพียงทักษะเคลื่อนไหวจะมีผลดังกล่าว นายต้องเป็นอัจฉริยะในความสามารถด้านความเร็ว?!”เห็นได้ชัดว่าหยี่ เยว่หยู่ไม่อาจสงบสติลงได้ แต่ทว่า ลึกๆลงไปแล้วเธอรู้ดีว่าทักษะนี้คืออะไร

“ผมได้เปิดใช้พรสวรรค์ของผม สุดยอดความเร็ว นี่สามารถบรรลุได้โดยการฝึกฝนทักษะเคลื่อนไหวประเภทความเร็ว”หลิน ฮวงตอบกลับ เขาไม่รู้ว่าหยี่ เยว่หยู่จะค้นพบความลับเขาไหม แต่เขาก็ยังยอมรับอยู่ดี อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้บอกเธอถึงพรสวรรค์ที่แท้จริงของเขาอย่างความเร็วฑูตสวรรค์และเอาสุดยอดความเร็วมาอ้างแทน

“นายเพิ่งจะอยู่ในระดับทองขั้น2 นั่นหมายความว่าหลังจากที่นายเลื่อนเป็นระดับทองขั้น3และระดับทองสมบูรณ์ ความเร็วนายก็จะยังคงเพิ่มขึ้น?”หลี่ หลางถาม

“ในทางทฤษฏี มันก็คงจะเป็นแบบนั้น”หลิน ฮวงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้บอกทั้งคู่ว่าเขายังไม่ได้เร่งความเร็วจนถึงขีดสุด ไม่ว่ามันจะเป็นทั้งความเร็วฑูตสวรรค์หรือท่าเท้าอัสนีบาต เขายังไม่ได้ใช้พวกมันจนถึงขีดสุด

“ด้วยความเร็วดังกล่าว มันคงไม่เป็นปัญหาสำหรับนายที่จะหลบหนีศัตรูที่ทรงพลังกว่า”หลี่ หลางกล่าว

หยี่ เยวห่ยู่กลอกตาใส่หลี่ หลางหลังจากที่ได้ยิน

หลิน ฮวงส่งรอยยิ้มให้พวกเขา สำหรับเขา ไม่มีใครในระดับทองที่สามารถสู้เขาได้ แม้กระทั่งอัจฉริยะก็ยังไม่สามารถเอาชนะมอนสเตอร์กลายพันธ์2ครั้งระดับทองสมบูรณ์5ตัวได้ หากเขาเผชิญกับผู้หลุดพ้นที่ไม่สามารถเอาชนะได้ แม้จะด้วยความเร็วฑูตสวรรค์หรือท่าเท้าอัสนีบาต ความเป็นไปได้ของการหลบหนีก็คงจะไม่สูงมากนัก

“เมื่อเราเกือบจะตกลงไปในปากของจระเข้โลหิตเพลิง นายกลับดีดตัวกลางอากาศและหลบการโจมตีมัน นั่นคือสุดยอดความเร็ว?”จู่ๆหยี่ เยว่หยู่ก็นึกถึงฉากที่เขาเร่งความเร็วขึ้นกลางอากาศ มันเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นทักษะเร่งความเร็วกลางอากาศ

“ใช่ โดยการใช้สุดยอดความเร็ว ผมสามารถควบคุมความเร็วและปรับทิศทางได้แม้ว่าจะลอยอยู่กลางอากาศก็ตาม”

“ฉันเคยได้ยินมาว่าจระเข้โลหิตเพลิงมีหนังที่หนา นายใช้ทักษะอะไร?ทำไมหัวของจระเข้ถึงระเบิดหลังจากที่นายเหยียบมัน!นายทำได้ยังไง?”เมื่อหยี่ เยว่หยู่กำลังถามหลิน ฮวงถึงการเร่งความเร็ว มันก็ทำให้หลี่ หลางนึกถึงตอนที่หลิน ฮวงฆ่าจระเข้โลหิตเพลิง

“มันคือวิชาสังหาร มันถูกใช้ควบคู่ไปกับวิชาโจมตีพยุหะ ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ทั่วๆไป เหตุผลที่ว่าทำไมหัวมันจึงระเบิดไม่ใช่เพราะการโจมตีของฉันนั้นทรงพลัง มันเป็นเพราะฉันเหยียบไปบนจุดอ่อนของมัน”หลิน ฮวงอธิบายเพราะเขาไม่ต้องการจะเปิดเผยความสามารถที่แท้จริง

ในความเป็นจริง มีจุดอ่อนบนหัวจระเข้จริงๆ อย่างไรก็ตาม หลิน ฮวงไม่ได้โจมตีไปบนจุดอ่อนมัน เขาบดขยี้กระดูกที่แข็งที่สุดในร่างจระเข้โลหิตเพลิง ส่งผลให้มันตายทันที

เนื่องจากซากศพของมันถูกกินโดยฝูงจระเข้สายพันธ์อื่นไปแล้ว หลี่ หลางจึงไม่สามารถหาหลักฐานใดๆได้ ดังนั้น เขาจึงบอกไปว่าเขาโจมตีไปบนจุดอ่อนมัน

หยี่ เยว่หยู่เคยได้ยินเรื่องจุดอ่อนบนหัวจระเข้โลหิตเพลิงเช่นกัน แต่ทว่า เธอไม่แน่ใจว่าตำแหน่งนั้นอยู่ตรงไหน เธอไม่ได้มองไปตรงจุดที่หลิน ฮวงเหยียบ ดังนั้น เธอจึงไม่มีทางที่จะยืนยันได้เช่นกัน

“ไปกันเถอะ ผู้คุมได้ทิ้งรอยเท้าไว้บ้างบนพื้น เขาต้องหวังให้เราไล่ตามเขาไปหลังจากที่ข้ามแม่น้ำมาได้”หลิน ฮวงเปลี่ยนเรื่อง ชี้ไปที่รอยเท้าบนพื้น เขากลัวว่าเขาอาจจะหลุดพูดบางสิ่งไปหากยังคงโดนซักถามต่อ

ในฐานะผู้ฝึกสอน แม้ว่าซือ คงเจี้ยนจะตั้งใจข้ามแม่น้ำเพื่อเพิ่มอัตราการกำจัด เขาก็ไม่ได้หวังให้อัตราการผ่านเป็น0 หากเขาไม่ทิ้งรอยเท้าไว้เบื้องหลัง ผู้คนคงจะไม่รู้ว่าเขาวิ่งไปทางไหนและนี่จะไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

“หากเราสามารถไล่ตามเขาได้ เจ้าตาตี่นั่นจะยังคงทดสอบเราต่อไหม?”หลี่ หลางเริ่มทำตามหลิน ฮวง เรียกผู้คุมว่าเจ้าตาตี่

“ฉันไม่คิดอย่างนั้น อัตราการกำจัดสูงพอแล้ว หลังจากที่ข้ามแม่น้ำลาวา นอกจากเราสามคน คนกลุ่มใหญ่คงจะไม่หลงเหลือพลังชีวิตอีกแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ชอบเรา เขาก็ไม่อาจหาด่านอุปสรรคอื่นได้ มีคนไม่มากที่สามารถทนได้อีก”หลิน ฮวงส่ายหัวเพราะเขารู้ว่าชายตาตี่คงจะมีแผนผ่อนปรน มันยังคงเป็นโปรแกรมการฝึกและเขาก็ไม่อาจทำอะไรตามใจชอบได้

หลี่ หลางรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินสิ่งที่หลิน ฮวงกล่าว

จากนั้นทั้งสามคนก็หันหลังไปมองกลุ่มคนอีกฝั่งของแม่น้ำ หลี่ หลางมองพวกเขาอย่างเห็นใจ โบกมือให้คนอีกฝั่งของแม่น้ำ แต่ทว่า เมื่อเขาหันกลับมา เขากลับเห็นหลิน ฮวงและหยี่ เยว่หยู่กำลังแสยะยิ้ม

ทั้งคู่ส่ายหัว จากนั้นพวกเขาก็วิ่งตามรอยเท้าไป หลี่ หลางรีบตามหลังพวกเขาไปทันที

เมื่อเห็นว่าหลิน ฮวงและทั้งคู่กำลังจากไป คนอื่นก็ตื่นตระหนก

หลังจากที่ออกห่างแม่น้ำลาวา ทั้งสามก็ตามรอยเท้าไป ในเวลาไม่ถึงชั่วโมงดี พวกเขาก็สามารถไล่ทันซือ คงเจี้ยนที่กำลังเดินทอดน่องได้

ซือ คงเจี้ยนเบิกตากว้างเมื่อเห็นทั้งสามคน แต่ทว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดแจ้งเขาว่าทั้งสามละเมิดกฏ นี่แสดงให้เห็นว่าทั้งสามคนผ่านการทดสอบตามความสามารถที่แท้จริงของพวกเขา เขาไม่ได้พูดอะไรแต่เริ่มออกวิ่ง

หลังจากที่วิ่งตามซือ คงเจี้ยนไปได้ประมาณ10เมตร ทั้งสามคนก็คุยเกี่ยวกับเรื่องอื่นที่ไม่ใช่การฝึก

“หยี่ ตงไล่คือปู่ของเธอ?!ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนามสกุลของเธอคือหยี่!”ดวงตาของหลี่ หลางเบิกกว้างขณะที่มองหยี่ เยว่หยู่ ขณะที่หลี่ หลางตะโกนอย่างประหลาดใจ ซือ คงเจี้ยนก็หันมาและเหลือบมองหยี่ เยว่หยู่

ในฐานะผู้คุม ซือ คงเจี้ยนได้ยินมาว่าใครบางคนจากตระกูลหยี่ได้เข้าร่วมการฝึกด้วย แต่ทว่า เขาไม่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นผู้ชายหรือผู้หยิง เขาไม่รู้แม้กระทั่งชื่อ นี่เพราะเหล่าผู้หลุดพ้นจะไม่ได้รับอนุญาติให้เปิดเผยตัวในระหว่างกระบวนการเลื่อนเป็นผู้หลุดพ้น ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่สามารถจุดไฟชีวิตของเธอได้ หยี่ ตงไล่ไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้และคนอื่นก็ไม่กล้าถามเกี่ยวกับมันเช่นกัน  พวกเขาเพียงได้ยินถึงข่างลือ ซือ คงเจี้ยนแม้กระทั่งสงสัยว่ามันเป็นจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาสำรวจหยี่ เยว่หยู่ เขาก็สามารถยืนยันถึงตัวตนเธอได้ทันที เพราะเขารู้จักญาติสาวของหยี่ เยว่หยู่ และเขาก็พบว่าหยี่ เยว่หยู่นั้นมีบางส่วนที่คล้ายกับญาติเธอ

“ฉันไม่รู้ว่าเธอมาจากกองกำลังไหน แต่หลังจากที่ออกจากสถานที่นี้ เธอสามารถขอลายเซ็นต์จากปู่เธอมาให้ฉันได้ไหม?”หลี่ หลางถามด้วยคิ้วที่เลิกขึ้น

“ไม่!”หยี่ เยว่หยู่ปฏิเสธ

“ทำไมละ?เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ?ฉันเพียงแค่ขอลายเซ็นต์เอง ทำไมเธอจึงใจจืดใจดำนัก?”หลี่ หลางแขวะเธอ

“ใครเป็นเพื่อนนาย?เราเพิ่งจะรู้จักกันเมื่อวานเองนะ”หยี่ เยว่หยู่ไม่คิดว่าหลี่ หลางจะหน้าด้านเช่นนี้

“งั้น ฉันขอถามเธอหน่อย เธอเป็นเพื่อนกับหลิน ฮวงไหม?”หลี่ หลางถาม

“เอ่อ....ฉันคิดอย่างนั้น!”หยี่ เยว่หยู่เหลือบมองหลิน ฮวงและตอบ

“เธอยืนยันว่าเธอเป็นเพื่อนหลิน ฮวงและฉันก็เป็นเพื่อนหลิน ฮวงเช่นกัน”หลี่ หลางแสยะยิ้มและยังคงกวนเธอต่อ“เพื่อนของเพื่อนก็คือเพื่อน ดังนั้นเราจึงเป็นเพื่อนกัน!”

“ไม่ เราไม่ใช่!”หยี่ เยว่หยู่ปฏิเสธอีกครั้ง

...

เมื่อถึงเวลาประมาณ5โมงเย็น ในที่สุดกลุ่มคนก็สามารถไล่ตามพวกเขาได้ทัน กลุ่มชายหัวล้านอยู่ห่างจากพวกเขาไม่กี่กิโลเมตร พวกเขาต่างดูอ่อนล้า

ซือ คงเจี้ยนหยุดเพิ่มปัญหาให้พวกเขา จากนั้นเขาก็วิ่งด้วยความเร็วคงที่เหมือนวันแรก เขาวิ่งต่อไปจนถึง9โมงเช้าวันต่อมา

และในที่สุด การฝึกรอบแรกก็สิ้นสุดลง.....

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด