EG บทที่ 155 กวาดตลาดหุ้น (อ่านฟรี)
“คุณครับ คุณว่าอะไรนะครับ?” เจ้าหน้าที่ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ พร้อมกับเบิกตาโตด้วยความตกใจ
“ผมบอกว่าผมจะอยากได้ทุกอย่างครับ! เงินทุนของธนาคารไอซีบีซีสามารถโอนมาได้มั้ยครับ?
หัวหน้าธนาคารซีซีบีเดินมาที่เคาน์เตอร์หลักทรัพย์ เอ๊ะ นี่มันผู้จัดการเฝิงที่เพิ่งซื้อพันธบัตรรัฐบาลไปเมื่อปีที่แล้วนิหน่า?
“ผู้จัดการเฝิง ไม่ได้มาที่นี่สักพักเลยนะครับ จะมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลอีกหรอครับ?”
“เปล่าครับ ครั้งนี้ผมมาซื้อหุ้น ผมคิดว่าหุ้นน่าจะดีกว่า”
ปัง....
เสียงใบหุ้นปึกใหญ่มาตั้งกองไว้บนโต๊ะ และเจ้าหน้าที่ก็หันกลับไปที่ตู้เซฟอีกครั้ง
“เสี่ยวจ้าว คุณจะไปไหนนะ?”
“ผู้จัดการครับ ผมกำลังไปหยิบใบหุ้นมาให้ลูกค้าครับ”
ผู้จัดการสาขามองไปที่ใบหุ้นบนโต๊ะซึ่งตั้งวางอยู่ประมาณสองสามพันใบ และมูลค่าต่อใบก็อยู่ที่ 100 หยวน ซึ่งรวมทั้งหมดมีมูลค่าอย่างน้อยสองสามแสนเลยทีเดียว แค่นี้ยังไม่พออีกหรอ?
เมื่อเขาเห็นเฝิงหยู่เก็บใบหุ้นทั้งหมดลงในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 2 ใบ เขาก็รู้สึกอึ้ง หลังจากที่เฝิงหยู่กลับไป เขาถามเจ้าหน้าที่ว่าเฝิงหยู่ซื้อหุ้นไปทั้งหมดเท่าไหร่?
อะไรนะ? ทั้งหมด? หุ้นมูลค่า 2 ล้านหยวนนะ?
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ยินการสนทนาดังกล่าว และบางคนที่ฉลาดหน่อยก็รู้ทันทีว่าหุ้นอาจจะมีลักษณะเหมือนกับพันธบัตรรัฐบาล มูลค่าของหุ้นอาจจะเพิ่มขึ้น พวกเขาต้องรีบกลับไปศึกษาทำความเข้าใจเรื่องหุ้นบ้างแล้วละ ถ้าเป็นเรื่องจริงขึ้นมา พวกเขาจะกลับมาซื้อบ้าง
เฝิงหยู่และเหวินตงจวินเอาหุ้นใส่ในยานพาหนะและกลับไปที่บริษัท ในขณะเดียวกัน หลี่ซื่อเฉียง อู่จื้อกางและพวกก็จับคู่กันสำหรับสาขาธนาคารต่างๆ เพื่อกวาดซื้อหุ้นที่มีอยู่ทั้งหมด
บริษัทการค้าไท่หัวถอนเงินสดออกมาเป็นจำนวนมาก และทำให้ผู้จัดการธนาคารจูสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเช้านี้บริษัทการค้าไท่หัวถอนเงินออกไปเป็นจำนวนมากกว่าสิบล้านหยวน บริษัทการค้าไท่หัวเป็นหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ของธนาคารไอซีบีซี ซึ่งเทียบเท่าได้กับรัฐวิสาหกิจเลย
เขารีบตรวจสอบทันที จะปล่อยให้ลูกค้ารายนี้เปลี่ยนไปใช้ธนาคารอื่นไม่ได้เป็นอันขาด หรือว่าบริษัทการค้าไท่หัวไม่อยากเก็บเงินไว้ที่ธนาคารอีกแล้ว? แต่ธนาคารแห่งนี้ก็ถือว่าเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุด ไม่ได้ๆ จะปล่อยลูกค้ารายนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด
ผู้จัดการจูรีบโทรหาเฝิงหยู่ แต่ไม่มีคนรับโทรศัพท์ที่บริษัทการค้าไท่หัว ผู้จัดการจูรู้สึกกังวล อาจจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นหรือเปล่า?
แน่นอนว่าไม่มีอุบัติเหตุอะไรทั้งนั้น เงินทั้งหมดถูกเปลี่ยนไปเป็นหุ้นและขนส่งกลับมายังบริษัทการค้าไท่หัวเรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่กลับมาจากธนาคารไอซีบีซี เฝิงหยู่ก็อยู่ที่บริษัทเพื่อนับหุ้นด้วยตัวเอง โดยมีเจ้าหน้าที่การเงิน 2 คนคอยช่วยเหลือเขา และทั้งสามคนก็ทำงานกันจนดึก
ห้องเก็บของขนาดเล็กในบริษทถูกแปรสภาพมาเป็นตู้เซฟ ภายในห้องไม่มีหน้าต่างและเฝิงหยู่ได้ติดตั้งประตูโลหะขนาดใหญ่ 2 บาน ไม่มีทางที่จะเข้าไปในนั้นได้เว้นแต่ว่ามีการระเบิด!
ใบหุ้นถูกแยกออกตามบริษัทและมูลค่า และห่อไว้ในพลาสติกและกระดาษชุบน้ำมันเพื่อป้องกันน้ำหลายชั้น
สำหรับด้านบนสุดของบรรจุภัณฑ์ เฝิงหยู่โรยผงพริกลงไปเพื่อป้องกันหนูมาแทะ ถ้าหนูมาแทะใบหุ้นพวกนี้ เท่ากับว่าพวกมันกินเงินเขาไปด้วยแน่นอน!
เฝิงหยู่เป็นคนเดียวที่ถือกุญแจสำหรับห้องนี้ เฝิงหยู่ตั้งใจจะถือเพียงชั่วคราว เขาจะเก็บหุ้นพวกนี้ไว้เป็นเวลา 2 ปี หลังจากปี 1992 เขาจะขายหุ้นทั้งหมดในตลาดหุ้น
ตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ เฝิงหยู่กินขนมปังไปเพียงนิดหน่อยในตอนบ่ายเท่านั้น เขาดำเนินการแยกและนับใบหุ้นทั้งหมดที่เขาซื้อมาในวันนั้น เฝิงหยู่บิดขี้เกียจและนวดไหล่ของตัวเองที่ปวดอยู่
หุ้นทั้งหมดมี 34 ประเภทและหุ้นมูลค่า 50 หยวนมีมูลค่ารวมทั้งหมด 1,483,050 หยวน หุ้นมูลค่า 1000 หยวนมีมูลค่ารวมทั้งหมด 7,692,400 หยวน และหุ้นมูลค่า 200 หยวนมีมูลค่ารวมทั้งหมด 3,669,800 หยวน โดยมูลค่ารวมทั้งหมดเท่ากับ 12,845,250 หยวน
ในวันนั้น เขาได้กวาดซื้อหุ้นทั้งหมดในเมืองปิงอย่างราบคาบ ซึ่งเรื่องนี้สร้างความตกใจให้กับธนาคารและบริษัทที่ออกหุ้นอย่างมาก
พวกเขาคิดว่าน่าจะมีคนจำนวนไม่มากที่จะซื้อหุ้นของพวกเขาและยังรู้สึกว่าเมืองปิงยังมีความเป็นชนบทอยู่มากเกินไป หุ้นพวกนั้นคงขายไม่ออกจนถึงปีหน้า แล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมหุ้นทั้งหมดถึงถูกขายออกไปหมดละ?
เฝิงหยู่ยังคงรู้สึกไม่พอใจทั้งๆ ที่ได้ใช้เงินไปกว่า 10 ล้านหยวน บริษัทการค้าไท่หัวยังคงมีเงินอยู่อีกมาก เนื่องจากไม่มีหุ้นเหลือให้ซื้อในเมืองปิงแล้ว เขาจึงควรไปเมืองใกล้เคียงอย่างเช่น เมืองจี และเมืองเซิน ถ้ายังมีหุ้นไม่พอ เขาอาจจะไปถึงปักกิ่งหรือเซินเจิ้นเลยก็ได้
การเดินทางเพื่อธุรกิจในเช้าวันรุ่งขึ้น เฝิงหยู่และลูกน้องของเขาขับรถยนต์ 4 คันเพื่อไปที่เมืองเซิน เฝิงหยู่ยกเลิกความคิดที่จะไปโดยรถไฟ เขารู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัย
พวกเขาเดินทางมาถึงเมืองเซินในตอนบ่าย และจัดการซื้อหุ้นทั้งหมดจากธนาคาร 4 แห่ง ในคืนนั้น พวกขพักที่โรงแรมและจะเดินทางต่อในเช้าวันถัดไป
ที่เคาน์เตอร์หลักทรัพย์ในธนาคารแห่งหนึ่ง มีชายสองคนมายืนรอต่อคิวหลังเฝิงหยู่ พวกเขากำลังพูดคุยกันว่าจะซื้อหุ้นอะไรดี พวกเขากำลังคิดว่าจะซื้อหุ้น 2,000 หยวนหรือหุ้น 1,800 หยวนดีทันใดนั้นก็ได้ยินเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาตะโกนพูดว่า “ผมจะซื้อหุ้นทั้งหมดที่มีอยู่ในสาขาคุณ!”
เฝิงหยู่จำไม่ได้ว่าหุ้นตัวไหนที่เพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดหรือหุ้นตัวไหนที่มีผลการดำเนินงานดี แต่เขารู้ว่าเมื่อตลาดหุ้นเริ่มต้นขึ้น หุ้นทั้งหมดก็จะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นในตอนเริ่ม!
เฝิงหยู่ไม่สนว่าจะมีหุ้นประเภทไหนบ้าง เขาแค่อยากซื้อทุกอย่างที่เขาสามารถจ่ายไหวได้
เฝิงหยู่นำกระเป๋าใส่เอกสารสองใบใหญ่ใส่ไว้บนรถและขับต่อไปยังธนาคารถัดไป
ชายสองคนที่กำลังต่อคิวอยู่ด้านหลังเฝิงหยู่ถึงกับพูดไม่ออก ก่อนหน้านี้พวกเขากำลังยืนคุยกันว่าจะซื้อหุ้นอะไรดี แต่มาตอนนี้ไม่มีเหลือแม้แต่หุ้นเดียวให้พวกเขาซื้อแล้ว
พวกเขาไม่เคยเห็นใครมาซื้อหุ้นในรูปแบบนี้มาก่อน เด็กคนนี้ไม่กลัวเสียเงินเลยหรือไง?
ชายสองคนพูดคุยกัน เด็กคนนี้โง่หรือเปล่า? เด็กคนนั้นมาซื้อหุ้นหลายล้านหยวนเลยนะ! ถ้าพวกเขามีเงิน พวกเขาจะไม่ซื้อหุ้น พวกเขาคงเอาเงินฝากธนาคารเพื่อกินดอกเบี้ยดีกว่า
ทุกปี ดอกเบี้ยที่ได้รับอย่างน้อยก็หลายแสนหยวน พวกเขาคงเอาเงินไปใช้ซื้อในสิ่งที่พวกเขาอยากได้ แถมอาจยังมีเงินเหลือด้วยซ้ำ!
แต่ในขณะเดียวกัน สองคนนี้ก็รู้สึกอิจฉาเฝิงหยู่ บางทีเด็กคนนี้คงรวยมาก เพราะเขากล้าที่จะเสี่ยง เนื่องจากเด็กคนนั้นหล้าที่จะซื้อหุ้นแบบนี้ ดังนั้นพวกเขาก็ไม่ควรลังเลที่จะซื้อหุ้นเหมือนกัน ชายทั้งสองคนตัดสินใจไปที่ธนาคารอื่นเพื่อซื้อหุ้น
เจ้าหน้าที่ธนาคารบางคนยังจำหลี่ซื่อเฉียงได้และทักทายเขา พวกเขาได้ยินมาว่าชายคนนี้ร่ำรวยจากการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาล คนนี้ถึงขนาดเดินทางจากเมืองปิงเพื่อมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่นี่ แสดงว่าพันธบัตรรัฐบาลต้องส้รางผลกำไรได้มากแน่ๆ
แต่ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่คาดเดาผิดหมด หลี่ซื่อเฉียงไม่ได้มาที่นี่เพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาล แม้ว่าเขายังมีเงินเหลือจากพันธบัตรรัฐบาล แต่เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นแล้ว ผลตอบแทนที่ได้แตกต่างกันมาก
หลี่ซื่อเฉียงวางสมุดเซ็คของเขาลงบนเคาน์เตอร์ และขอให้เจ้าหน้าที่นำใบหุ้นที่มีทั้งหมดออกมา
ในเมืองเซินมีธนาคารมากกว่าเมืองปิง และมีหุ้นมากกว่าด้วย เฝิงหยู่ใช้เงินที่พกมาด้วยจนหมดและซื้อหุ้นได้เกือบทั้งหมดที่มีอยู่ในเมืองเซิน
เมื่อทุกคนกลับมาที่เมืองปิง พวกเขาก็เริ่มนับใบหุ้นและห่อเอาไว้อย่างระมัดระวัง ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ใช้เงินแบบนี้
เฝิงหยู่รู้สึกพอใจกับผลงานของอู่จื้อกางและพนักงาน ไม่มีใครหยิบเช็คหรือใบหุ้นและวิ่งหนีไป บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาได้จับคู่กันและดูแลทุกอย่างร่วมกันหรือบางทีพวกเขาไม่ได้คิดที่จะทำแบบนั้น หรือบางทีพวกเขาไม่อยากสร้างปัญหาให้กับครอบครัวของตัวเอง
เฝิงหยู่ทำถูกที่ไว้ใจพวกเขา นี่เป็นเพียงขั้นแรกเท่านั้น!
แต่พวกเขาคิดว่างานนี้จบแล้วหรือเปล่า? เฝิงหยู่ซื้อหุ้นมาได้ไม่ถึง 50 ล้านเลยและยังรู้สึกไม่พอใจ ไม่มีเงินเหลือในบัญชีของบริษัทการค้าไท่หัวอีกแล้วหรอ? แต่เฝิงหยู่หาทางออกได้แล้ว!