ตอนที่ 32 ทะลวงระดับรวมธาตุ
หลิงฮันเก็บดาบและพูดด้วยรอยยิ้ม “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เจ้าจะบอกผู้ใดหรือไม่?”
“ไม่เด็ดขาด!” ลิ่วตงและคนอื่นๆรีบส่ายหน้าตอบ
“งั้นก็ดี หากเราทุกคนในที่นี้ไม่พูดอะไร ใครจะรู้กันว่าฮังฉานกับคนติดตามของมันได้ตายลงที่นี่?”หลิงฮันพูด
อย่างไรก็ตาม ลิ่วตงและพรรคพวกของมันไม่สามารถกำจัดความกังวลทิ้งไปได้ เพราะอย่างไรชื่อเสียงของ ‘นิกายหมาป่าหินผา’ นั้นน่ากลัวเกินไป หากวัดจากอำนาจของนิกายแล้ว มันสามารถกำจัดตระกูลของพวกมันทิ้งได้เป็นร้อยครั้ง ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงไม่กล้าอยู่ที่นี่นานนัก พวกมันกลัวว่าหลิงฮันจะสังหารพวกมันเพื่อให้แน่ใจว่าเรื่องนี้จะไม่ถูกแพร่งพรายออกไป ยิ่งกว่านั้นพวกมันแต่ละคนยังครอบครองผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย จึงเพิ่มความกังวลในใจพวกมันขึ้นไปอีก
พวกมันรีบบอกลาหลิงฮันและออกเดินทางหายไปจากสายตาของเขา
สังหารผู้เห็นเหตุการณ์... แน่นอนว่าหลิงฮันไม่ได้มีแผนการอะไรแบบนั้น ด้วยสถานะเจ้าหญิงตระกูลหลิวแห่งเมืองจักรพรรดิของผู้ติดตามตัวน้อยของเขา ตัวตนอันกระจ้อยร่อยอย่างนิกายหมาป่าหินผาจะนับเป็นอันใดได้? ถ้านิกายหมาป่าหินผารู้เข้าว่าฮังฉานกล้ามีความคิดชั่วร้ายต่อหลิวอู๋ตง พวกมันอาจะเป็นคนตัดหัวฮังฉานแทนการขอโทษด้วยตัวเองก็ได้
ในสายตาของแปดตระกูลใหญ่ตัวตนอันกระจ้อยร่อยเช่นนิกายหมาป่าหินผาไม่นับว่าเป็นอันใด
‘ข้าจะกินผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์ไปหนึ่งลูกก่อน เมื่อบรรลุถึงจุดสูงสุดของหลอมกายาขั้นเก้าเมื่อใดค่อยกินอีกลูก’ หลิงฮันคิดในใจ ถึงแม้เขาจะเคยก้าวผ่านจากระดับหลอมกายาไปจนถึงระดับสวรรค์มาก่อนแล้วในชีวิตที่แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเลื่อนขั้นสองขั้นได้อย่างง่ายๆ
นั่นเพราะว่านอกจากเรื่องที่ต้องสั่งสมความเข้าใจในระดับของตัวเองแล้ว การจะทะลวงคอขวดได้จำเป็นต้องใช้พลังงานจำนวนมหาศาลในการสนับสนุน
แล้วพลังงานที่ว่ามาจากที่ไหนกัน?
สมุนไพร เม็ดยา วัตถุดิบที่ได้จากสัตว์อสูร ทรัพยากรจากธรรมชาติเองก็สามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานได้เช่นกัน แต่โชคร้ายของต่างๆที่ว่ามานี้หาพบได้ยากและไม่สามารถได้รับมาง่ายๆ
นั่นคือเหตุผลที่ยิ่งจอมยุทธมีระดับสูงขึ้นก็ยิ่งทะลวงผ่านได้ยากขึ้น หากจอมยุทธไม่ได้รับการสนับสนุนจากสิ่งเหล่านี้ในการช่วยเติมเต็มพลังงานในการทะลวงระดับ สิ่งเดียวที่สามารถทำได้คือต้องสั่งสมพลังงานที่จำเป็นในการทะลวงระดับด้วยตนเองอย่างช้าๆ ซึ่งบางคนอาจจะต้องระเบิดตายเพราะสะสมพลังงานไว้มากเกินไป
ถ้าเขาไม่มีผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์ หลิงฮันอาจจะต้องใช้เวลาในการสั่งสมพลังงานประมานสิบกว่าวันเพื่อให้พลังปราณก่อเกิดเพิ่มไปถึงจุดสูงสุดของหลอมกายาขั้นเก้า และจากนั้นจึงค่อยทะลวงผ่านระดับรวมธาตุด้วยการระเบิดพลังงานออกมา แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้ต่างออกไป เมื่อต้องพบกับกำแพงระหว่างระดับหลอมกายาและระดับรวมธาตุ หลิงฮันแค่กินผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์เข้าไปมันจะช่วยให้การทะลวงราบลื่นขึ้นมาก
หลิงฮันค้นของมีค่าจากร่างของฮังฉานและอาวุโสอู่
เพราะว่าทั้งสองคนอยู่ระหว่างการเดินทางจึงไม่ได้พกของมีค่ามามากนัก สิ่งที่ค้นเจอมีเพียงเงินจำนวนหนึ่งและหนังสือทักษะลับ
เงินที่ค้นเจอรวมแล้วได้ประมาณหนึ่งแสนเหรียญซึ่งไม่นับว่าเป็นเงินจำนวนน้อยๆ ส่วนหนังสือที่พบมีอักษรเขียนเอาไว้ว่า ‘ทักษะระเบิดปราณ’ โดยเป็นทักษะที่ค่อนข้างพิเศษ มันสามารถทำให้จอมยุทธปล่อยปราณก่อเกิดไปยังอะไรก็ได้บางอย่างและมันจะระเบิดออกมา การป้องกันทักษะเช่นนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก
อาวุโสอู่คงเพิ่งจะได้รับทักษะลับนี้มาด้วยตนเองและยังไม่ทันจะได้เริ่มฝึกฝนมัน ไม่เช่นนั้นหากหลิวอู๋ตงถูกการโจมตีแบบนี้เข้าระหว่างการต่อสู้โดยที่ไม่ระวังตัวแล้วล่ะก็ นางคงจะได้รับความเสียหายพอสมควร
พวกเขาทั้งสองเดินไปยังสถานที่ใหม่ เพราะอย่างไรในที่เก่าก็มีร่างของคนตายอยู่ถึงสองร่าง เพียงแค่มองไปยังศพพวกนั้นก็ทำให้เสียบรรยากาศแล้ว
หลิงฮันนั่งลงในท่าขัดสมาธิ นำผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์ออกมาล้างด้วยน้ำสะอาดเล็กน้อย และรีบกินมันเข้าไปด้วยการกัดคำใหญ่
มันช่างสมกับชื่อของผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์จริงๆ ถึงแม้ระดับของมันจะไม่นับว่าสูงแต่ก็ยังมีความอร่อยเป็นอย่างมาก หลิงฮันกินเสร็จด้วยการกัดไม่กี่คำ เขารู้สึกยังไม่พอและอยากจะเอาอีกลูกออกมากินต่อ
ความรีบหยุดความคิดนั่นทันที และรอให้ผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์ออกฤทธิ์อย่างเงียบๆ
ในเวลาไม่นาน ผลลัพธ์ของสมุนไพรที่รุนแรงและเข้มข้นก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมาและกลายเป็นพลังงานเล็กๆนับไม่ถ้วนไหลเข้าไปยังกระแสเลือดและแพร่กระจายไปทั่วร่างกายของเขา
หลิงฮันโคจรทักษะห้าธาตุสวรรค์ รากฐานวิญญาณในตันเถียนของเขาส่องแสงราวกับดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ที่คอยชี้นำให้ผลลัพธ์ของสมุนไพรหล่อเลี้ยงไปทั่วกล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นเลือดทุกๆเส้นในร่างของเขา
ด้วยความเร็วในการบ่มเพาะที่รวดเร็วของเขา ก่อนที่จะกินผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์เข้าเข้าได้บรรลุไปยังขั้นเจ็ดระดับกลางแล้ว และตอนนี้เขาได้รับการช่วยเหลือจากผลจิตวิญญาณ ความเร็วของเขาจึงน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก
หลอมกายาขั้นเจ็ดระดับปลาย... หลอมกายาขั้นเจ็ดระดับสูงสุด!
เขาที่เก็บสั่งสมปราณก่อเกิดไว้ ได้ระเบิดมันออกมาในอึดใจเดียวและทะลวงไปยังหลอมกายาระดับแปด ในตอนนี้ฤทธิ์ของผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์ยังไม่หมดไปอย่างสมบูรณ์ มันยังคงช่วยให้เขาเพิ่มระดับพลังบ่มเพาะอยู่อย่างต่อเนื่อง และเมื่อพลังของหลิงฮันเพิ่มไปถึงหลอมกายาขั้นแปดระดับกลางฤทธิ์ของมันก็หมดลง
‘ยอดมาก มันช่วยย่นเวลาให้ข้าประมาณหกวัน’
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ความคิดหนึ่งได้เกิดขึ้นในใจของหลิวอู๋ตง... นี่เป็นครั้งแรกที่นางไม่ตกตะลึงเพราะความเร็วในการบ่มเพาะของหลิงฮัน เพราะอย่างไรครั้งนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องปรกติ เนื่องจากเขากินผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์เข้าไป
ทั้งสองคนออกเดินทางต่อไปยังรอบๆภูเขา หลิงฮันขัดเกลาทักษะดาบของเขาอย่างต่อเนื่อง เขาคาดหวังให้สามารถสร้างปราณดาบเล่มที่สามขึ้นมาให้ได้ก่อนทะลวงไปยังระดับรวมธาตุ
หลังจากนั้นอีกแปดวัน หลิงฮันได้บรรลุถึงหลอมกายาขั้นแปดระดับสูงสุด เมื่อสั่งสมปราณก่อเกิดได้ครบภายในหนึ่งคืนเขาก็เริ่มทะลวงเข้าสู่หลอมกายาขั้นเก้า เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า เขาลุกขึ้นยืนและได้ปรากฎรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก
ระดับหลอมกายาขั้นเก้า
‘ยอมเยี่ยม ข้าต้องใช้อีกประมาณเก้าวันในการบรรลุถึงหลอมกายาขั้นเก้าระดับสูงสุด ในตอนนั้นข้าจะกินผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์ลูกที่สองและทะลวงผ่านระดับรวมธาตุในอึดใจเดียว!’
หลิวอู๋ตงได้ชินกับเหตุการณ์แบบนี้แล้ว ถึงแม้หลิงฮันจะทะลวงผ่านระดับรวมธาตุในวันรุ่งขึ้นนางก็คงไม่รู้สึกประหลาดใจอะไรอะไรมากนัก ไม่อย่างนั้นหากนางต้องตกใจทุกครั้งเมื่อหลิงฮันทำอะไรบางอย่าง นางอาจจะต้องตายก่อนเวลาอันควรก็ได้
สิบวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว และก็อย่างที่หลิงหันคาดการณ์ไว้ เขาอยู่ในหลอมกายาขั้นเก้าระดับสูงสุดแล้ว
เขาหยิบผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์ออกมาและยิ้ม “วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ข้าจะอยู่ในระดับหลอมกายา... เฮ้อ มันช่างยาวนานเสียจริง!”
หลิวอู๋ตงอดไม่ได้ที่จะกรอกตามองบน นางอยู่ข้างกายหลิงฮันมาตลอดตั้งแต่เขาอยู่ระดับหลอมกายาขั้นสอง มันเป็นเวลาเพียงกี่วันกัน? หนึ่งเดือน...เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น! นี่น่ะเหรอ ‘ยาวนาน’ ของเจ้า? แต่เมื่อนางนึกถึงเรื่องที่หลิงฮันได้ติดอยู่ในระดับหลอมกายาขั้นสองมาหลายปีแล้ว ความรู้สึกอันยาวนานของเขาก็นับว่าสมเหตุสมผลอยู่
นางเริ่มบ่มเพาะตั้งแต่อายุสิบสามปี และบรรลุถึงระดับหลอมกายาเมื่อตอนอายุสิบสี่ปี หากดูเพียงแค่จุดนี้ก็ยับว่าความก้าวหน้าของนางเร็วกว่ามากเมื่อเทียบกับหลิงฮัน
หลังจากที่หลิงฮันกลืนผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์เข้าไป เขาก็เริ่มทะลวงผ่านระดับรวมธาตุ
เขาไม่ได้เร่งรีบอะไรมากนัก และเริ่มจากรวบรวบฤทธิ์ของสมุนไพรไว้ภายในร่าง
โดยปรกติ เมื่อจอมยุทธกำลังจะทำการทะลวงระดับ ถึงแม้จะมีการสนับสนุนของสมุนไพรหรือเม็ดยาก็ตาม พวกเขาก็ยังจำเป็นต้องโจมตีกำแพงที่กั้นไว้ซ้ำไปซ้ำมาให้กำแพงอ่อนแรงลงจนสามารถทะลวงมันไปได้ อย่างไรก็ตามหลิงฮันมีความมั่นใจมาก ว่าถ้าหากเขาสั่งสมพลังปราณมากเพียงพอ เขาจะสามารถทะลวงกำแพงได้ในการพยายามเพียงครั้งเดียว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ร่างของเขาเต็มไปด้วยพลังปราณก่อเกิด และรู้สึกราวกับร่างทั้งร่างได้ขยายใหญ่ขึ้น
‘ใกล้จะเพียงพอแล้ว’ หลิงฮันคิดในใจ
‘สิ่งที่เหลืออยู่คือชี้นำให้พลังอันไร้สิ้นสุดไหลไปยังตันเถียนและทะลวงกำแพง’
ระดับหลอมกายาหมายถึงการสะสมพลังไปยังทุกๆส่วนของเลือดและกล้ามเนื้อ ส่วนระดับรวมธาตุหมายถึงการเปิดตันเถียนและสร้างช่องว่างมิติขึ้นภายในร่างกาย
ทุกๆคนจะครอบครองจักรวาลเล็กๆ หรือโลกใบเล็กนี้อยู่ในร่างกายของพวกเขา แต่สำหรับจอมยุทธแล้วโลกใบเล็กนี้จะมาอยู่ในตันเถียนแทน
“ตูม!”
ด้วยการโจมตีอันรุนแรงของพลังปราณ ได้เกิดรอยแยกขึ้นในตันเถียนของเขา สำหรับคนอื่นแล้วการที่จะทะลวงกำแพงตันเถียนนั้นต้องใช้การโจมตีอย่างต่อเนื่องของพลังปราณเพื่อทำให้รอยแยกขยายใหญ่ขึ้น แต่สำหรับหลิงฮันนั้นต่างออกไป พลังปราณที่เขาสั่งสมไว้มากพอที่จะทำให้เขาทะลวงกำแพงนั่นได้ในทันที
การเปิดตันเถียนเป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น ขั้นตอนต่อไปคือส่วนที่สำคัญที่สุด
นั่นคือการควบแน่นปราณก่อเกิดให้กลายเป็นเมล็ดก่อเกิดซึ่งเป็นแกนกลางของตันเถียน
ขั้นตอนนี้ก็เหมือนการใส่เครื่องยนต์ลงไปในตันเถียน หากสั่งให้เมล็ดก่อเกิดโคจรด้วยความเร็วสูงภายในตันเถียน จะทำให้สามารถสร้างพลังปราณที่สามารถปลดปล่อยการโจมตีอันรุนแรงได้
ทำไมจอมยุทธระดับรวมธาตุจึงสามารถจัดการจอมยุทธระดับหลอมกายาได้อย่างง่ายดาย?
นั่นเป็นเพราะเมื่อเมล็ดก่อเกิดในตันเถียนถูกสร้างขึ้นมาแล้ว พลังปราณจะทะลักออกมาจากมันราวกับน้ำท่วม ต่อให้จอมยุทธทั้งสองมีปราณก่อเกิดเท่ากัน แต่คนที่สร้างเมล็ดก่อเกิดขึ้นมาแล้วจะรวดเร็วและโจมตีได้แรงกว่า ทำให้ได้เปรียบคู่ต่อสู้
**ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ**