บทที่ 3 สิ่งที่ได้รับตอบแทน
หลังจากการพูดคุยคุณยายได้ปรบมือขึ้นทุกคนมองไปที่เธอ หน้าของคุณยายเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ คนที่รู้จักคุณยายดีจะรู้เลยว่าคุณยายจะต้องมีข่าวมาประกาศแน่ๆและต้องมีคนใดคนนึงที่ทำให้เธอพอใจ
“ผลการทดสอบของฉิงเชนได้ออกมาแล้ว”คุณยายกล่าวออกมาด้วยความยินดี
การเลือกงานของคน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือหนึ่งในนั้นที่คนทั่วๆไปชอบทำคือ นักรบ ทุกคนไม่ว่าใครก็ตามสามารถสมัครได้หมด อีกหนึ่งงานคือ นักเวทย์ จะเป็นได้แค่เฉพาะ คนที่มีพลังจิตเท่านั้น โดยปกติแล้วจะมีแค่ 1 ใน หมื่นคนที่ถูกเลือกให้เป็น
ถ้าจะให้บอกความแตกต่าง ระหว่าง นักเวทย์กับนักรบ มันมีเยอะมากมากพอๆกับความแตกต่างระหว่าง นักรบ ที่ผ่านการเลื่อนระดับครั้งที่2 กับนักรบที่ผ่านการเลื่อนระดับครั้งที่1 หรือ นักรบที่ผ่านการเลื่อนระดับครั้งที่3 กับ นักรบที่ผ่านการเลื่อนระดับครั้งที่2 นักเวทย์เปรียบเสมือน เครื่องสังหาร ที่เกิดมาเพื่ออยู่เหนือทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้
เมื่อนานมาแล้วตอนฟางซินเจี้ยนเด็กๆ เขาได้ผ่านการทดสอบมาเหมือนกัน แต่น่าเสียดาย เขาไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรที่จะเป็นนักเวทย์ได้
พอได้ยินคุณยายพูดว่า ผลการทดสอบของฉิงเชนออกมาแล้ว พร้อมกับการแสดงออกทางสีหน้าของคุณยาย ทำให้ทุกคนรู้สึกครุ่นคิด ลุ้นว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
การทดสอบการเป็นนักเวทย์นั้นจะมีการทดสอบสภาพจิตใจ ทดสอบทางกายภาพ ทดสอบพลังจิต และอีกหลายอย่างมากมาย ผลการทดสอบจะบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าคุณมีศักยภาพ ความสามารถที่จะเป็นนักเวทย์หรือไม่
ทุกคนต่างลุ้นกับผลที่คุณยายจะประกาศคุณยายยิ้มและมองไปที่ ฟางฉิงเชน
“ดูเหมือนว่าในตระกูลฟางของเรากำลังจะมีนักเวทย์แล้วล่ะ ผลของการทดสอบ บอกว่า ฉิงเชน มีความสามารถที่จะเป็น นักเวทย์ในชุดคลุมสีแดง” คุณยายกล้าด้วยความยินดี
“ห้ะ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน” สีหน้าของป้าสองซีดลงในทันที เพราะเธอรู้ว่า มันคงไม่มีทางแล้วที่เธอจะเหนือกว่าป้าสาม
ป้าสามร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ “ฮ่าฮ่าฮ่า ชุดคลุมสีแดง ความสามารถที่จะได้เป็น นักเวทย์ในชุดคลุมสีแดง! ลูกชายฉันคือ นักเวทย์ในชุดคลุมสีแดง!”
“นักเวทย์ หื้ม…” หลังจากช๊อคไปแป๊ปนึง ลุงสามก้พูดว่า “ลูกชายของฉันมีความสามารถที่จะเป็น นักเวทย์หรอเนี่ย ลูกชายฉันกำลังจะได้เป็นนักเวทย์! แล้วฉันก้กำลังจะเป็นพ่อของนักเวทย์! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ป้าสามและลุงสามกล่าวออกมาด้วยความยินดีพร้อมหัวเราะในความโชคดีของตนเองที่ลูกชายเพียงคนเดียวได้เป็นนักเวทย์คนเดียวในตละกูล
คุณยายมองไปที่ ฟางฉิงเชน ที่กำลังงงๆอยู่ตอนนี้ ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรยังไง
"ฉิงเชน ยายได้ลงชื่อสมัครให้เจ้าแล้วนะกับทางสำนักนักเวทย์ เจ้าต้องตั้งใจฝึกฝนมากๆ เพื่อที่จะเลือกสายเวทย์ที่ดีในอนาคต"คุณยายพูดขึ้น
เป็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์ปะปนกันด้วยความงุนงงตั้งแต่อารมณ์คู่แข่ง ความอิจฉาริษยา จนไปถึงความตื่นเต้นดีใจปะปนกันไปทุกอารมณ์ล้วนพุ่งตรงไปยังเจ้าตัวเล็ก ฉิงเชน เขาจึงเป็นจุดสนใจในขณะนี้
มีสีหน้าปราบปลื้มดีใจของหนุ่มน้อยแสดงออกมา และค่อยๆหายไปพร้อมกับเจ้าตัวที่กำลังเดินออกไปจากห้องโถง
“เจ้านายน้อยมีความสามารถที่จะได้เป็นนักเวทย์ ผลการทดสอบบอกว่า เจ้านายน้อย มีความสามารถที่จะได้เป็นนักเวทย์”
“มันคือเรื่องจริงหรอ ดูเหมือนว่า ตระกูลฟางของเราจะได้มีโอกาสขึ้นมาเฉิดฉายอีกครั้ง ในท่ามกลางเหล่าตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทั้งห้าตระกูล”
ระหว่างเดินกลับห้อง ฟางฉิงเชน ได้ยินเสียงคนรับใช้คุยกันในตอนนี้ข่าวที่ว่าฉิงเชนมีความสามารถที่จะได้เป็นนักเวทย์ ได้แพร่กระจายไปทั่วแล้วแต่ก้คงยังมีพวที่จ้องมอง ฉิงเชน เวลาเดินผ่าน
คุณยายก็ยังคงรักเจ้าหลานชายฟางฉิงเชนคนนี้มากเสมอมา และตอนนี้ความสามารถของเขาที่จะได้เป็นนักเวทย์ก็ถูกเปิดเผยออกมาทำให้ชิวิตของฟางซิงเจี้ย ซึ่งเป็นหลานที่คุณยายไม่ค่อยชอบยิ่งแย่ไปกว่าเดิม
ฟางซิงเจี้ยน รู้สึกสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง ทั้งๆที่เขาก้รู้สึกดีใจด้วย กับเจ้าน้องชายคนเล็กที่มีความสามารถที่จะได้เป็นนักเวทย์ และดีใจด้วยที่ตระกูลฟางจะได้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง แต่เขาก้ยังรู้สึก ขมขื่น อิจฉาริษาไปพร้อมๆกัน
“ทำไมกัน ทำไมไม่ใช่เราที่มีความสามารถนั้น”
“ถ้าเรามีความสามารถแบบนั้นบ้าง คุณยายก้คงจะรักเรา ใช่มั้ย”
ฟางซิงเจี้ยน ที่ยังอยู่ในอาการมึนงง เข้าเดินโดยไม่รู้ตัวเข้าไปใน สวนไม้ไผ่หลังบ้าน จนไม่สามารถเห็นพวกคนใช้ ราวกับว่าเขากำลังเข้าไปอยู่ในอีกโลกนึง
หลังจากนั้นไม่นาน เขาได้ยินเสียงเพลงเศร้าดังขึ้น
พอได้ยินเสียงเพลงนี้ ฟางซิงเจี้ยน รู้สึกถึงความโดดเดี่ยว เดียวดาย เจ็บแสบในหัวใจ ราวกับว่า เลือดของเขากำลังหยุดไหลเวียนและชีวิตของเขาก้กำลังจะมืดมน และเศร้าหมอง ตลอดไป
อย่างไรก้ตาม เขาคือคนที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนัก เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทั้งหมด จนได้อยู่ในเลเวล 9 ซึ่งในเร็วๆนี้เขากำลังจะได้รับการเลื่อนระดับครั้งแรกโดยเขาจะได้พัฒนาทักษะทางกายภาพ เขารีบหันหน้าไปยังที่มาของเสียงเพลงนั้นทันที เขาเห็นชายในเงามืดยืนอยู่ห่างจากเขาสิบเมตรออกไป
ผู้ชายคนที่อยู่ในเงามืด ดูเหมือนจะมองไม่ชัดและตรงที่ชายคนนี้ยืนมีหมอกดำหลายๆชั้นปกคลุมเขาอยู่ราวกับว่ เขาเป็นปีศาจที่มาจากขุมนรก
“เจ้าเป็นใคร เจ้ากล้าดียังไงที่บุกเข้ามาในอนาเขตของตระกูลฟาง”
ฟางซิงเจี้ยนจงใจตะโกนออกไปสุดเสียงเพื่อให้คนในบ้านได้ยิน เพราะเขารู้ว่าคนต้องหน้าต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนที่สามารถเข้ามาในเขตตละกูลฟาง โดยที่ไม่มีใครรับรู้เลย
หลังจากที่ฟางซินเจี้ยนตะโกน ผู้ชายคนนั้นก้พุ่งตรงมาที่เขาเลยทันใดนั้นเองก็มีไฟม่วง พุงเข้ามาหาฟางซิงเจี้ยนอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกถึงความร้อนแรนของไฟม่วงที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเรือนร่าง เขาร้องไห้ออกมาด้วยความทรมาน
“โอ้ยยยยยยยยยยย”
“เจ้านายน้อยครับ เจ้านายน้อยยยยยย” เสียงคนรับใช้วิ่งเข้ามาดู
ฟางซิงเจี้ยนลืมตาขึ้นมาและพบว่าคนใช้ของเขายืนอยู่ข้างหน้าเรียกเขาอยู่
ป่าไม้ไผ่ยังคงอยู่ข้างหน้าเขา และผู้ชายในเงามืดได้หายไปแล้วมันเหมือนกับว่าทุกๆอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นไป เป็นแค่ภาพลวงตา
“พวกเจ้าเห็นผู้ชายในเงามือมืดมั้ย แล้วเห็นไฟสีม่วงมั้ย”เขามองไปที่คนรับใช้และถามขึ้น
“ไหนครับ ผู้ชายคนไหนไฟม่วงอะไรหรอครับ เจ้านายน้อยครับท่านยืนอยู่ตรงนี้แค่คนเดียวนะครับ” คนรับใช้ทำหน้าเหวอไปชั่วขณะ และมองไปที่ฟางซิงเจี้ยนด้วยความประหลาดใจ
"ท่านยายให้มาตามไปพบที่ห้องโถงของบรรพบุรุษครับ"คนรับใช้พูดค่อ
"ภาพลวงตางั้นหรอ" ฟางซิงเจี้ยนส่ายหัวยังคงคิดไม่ออกและยังงุนงงกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ตอนนี้ทำได้แค่เก็บไว้ในใจก่อน
“คุณยายเรียกให้ฉันไปพบที่ห้องโถงหรอ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”เขาตอบกลับ
หลังจากนั้นเขาก้มุ่งหน้าไปที่ห้องโถงบรรพบุรุษทันที โดยที่ไม่รู้ตัวว่ามีรอยสักสีม่วงเล็กๆติดอยู่ที่หลังคอของเขา
ฟางซิงเจี้ยน ก้มหัวลงและเดิยเข้าไปในห้องโถงอย่างสุภาพ คณยายยืนอยู่กลางห้องโถง สายตาของเธอมองไปที่แผ่นจารึกภาพประวัติศาสตร์
เวลาที่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ได้รับชื่อเสียงมาเขาก้จะแขวนรูปเชื้อสายวงศ์ตระกูลไว้ในห้องบรรพบุรุษ ตระกูลฟางก้เช่นกัน
สำหรับรุ่นบรรพบุรุษก่อนหน้านี้ มีการลดลงของสมาชิกในตระกูลฟางที่อยู่ในห้องโถงบรรพบุรุษนี้ ส่วนเถ้าถ่านของบรรพบุรุษแห่งตระกูลฟางได้ถูกเก็บไว้ในห้องเมรุข้างๆในห้องนั้นได้มี เถ้าถ่านของแม่ ฟางซิงเจี้ยนอยู่ด้วย
คุณยายได้แสดงสีหน้าที่ดูสับสนออกมา คุณยาย ลี เฉียงหัว มองไปที่แผ่นจารึก ที่เขียนชื่อไว้ว่า ฟางหยูรู (แม่ของฟาง ซิงเจี้ยน)เสียงฝีเท้าของซิงเจี้ยนที่กำลังเดินเข้ามาดังขึ้น คุณยายไม่ได้หันกลับไปมอง
“เจ้ากำลังได้เลื่อนระดับครั้งที่ 1 เร็วๆนี้ใช่มั้ย”คุณยายพูดขึ้น
“ใช่ครับ ผมอยู่ที่ระดับ 9 มาได้เดือนนึงแล้วครับ”
“เจ้ามีแผนว่าอย่างไร จะทำอะไรต่อ?”คุณยายพยักหน้ารับและถามต่อ
“ผมมีแผนที่จะไปสมัครเรียนที่โรงเรียนอันดับต้นๆชื่อว่าโรงเรียน ภูเขาสีฟ้า ครับ”ฟาง ซิงเจี้ยน ตอบกลับคุณยายอย่างสุภาพ
โรงเรียนภูเขาสีฟ้าคือโรงเรียนของนักรบที่อยู่ภายใต้การดูแลของเหล่าทหาร มีการอบรมที่พิเศษโดยเหล่านักรบที่มีความโดดเด่นจากมนุษย์
“เจ้ายังไม่ได้เตรียมตราเวทย์สำหรับการเลื่อนระดับครั้งแรกใช่มั้ย ฉันจะได้ให้คนไปเอาเงินมาให้เจ้า 1ล้านบาท เจ้าจะได้เอาไปซื้อปีศาจดุร้ายที่ตลาดและเอาไปใช้ในการเลื่อนระดับครั้งนี้โดยเร็ว”คุณยายพูดขึ้นมาในทันที
หลังจากได้ยินคำพูดของคุณยาย ฟาง ซิงเจี้ยนรู้สึกประหลาดใจมากเขาแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยิน
ในเมืองอสูรปีศาจขั้นตอนการเลื่อนระดับนั้นขึ้นอยู่กับตราเวทย์และบางตราเวทย์ต้องได้มาจากการสกัดของส่วนสำคัญของพวกเหล่าปีศาจร้ายที่มาจากโลกอื่น
ที่ผ่านมา ฟาง ซิงเจี้ยน พยายามที่จะหาทางกำจัดเจ้าเหล่าปีศาจร้ายอยู่ และเขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับคุณยา ที่ไม่เคยเอาใจใส่เขามาก่อนว่าจะช่วยเขาในครั้งนี้
อย่างไรก้ตา ก่อนที่ความรู้สึกประหลาดใจนี้จะจางหายไปคุณยายยังพูดอีกว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องไปที่โรงเรียนภูเขาฟ้าแล้วฉันได้ติดต่อกับสำนักเวทย์ให้ ฉิงเชน ไว้เพราะฉะนั้นหลังจากที่เจ้าได้เลื่อนระดับขั้นที่ 1 แล้ว เจ้าจงไปฝึกที่สำนักเวทย์เป็นเพื่อนฉิงเชน”
ฟาง ซิงเจี้ยน ถึงกับตกตะลึงจนถึงที่สุดเขาไม่เคนตาดฝันว่าจะได้ไปเรียนที่สำนักเวทย์
“สำนักเวทย์”ฟาง ซินเจี้ยนแทบพูดไม่ออก
“ก่อนที่นักเวทย์จะได้ผ่านการเลื่อนระดับครั้งที่ 1 เขายังคงอ่อนแออยู่ฉันมีความคิดที่ว่า เจ้าและน้องชายเจ้าน่าจะไปด้วยกันได้ดี ฉันจึงอยากให้เจ้าเป็นคนดูแลน้องเจ้า เจ้าคือพี่ชายคนโตและเจ้าต้องดูแลเขาให้ดีในสำนักเวทย์”คุณยายพูดออกมา
ฟาง ซิงเจี้ยน ไม่ได้ฟังคำพูดของคุณยายอีกต่อไป คำว่า “ดูแล” ยังคงดังกล้องไปในหัวของเขา
การเป็นผู้ดูแลนักเวทย์ คือคำสุภาพที่ใช้เรียก แต่อีกชื่อนึงก้คือ ทาสนักเวทย์ มันคือศาสตร์ด้านมืด ที่นักเวทย์สร้างคนขึ้นมาให้อุทิศทั้งชีวิตให้กับเขา ทาสนักเวทย์จะต้องอยู่ในคำสาปนี้ตลอดไปและเวลาที่นักเวทย์ได้รับความเจ็บปวดมันจะส่งผลกระทบไปยังทาสนักเวทย์ด้วย
อย่างไรก้ตาม การที่จะเป็นทาสนักเวทย์ได้มันต้องมีคุณสมบัติหลายๆอย่าง ไม่ใช่คนที่มีดีแค่ด้านกายภาพที่ดี ด้านสติปัญญาอันชาญฉลาดแล้วถึงจะเป็นได้ แต่ยังต้องมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดด้วย ฟาง ซิงเจี้ยน กับ ฟาง ฉิงเชน คือตัวอย่างที่ดี
ฟาง ซิงเจี้ยนได้ใช้ความพยายามของเขาทุกอย่าง ฝึกฝนหนักมากมาเป็นปีๆสุดท้ายต้องมาจบลงที่การเป็นแค่หมากตัวนึงที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ลูกพี่ลูกน้อง ฟาง ฉิงเชนเท่านั้น
ฟาง ซิงเจี้ยน หัวเราะฝืนๆออกมา
“คุณยายม่เคยสนใจผมเลย ตั้งแต่ตอนที่ผมเป็นเด็กๆแล้ว ตอนที่ผมอายุ 6ขวบ ผมเป็นไข้ เกือบจะตายไปแล้ว ใครคือคนที่ช่วยชีวิตผมรู้มั้ย คือ ลุงสองที่พาผมไปโรงพยาบาล ยายไม่ได้แม้แต่จะมองมาที่ผมเลยด้วยซ้ำ!”
“หลายปีที่ผ่านมานี้ เงินเดือนของผมต้องลดลง เพราะป้าสอง และผมก้ถูกบังคับโดยป้าสามให้ทำงานให้ป้าเขา พวกกิจวัตรประจำวันของตระกูลทั้งหมด ผมต้องทำทุกอย่างนี้หมดเลย ในขณะที่ ยายทำเป็นมองไม่เห็นไม่ใส่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างที่ผ่านมา!”
“พอมาตอนนี้ ฉิงเชนมีความสามารถที่จะได้เป็นนักเวทย์ ผมก้ดีใจกับน้องด้วยจริงๆ แต่ยายจะให้ผมไปเป็นทาสนักเวทย์เนี่ยนะ”
“คุณยายครับ มีแค่คำถามเดียวที่ผมอยากจะถาม ยายเคยมองผมเป็นหลานชายของคุณยายบ้างไหม”ฟางซินเจี้ยนที่เจอกับเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาตลอดชีวิตและต้องเจอกับคำพูดของคุณยายที่ตนเองรักมากที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำมาต้องจบลงที่การเป็นทาสของน้องตัวเอง ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจเขาจึงตัดสินใจพูดความในใจออกมาทั้งหมด
“เจ้าลูกนอกสมรส” คุณยายได้ตบไปที่หน้าของซิงเจี้ยนและมองความดื้อรันของเขา
“นี่คือวิธีที่เจ้าใช้พูดกับผู้ใหญ่หรอ”ยายถามด้วยความโมโหว่า
“ถ้าคุณเอาใจใส่ ดูแลผมแบบหลานชายสุดที่รักผมก็จะพูดกับคุณด้วยความเคารพคุณเหมือนคุณยายของผม แต่ถ้าคุณไม่แม้แต่กระทั้งดูแลผมแบบมนุษย์คนนึงไม่ต้องสงสัยเลยผมไม่มีทางที่จะเคารพคุณอย่างแน่นอน” ฟาง ซินเจี้ยนพูดพร้อมมองไปที่คุณยาย
“ผมจะไปเข้าเรียนที่โรงเรียนภูเขาฟ้าอย่างแน่นอนถึงแม้ว่า ฟาง ฉิงเชน จะเป็นน้องชายของผม แต่ผมจะไม่ถวายชีวิตของผมแล้วไปเป็นทาสของเขาอย่างแน่นอน”ฟาง ซิงเจี้ยน พูดประกาศออกไปอย่างกล้าหาญ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าเป็นคนตัดสินใจคนในครอบครัวนี้ไปแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ ห๊ะ” คุณยายหัวเราะออกมา
“เวลาที่พวกเด็กๆไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับที่แบบไหนมันเป็นไปโดยธรรมชาติที่พวกผู้ใหญ่จะตัดสินใจแทนชีวิตของเจ้างั้นหรอ ตั้งแต่ที่เจ้าเกิดมาเจ้าก้คือคนของตระกูลฟางเจ้าเติบโตกินอาหารของตระกูลฟางมาโดยตลอดถ้ามันไม่ใช่เพราะฉันเจ้าคงตายข้างถนนไปแล้วแล้วตอนนี้ชีวิตของเจ้าเป็นยังไงไหนตอบสิ๊”คุณยายตอบกลับด้วยความโกรธ
“ผมจะไม่ไปเด็ดขาด” ฟาง ซิงเจี้ยนยังคนยืนกรานกับคำปฎิเสธ “ถึงแม้ว่าผมจะตาย ผมก้จะไม่มีทางไปเป็นทาสนักเวทย์โดยเด็ดขาด”เขายังคงไม่ยอม
จู่ๆก็เกิดลมอันเยือกเย็นที่ออกมา คุณยายหมุนฝามือแล้วส่งลมหมุนไปที่ ฟาง ซิงเจี้ยนความแรงของพายุทำให้เขาต้องคุกเข่าลง
“ชีวิตเจ้าได้ให้ฉันมาแล้ว เจ้าต้องใช้ชีวิตตามแบบในตระกูลฟางและเมื่อเจ้าตายวิญญาณของเจ้าจะไปอยู่กับเหล่าวิณญาณของวงศ์ตระกูลเจ้าไม่สามารถมีความคิดสวยหรู ที่คิดเกี่ยวกับเรื่องขยะๆพวกนี้ได้”
“ฉิงเชน คือความหวังของตระกูลเราและเจ้าจะต้องไปเป็นเงาของเขาปกป้องเขาชั่วชีวิต ถึงแม้ว่าเจ้าจะต้องตายก้ตาม”คุณตะโกนออกมา
“จะไม่มีใครต้องตายเพื่อใครทั้งนั้นครับคุณยาย” ฟาง ซิงเจี้ยนตะโกน “ตั้งแต่ที่ยายอยากให้ผมไปเป็นทาสนักเวทย์แปลว่ายายไม่ได้มองผมแบบหลานชายเลยดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะไม่นับถือคุณเป็นยายของผมอีก” ฟางซินเจี้ยนหมดความอดทนลงในที่สุด เขาไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้จริงๆ
คุณยายโมโหและเกรี้ยวกราดมากหน้าของคุณยายซีดและสายตาของเธอที่ดูเย็นฃาราวกับว่า จะแช่สิ่งรอบตัวให้แข็งไปหมด เธอมองไปที่แผ่นจารึกข้างหลังเธอและพูดด้วยความโมโหว่า "ฟาง หยูรู ดูสะนี่คือลูกนอกสมรสที่เจ้าให้มันเกิดมาเขาไร้ซึ่งยางอา และปฎิเสธความเป็นครอบครัว เหมือนเจ้าเลยเมื่อก่อนไม่มีผิด"
“หยุดพูดในสิ่งที่ไม่ดีเกี่ยวกับแม่ผมเดี๋ยวนี้นะ” ฟาง ซิงเจี้ยนหน้าแดงกล่ำ กล้ามเนื้อของเขาเริ่มที่จะสั่นตอนที่เขาพยายามจะลุกขึ้นยืน
แต่พลังอำนาจของคนที่อยู่ในระดับ 30 แล้วนั้น ไม่ใช่อะไรที่เขาจะต่อสู้ได้เลย เขาได้ยินยายพ่นควันออกจมูก และด้วยความกดอากาศที่ออกมานั้น ทำให้เขานอนแนบนิ่งไปกับพื้นด้วยความรุนแรงสติของเขาเริ่มเลือนราง จนในที่เขาก็หมดสติลง
คุณยาย ลี เฉียงหัว หัวเราะอย่างเยือกเย็น และเดินจากไปจากห้องบรรพบุรุษ
10นักรบในชุดคลุมสีดำและเกราะรุ่นก่อนคุณยายพวกเขาได้ทำงานลับๆสำหรับการเลื่อนระดับครั้งแรก และมันได้ถูกส่งต่อมายังตระกูลฟาง คุณยาย ลี เซียงหัว คือคนเดียวที่รู้เรื่องราวของตราเวทย์ พวกเขาตั้งชื่อมันว่า คริสตันเกาะนักรบสีดำ ในส่วนของการเลื่อนระดับครั้งแรก แต่ละคนจะได้รับ +3 เพิ่มในความแข็งแกร่ง +2 เพิ่มในความคล่องแคล่ว และ +4 เพิ่มขึ้นในความอดทน
พวกเขาทุกคนจะใส่เกราะที่หนักมากกว่า 2 กิโลกรัม และ ดาบยาวที่มีคุณภาพผลิตโดยเหล่าทหารและอุปกรณ์สุดท้ายปืนไรเฟิลพวกเขาทุกคนกลุ่มทหารที่ยิ่งใหญ่และมีอำนาจมาก และเป็นตัวแทนของตระกูลฟาง
“จับตาดูไว้นะ ห้ามให้คลาดสายตาและห้ามให้เขาออกไปไหนเด็ดขาด”คุณยายหรือผู้นำตละกูลกล่าวออกมาด้วยเสียงเหี้ยม
“ครับ”เหล่าทหารขานเสียงรับพร้อมกันด้วยความเกรงกลัวในอำนาจ