ตอนที่แล้วEG บทที่ 151 รถจักรยานยนต์ของสหภาพโซเวียต (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEG บทที่ 153 ยุคทองของตลาดหุ้น (อ่านฟรี)

EG บทที่ 152 กลับบ้าน (อ่านฟรี)


เมื่อเดินทางกลับมาถึงเมืองปิง นักเรียนก็ต่างกลับบ้านของตัวเอง และครูทั้งสามคนก็รีบกลับไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ครูคนอื่นๆ กำลังรอพวกเขาอยู่เพื่อคอยเติมเต็มข้อมูลส่วนที่ขาดหายไป

เฝิงหยู่ขับรถไปส่งเพื่อนๆ ที่เขต เมื่อจางมู่วาเห็นลูกชายของเธอ เธอก็รีบเข้ามากอดและลูบศีรษะเขา เธอไม่เจอเฝิงหยู่มาสักพักหนึ่งแล้ว และดูเหมือนว่าเฝิงหยู่จะตัวสูงขึ้นกว่าเดิม

“เสี่ยวหยู่ ฉันได้ยินจากพี่เขยของเธอว่าลูกเป็นตัวแทนประเทศจีนไปเข้าร่วมค่ายฤดูร้อนหรือ? สายตาของจางมู่วาเป็นประกาย นี่คือสิ่งที่น่าภูมิใจ

เฝิงหยู่พยักหน้า “อาจจะเรียกแบบนั้นก็ได้ครับ”

“หมายความว่าอย่างไงหรอ? ทำไมถึงใช้คำว่าอาจจะละ? มันต้องใช่แบบนั้นสิ ลูกเป็นตัวแทนของประเทศ เก่งมากเลย ลูกกินเชอรี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวแม่ไปบ้านเพื่อนบ้านก่อน” จางมู่วาหยิบเสื้อกันหนาวที่ถักได้เพียงครึ่งเดียวและเดินออกไป

เฝิงหยู่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเมื่อเขามองเห็นหลังแม่ของเขาเดินจากไป เขาไม่เคยสังเกตมาก่อนว่าแม่เขาก็ชอบโอ้อวดเหมือนกัน

เฝิงซิ่งไท่กลับมาจากโรงงานแปรรูปอาหารหลังจากที่เขารู้ข่าวว่าลูกชายของเขากลับถึงบ้านแล้ว เขารีบกลับมบ้านและคำแรกที่ออกมาจากปากเฝิงซิ่งไท่ก็ทำให้เฝิงหยู่รู้สึกเสียอารมณ์มาก

“พ่อได้ข่าวมาจากพี่สาวของลูกว่าลูกเลือกเรียนสายศิลป์ที่ไร้ประโยชน์หรอ?”

“พ่อครับ ประธานาธิบดีก็เรียนสายศิลป์ สายศิลป์เหมาะสำหรับผู้นำ ส่วนสายวิทย์เหมาะสำหรับคนงาน!” เฝิงหยู่ตอบอย่างแทงใจดำ

“จริงหรอ? เฝิงซิ่งไท่สงสัย แต่เขาก็ได้ยินมาว่านายกเทศมนตรีของจังหวัดใกล้เคียงก็เรียนสายศิลป์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งเหมือนกัน

“แน่นอนสิครับ ลูกพ่ออยากเป็นผู้นำที่ดีในอนาคต นี่คือเหตุผลที่ผมเลือกเรียนสายศิลป์ อย่างน้อยถ้าแย่กว่านั้น ผมก็ยังได้เป็นนักปราชญ์ที่ดี” เฝิงหยู่ยังคงคุยโน้มน้าวพ่อของเขาต่อไป

“เลิกพูดจาเหลวไหลได้ละ นักปราชญ์อะไรกัน? ช่างเถอะ ตอนนี้ลูกก็โตเป็นหนุ่มแล้ว ลูกก็ต้องมีแนวคิดของตัวเอง ลูกเลือกเส้นทางด้วยตัวเองแล้วอย่ามาเสียใจภายหลังละ” เฝิงซิ่งไท่มองหน้าเฝิงหยู่ด้วยความรัก แทบหาฟังได้ยากที่จะได้ยินเฝิงซิ่งไท่พูดจาอะไรแบบนี้

“พ่อครับ พ่อรู้หรือเปล่าว่าผมเพิ่งไปสหภาพโซเวียตเพื่อเข้าค่ายฤดูร้อนมา?” เฝิงหยู่กำลังรอให้พ่อพูดชื่นชมเขา แต่ทำไมพ่อของเขากลับนิ่งเงียบ

“รู้สิ พี่สาวลูกโทรมาบอกพ่อแล้ว หวังว่าลูกคงไม่ได้สร้างความขายหน้าให้กับประเทศนะ”

เฝิงหยู่ถึงกับอึ้ง พ่อแม่ทุกคนต้องหวังสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของตัวเองเสมอ แต่ทำไมพ่อของเขากลับชอบรู้สึกว่าเขาจะสร้างความขายหน้าละ?

ช่างเถอะ เฝิงซิ่งไท่ชอบรู้สึกแบบนี้อยู่แล้ว เขาชอบคิดว่าความคิดของเฝิงหยู่แปลกประหลาดและมักจะทำให้สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนอื่นๆ เขากลัวว่าลูกชายของเขาจะทำอะไรบางอย่างที่สร้างความเดือดร้อนในสหภาพโซเวียต เขายังจำได้ว่าครั้งที่แล้วตอนที่เขาเมา เฝิงหยู่ตะโกนพูดเสียงดังว่าสหภาพโซเวียตจะล่มสลายในอีกสองปีข้างหน้า จะไม่มีสหภาพโซเวียตอีกต่อไป!

ตอนนั้น เฝิงซิ่งไท่ตกใจมาก คำพูดของเฝิงหยู่ทำให้คนตกใจมากเกินไป สหภาพโซเวียตจะล่มสลายได้อย่างไรกัน? สหภาพโซเวียตเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก มาตรฐานทางอุตสาหกรรมและทางทหารของโซเวียตก็เป็นหนึ่งในมาตรฐานที่ดีที่สุดในโลก และถูกนำไปเปรียบเทียบว่าดีเทียบเท่ากับสหรัฐอเมริกาด้วย ประเทศที่มีอำนาจแบบนี้จะล่มสลายได้อย่างไรกัน?

เฝิงซิ่งไท่เตือนเฝิงหยู่ให้ระวังอย่าพูดเหลวไหลแบบนี้ข้างนอก ถ้าคนอื่นมาได้ยินเข้า เขาอาจจะเดือดร้อนได้ เฝิงซิ่งไท่คิดว่าเฝิงหยู่อาจจะพูดเรื่องจริงก็ได้เพราะเฝิงหยู่ทำธุรกิจกับสหภาพโซเวียตมาโดยตลอด และอาจจะได้รับข้อมูลภายในจากพวกเขามาก็ได้

แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เรื่องแบบนี้ก็ไม่ควรเปิดเผยให้คนอื่นรับรู้ ไม่ว่าสหภาพโซเวียตจะล่มสลายหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นปัญหาของพวกผู้นำประเทศ และไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปอย่างพวกเขาจะหยิบมาพุดคุยกัน

“พ่อครับ ผมทำให้พ่อภาคภูมิใจมาโดยตลอดนะ”

“ใช่ ภูมิใจ...ตอนนี้คนทั้งเขตรู้เรื่องที่มีเจ้าโง่คนหนึ่งไปตกปลาในน้ำแข็งและตกลงไปในหลุมน้ำแข็งกันหมดแล้ว” เฝิงซิ่งไท่มองบน

เฝิงหยู่ “......”

“แล้วแม่เจ้าไปไหนละ? ไม่ทำอาหารหรือไง?”

“แม่ออกไปบ้านเพื่อนบ้าน คงไม่กลับมาภายในเร็วๆ นี้หรอกครับ เราไปกินข้าวกลางวันที่โรงงานกันดีมั้ยพ่อ? โอ้จริงด้วย พ่อครับ พ่อเคยพูดว่าโรงงานต้องการเครื่องจักรผลิตน้ำมันถั่วเหลืองเพิ่ม ผมไปซื้อสายการผลิตน้ำมันถั่วเหลืองมาจากสหภาพโซเวียต  น่าจะมาถึงที่นี่เดือนหน้า!”

เฝิงซิ่งไท่ดีใจสุดๆ เขารอเวลาที่จะเพิ่มการผลิตน้ำมันถั่วเหลืองมานานมากแล้ว แม้ว่าน้ำมันของเขาจะขายราคาแพงกว่าคนอื่นๆ แต่อุปสงค์ก็ยังคงมากกว่าอุปทาน นี่ถือว่าเป็นธุรกิจที่ให้กำไรงามมากและเขาจะปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปได้อย่างไร? ทุกครั้งที่เขาได้ยินคนพูดว่าพวกเขาไม่สามารถหาซื้อน้ำมันปรุงอาหารระดับพรีเมี่ยมของไท่หัวได้ เขาจะรู้สึกว่าเงินของเขากำลังไหลเข้าสู่กระเป๋าคนอื่น

เฝิงหยู่ซื้อสายการผลิตนี้มาเพิ่มในตอนที่เขากำลังจับจ่ายซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกในอุตสาหกรรมเบา เขาไม่ได้อยากให้พ่อของเขาทำงานหนักมาก ในปีต่อไป เขาอยากจ้างเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารสักสองสามคนมาช่วยพ่อแม้ว่าเงินเดือนจะสูงก็ตาม เขาอยากให้พ่อแม่ของเขามีความสุขกับการพักผ่อนหลังเกษียณ

ฟาร์มหมูเทียนเผิงของเขามีหมูตัวเมียมากกว่า 2,000 ตัวแล้วในปีนี้ และยังมีหมูตัวผู้อยู่บางส่วนด้วย โดยมีลูกหมูคลอดออกมาทุกเดือนมากกว่า 2,000 ตัวและในปีนี้หมูล็อตแรกก็พร้อมนำไปจำหน่ายได้แล้ว เฝิงซิ่งไท่กำลังมองหาคนที่จะมารับซื้อหมูของเขา

เฝิงหยู่เคยบอกเขาก่อนหน้านี้ว่าไม่ต้องกังวลเรื่องการขาย อย่างน้อยต้องมีหมู 1,000 ตัวที่ขายในเมืองปิงได้ ยังมีคนอีกสิบล้านคนอาศัยอยู่ตามชานเมือง เขาไม่เคยกังวลว่าหมูเขาจะขายไม่ออก

แม้ว่าเขาอาจจะไม่สามารถขายหมูในจังหวัดของตัวเองได้ แต่เขาก็สามารถส่งไปขายในจังหวัดหลินได้ จังหวัดหลินอยู่ใกล้กับเมืองปิง และค่าใช้จ่ายในการขนส่งก็ไม่แพงมากนัก อาหารสัตว์ของโรงงานแปรรูปอาหารไท่หัวก็นำไปขายในจังหวัดหลินเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมากกว่า 30% ของการผลิตด้วย กำไรจากอาหารสัตว์ก็มีมูลค่ามากกว่าน้ำมันถั่วเหลือง

โรงงานแปรรูปอาหารไท่หัวกำลังพัฒนาไปได้ด้วยดี และคนที่ไม่ได้ร่วมลงทุนด้วยในตอนแรกต่างก็รู้สึกเสียดาย มีหลายคนที่มาหาเฝิงซิ่งไท่เพื่อขอซื้อหุ้น แต่ก็ถูกปฏิเสธกลับไปหมด

ตอนนี้โรงงานไท่หัวไม่เคยขาดเงินทุนเลย แถมยังมีเงินปันผลที่จ่ายให้เมื่อปีที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์อีกด้วย!

คนที่ได้ร่วมลงทุนก่อนหน้านี้ต่างหัวเราะอย่างมีความสุข แค่เงินปันผลก็เทียบเท่ากับกำไรจากฟาร์มของพวกเขาแล้ว คนพวกนี้สามารถเกษียณและเลิกทำงานได้อย่างสบาย

แน่นอนว่า มีบางคนที่ถอนการลงทุนออก พ่อของเหวินตงจวินคือหนึ่งในคนกลุ่มนั้น เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองเจ้าหน้าที่ฟาร์มและถูกบังคับให้ถอนการลงทุน อย่างไรก็ตาม ตระกูลเหวินก็ได้กำไรอย่างงามไปเรียบร้อยแล้ว

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันที่โรงงานไท่หัว เฝิงหยู่ก็ไปที่บ้านของเหวินตงจวิน เมื่อเขาเข้าในบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงเหวินตงจวินกำลังคุยโม้อยู่

“ไม่มีนักเรียนคนไหนที่ค่ายฤดูร้อนกล้ายืนขึ้นเลย ผมเป็นคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ผมเล่นฮาร์โมนิก้าพร้อมกับร้องเพลงไปด้วย เด็กนักเรียนต่างชาติรู้สึกอึ้งกันทุกคน ตอนนั้นนะ.....”

อะแฮ่ม....เฝิงหยู่ทำเสียงกระแอม เป็นไปได้อย่างไรที่เขาไม่รู้ว่าเหวินตงจวินทำอะไรแบบนี้ที่ค่ายด้วย? ร้องเพลงเนี่ยนะ? ขนาดเหวินตงจวินร้องเพลงพร้อมๆ กับนักเรียนคนอื่นยังร้องผิดคีย์เลย

แม้ว่าเขาจะเห็นเฝิงหยู่เดินเข้ามาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่หยุดโม้ เขาชี้ไปที่เฝิงหยู่ “ลองไปถามเฝิงหยู่ดูก็ได้ถ้าไม่เชื่อผม เขาพิสูจน์ได้ว่าเรื่องที่ผมพูดเป็นความจริง!” หลังจากที่พูดแบบนี้จบ เขาก็หันไปขยิบตาให้กับเฝิงหยู่

ให้ตายสิ หน้าด้านขนาดนี้ แล้วยังต้องให้ฉันช่วยโม้อีกหรอกเนี่ย?

“ใช่ครับ โชคดีมากที่เหวินตงจวินอยู่ที่นั่น ไม่งั้นพวกเราคงขายหน้าแย่ ตงจวิน นายชวนเราไปเล่นปิงปองไม่ใช่หรอ? ยังอยากจะไปอยู่มั้ย?”

เหวินตงจวินรู้สึกงง เขาพูดตอนไหนว่าจะไปเล่นปิงปอง? เฝิงหยู่ไม่เห็นหรอว่าพวกเพื่อนบ้านอุตส่าห์มารวมตัวกันเพื่อที่จะฟังเรื่องราวอันน่าจดจำของเขา?

“ฉันไม่ไปอ่ะ นายไปเองเถอะ ฉันยังไม่ได้เล่าเรื่องงานเลี้ยงอำลาเลย!”

เฝิงหยู่ “......”

ช่างเถอะ เฝิงหยู่ไปชวนพ่อของเขาตกปลาแทนก็ได้ พ่อของเขาควรพักผ่อนบ้าง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด