ตอนที่ 31 ก้มหัวลงและขอโทษ
อายุของสตรีนางนี้อย่างมากที่สุดก็คงสิบแปดหรือสิบเก้าปี แต่นางกลับบรรลุระดับรวมธาตุได้แล้ว?
แต่จอมยุทธระดับรวมธาตุอย่างอาวุโสอู่จะพูดอะไรไร้สาระออกมาได้อย่างไร?
ฮังฉานตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่ก็ส่งเสียง “หึ” ขึ้นมาในใจ
ระดับรวมธาตุแล้วยังไงล่ะ? อายุเพียงเท่านี้ นางคงจะเพิ่งทะลวงระดับแน่ๆ นางจะสามารถเทียบกับอาวุโสอู่ได้อย่างไร?
“อาวุโสอู่ จัดการนางซะ!” การที่จอมยุทธระดับหลอมกายาจะสามารถควบคุมจอมยุทธระดับรวมธาตุให้อยู่ภายใต้ร่างของมันและเล่นสามารถสนุกกับเรือนร่างของนางได้แบบนี้ ความใคร่ในตัวฮังฉานถูกกระตุ้นออกมาอย่าถึงขีดสุด
มันเกือบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว
ถึงแม้สีหน้าของอาวุโสอู่จะดูระมัดระวัง แต่มันก็ไม่ได้คิดว่าหลิวอู๋ตงจะเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งมากนัก เพราะอย่างไรนางก็ยังอายุน้อยเกินไป จากความคิดของมันอย่างมากที่สุดพลังของสตรีนางนี้ก็น่าจะอยู่ที่รวมธาตุขั้นสอง... หรือไม่ก็ขั้นสาม
ตัวมันที่อยู่ระดับรวมธาตุขั้นเก้าจึงไม่จำเป็นต้องเกรงกลัว ถึงแม้ทั้งชีวิตนี้ของคงไม่สามารถทะลวงไปยังระดับก่อเกิดธาตุได้ แต่ภายใต้ระดับรวมธาตุแล้ว คนที่สู้ได้สูสีกับมันมีอยู่น้อยมาก
“แม่นาง จงยอมแพ้แต่โดยดีจะไม่ได้ทรมานในภายหลัง” มันพูดออกมา
เกิดประกายจิตสังหารขึ้นที่ดวงตาของหลิงอู๋ตง นางเป็นเจ้าหญิงแห่งตระกูลหลิว ต่อหน้าแปดตระกูลใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิแล้ว เพียงแค่นิกายหมาป่าหินผาจะนับเป็นอันใดได้? ฮังฉานที่บังอาจมีความคิดเลวทรามต่อนางช่างรนหาที่ตายจริงๆ
แต่เมื่อนึกถึงสถานะผู้ติดตามของนาง จึงช่วยไม่ได้ที่นางจะหันไปมองหลิงฮัน และใบหน้าของนางแสดงออกมาว่าอยากจะถามอะไรบางอย่าง
หลิงฮันยักไหล่และพูด “เดรัจฉานแบบนี้ ถ้าเจ้าอยากจะฆ่ามันก็เชิญตามสบาย”
หลิวอู๋ตงหันกลับไปและกลิ่นอายอันแข็งแกร่งของระดับรวมธาตุขั้นเก้าได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่มียับยังเอาไว้ กลิ่นอายของนางเทียบเท่ากับอาวุโสอู่ไม่มีท่าทีว่าจะพ่ายแพ้แต่อย่างใด
“อะไรกัน!” อาวุโสอู่ใบหน้าซีดเผือดทันที
“ระดับรวมธาตุขั้นเก้า เป็นไปได้อย่างไร!”
ไม่ใช่เพียงอาวุโสอู่ที่ตกตะลึง แม้แต่ลิ่วตงและกลุ่มของมันก็ตกใจไม่แพ้กัน กล้ามเนื้อที่ใบหน้าพวกมันกระตุกด้วยความตะลึงอย่างมาก
ไม่ต้องพูดถึงการบรรลุถึงรวมธาตุขั้นเก้าเลย แค่คนที่อายุต่ำกว่ายี่สิบปีสามารถทะลวงสู่ระดับรวมธาตุได้ก็ถือว่าน่าตกใจมากพอแล้ว! ลิ่วตงและกลุ่มของมันเคยคิดว่าถึงแม้จะมีช่องว่างระหว่างพวกมันกับหลิวอู๋ตง แต่ช่องว่างนั้นก็ไม่น่าจะใหญ่เกินไปเพราะว่าพวกมันเองก็อยู่ในระดับหลอมกายาขั้นแปดและเก้ากันแล้ว ซึ่งห่างจากการทะลวงเข้าสู่ระดับรวมธาตุเพียงก้าวเดียว
แต่ระดับรวมธาตุขั้นเก้านั้น... เป็นพลังที่พวกมันคิดว่าจะสามารถไปถึงได้อย่างน้อยก็อีกแปดถึงสิบปีข้างหน้า
อาวุโสอู่ผสานหมัดด้วยท่าทีสุภาพ “โปรดยกโทษให้กับความไม่สุภาพของนายน้อยข้าเมื่อสักครู่นี้ด้วย แม่นางข้าขออภัยแทนนายน้อยของข้า!” ถึงแม้ว่ามันกับหลิวอู๋ตงจะอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้าเหมือนกันและมันก็คิดว่ามันไม่มีทางแพ้ให้กับสาวน้อยนางนี้แน่นอน แต่ปัญหาคือการที่อีกฝ่ายสามารถบรรลุระดับรวมธาตุขั้นเก้าได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้ มันไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้หากได้รับการสนับสนุนจากตระกูลธรรมดาทั่วไป
หรือพูดอีกอย่าง สิ่งที่อาวุโสอู่กำลังเกรงกลัวคือเบื้องหลังของนางนั่นเอง
ถึงแม้ฮังฉานจะไม่อยากยอมแพ้ แต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แม้ตัวมันจะเป็นคนที่หยิ่งยโสและจองหองแค่ไหนมันก็ไม่ใช่คนโง่ มันรู้ว่ามีคนที่มันสามารถเล่นด้วยได้ กับคนที่ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามไปตอแยด้วยเด็ดขาด
หลิวอู๋ตงเป็นประเภทที่ไม่ว่ายังไงมันก็ห้ามไปตอแยด้วยเด็ดขาด
หลิงอู๋ตงทำเพียงโบกมือและพูดอย่างไร้อารมณ์ไปที่ชายชรา “ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่จงถอยออกไปซะ!”
ล้อเล่นรึเปล่า คิดหรือว่ามาดูหมิ่นเจ้าหญิงแห่งตระกูลหลิวแล้วจะมีชีวิตต่อไปได้!
“แม่นาง อย่าให้มันเกินไปนัก!” อาวุโสอู่พูดด้วยน้ำเสียงคุกคาม เป็นธรรมดาที่มันจะไม่ยอมยืนอยู่เฉยๆและมองดูฮังฉานตายไปต่อหน้าต่อตาเด็ดขาด
หลิวอู๋ตงไม่ตอบอะไร นางเพียงยกมือขึ้นมาอยู่ในท่าโจมตี
ทักษะยุทธระดับเหลืองขั้นสูง เพลงหมัดกำปั้นทะลวง
เมื่อเห็นแบบนี้ อาวุโสอู่รู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้ไม่สามารถจบอย่างสินติได้ มันจึงยกมือขึ้นเป็นรูปร่างกรงเล็บ
“ทักษยุทธะระดับเหลืองขั้นกลาง กรงเล็บเหยี่ยวล่องนภา!” ลิ่วตงพูดออกมา
มันเป็นผู้ใช้ทักษะกรงเล็บเช่นกัน และรู้จักทักษะหลายอย่างที่มีรูปแบบเป็นกรงเล็บ ด้วยการมองเพียงครั้งเดียวมันจึงสามารถบอกถึงทักษะกรงเล็บของอาวุโสอู่ได้ทันที
“หลิงฮัน แม่นางที่มากับเจ้าจะมีปัญหาอันใดหรือไม่?” คนทั้งหาได้มาอยู่ล้อมรอบหลิงฮัน ตอนนี้หลิวอู๋ตงเป็นเพียงแสงสว่างเดียวของพวกมัน
หลิงฮันยิ้มอ่อนๆ “ถ้าเป็นนางคงไม่มีปัญหา”
คงไม่มีปัญหา?
ลิ่วตงและคนอื่นๆไม่อาจสงบลงได้ คำว่า“คงไม่”ของหลิงฮันฟังดูกำกวมอย่างมาก
ทั้งสองคนนั้นเป็นจอมยุทธรวมธาตุขั้นเก้ากันทั้งคู่ ใครกันจะสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะ?
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ หลิวอู๋ตงได้ลงมือไปแล้ว และตอนนี้นางกำลังปะทะกับอาวุโสอู่อย่างดุเดือด
ทั้งสองฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากัน ร่างของพวกเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับสายลม
จอมยุทธทั้งสองอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้า ลิ่วตงและพรรคพวกจึงไม่สามารถเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขาและอ่านสถานการณ์ได้ ในสายตาพวกมันเห็นเพียงภาพเบลอๆและไม่อาจรู้ได้ว่าใครจะชนะ
ฮังฉานเองก็ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเช่นกัน มันอดที่จะรู้สึกกังวลไม่ได้ ถ้าอาวุโสอู่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ มันเองก็ต้องจบชีวิตลงเช่นกัน จึงเป็นธรรมดาที่มันจะกังวล
หลังจากที่การต่อสู้ผ่านไปประมาณสามถึงห้านาที การเคลื่อนไหวของทั้งสองได้ช้าลง ไม่ใช่แค่ช้าลงไปถึงขั้นที่ลิ่วตงและอื่นๆสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเท่านั้น แต่กลับช้าถึงขนาดที่พวกมันคิดว่าการต่อสู้กันของทั้งสองช้าเกินไปด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม บนหน้าของหลิงฮันได้มีร่องรอยของความสุขุมปรากฏขึ้นมา
ช้าลงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาออมมือให้กัน แต่กลับตรงกันข้าม สถานการณ์ในตอนนี้อันตรายเป็นอย่างมาก เมื่อพวกเขามาถึงช่วงที่ต้องตัดสินกันอย่างเป็นตาย ทั้งสองคนจะต้องไม่ลงมือผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่ใช่แค่พ่ายแพ้ แต่เป็นความตาย
เขานึกถึงเหตุการณ์ในช่วงไม่กี่วันมานี้ เมื่อใดก็ตามที่เขาว่าง เขาจะคอยชี้แนะเรื่องต่างๆให้หลิวอู๋ตง ด้วยการที่เป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ในชีวิตที่แล้ว ไม่ว่าประสบการณ์เล็กๆน้อยๆอะไรก็ตามที่เขาสอนต่อจอมยุทธที่มีระดับต่ำกว่า เรื่องที่สอนไปนับว่าล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง ตราบใดที่นางสามารถซึมซับเรื่องที่เขาสอนไปได้พลังของนางจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
และด้วยความสามารถในการทำความเข้าใจของหลิวอู๋ตง เขาเชื่อว่านางจะต้องเข้าใจเรื่องที่เขาสอนนางไปแน่นอน
การต่อสู้นี้... นางควรจะเป็นฝ่ายชนะ
การต่อสู้ของหลิวอู๋ตงกับอาวุโสอู่ได้เชื่องช้าลงมาอีก ฝ่ายหนึ่งเป็นจอมยุทธผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับนี้มานานแล้ว รวมถึงมีประสบการณ์การต่อสู้มามากมาย ในขณะเดียวกัน ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นผู้เยาว์ แต่นางก็เป็นอัจฉริยะในด้านวิทยายุทธและมีความสามารถในการทำความเข้าใจที่สูงมาก ด้วยประโยชน์จากการชี้แนะของหลิงฮัน นางได้แข็งแกร่งอย่างน่าตกตะลึง
หน้าผากของอาวุโสอู่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ศัตรูของมันแข็งแกร่งเกินไปมันรู้สึกถึงแรงกดดันของความตายที่ใกล้เข้ามา ในตอนนี้มันไม่กล้าที่จะลอกแลกหรือยอมแพ้และอ้อนวอนขอชีวิตแม้แต่น้อย ถ้ามันชะงักไปแม้แต่นิดเดียว มันจะต้องถูกการโจมตีที่เกรี้ยวกราดของหลิวอู๋ตงเล่นงานแน่นอน
ในขณะเดียวกัน หลิวอู๋ตงได้เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ นางเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอนแล้ว
สถานการณ์ในตอนนี้ชัดเจนแล้ว แม้แต่ลิ่วตงและกลุ่มของมันก็มองออกว่าหลิวอู๋ตงเป็นฝ่ายชนะ เมื่อความกังวลหายไปพวกมันจึงยิ้มออกมา และในเมื่อพวกมันสามารถมองออกฮังฉานเองก็ต้องมองออกเช่นกัน มันเตรียมตัวถอยหลังกลับเพื่อที่จะหาโอกาสล่าถอยและหลบหนีไป
“รีบร้อนขนาดนั้น เจ้าจะไปไหนกัน?” หลิงฮันพุ่งออกไปราวกับลูกธนูและปิดกั้นทางหนีของมัน
“ไสหัวไปซะ!” ฮังฉานตะโกนลั่น “ข้ามาจากนิกายหมาป่าหินผา แต่เจ้ายังกล้ามาล้อเล่นกับข้างั้นรึ? ข้าจะสังหารครอบครัวเจ้าทิ้งให้หมด!”
ช่างอวดดีเสียจริง!
หลิงฮันชักดาบออกมา แววตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร กับคนแบบนี้ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรด้วยอีกแล้ว สิ่งที่สมควรทำที่สุดคือสังหารมันทิ้งซะ
“หลิงฮัน อย่าเพิ่งวู่วาม!” ลิ่วตงช่วยไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา ถ้าฮังฉานถูกสังการล่ะก็ตระกูลของพวกเขาคงไม่สามารถต่อต้านความเกรี้ยวกราดของนิกายหมาป่าหินผาได้แน่นอน
“ฮ่าๆๆ จงฟังคำแนะนำจากสหายเจ้าและอย่ามาคิดต่อต้านข้า! ไม่เช่นนั้นสิ่งที่รอเจ้าอยู่จะมีเพียงความตาย!” ฮังฉานหัวเราะออกมา
“วันนี้ถือว่าเจ้ายังโชคดี!” มันเตรียมพร้อมที่จะวิ่งและหลบหนีไป
อย่างไรก็ตาม มันยังไม่ทันที่จะได้ขยับตัวออกจากที่ก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสอันเย็นเฉียบที่คอของมัน ดาบเล่มยาวกำลังจ่อที่คอของมันอยู่ ทำให้ทั้งร่างของมันสั่นสะท้านในทันที มันกลัวจนเกือบจะฉี่ราดออกมา
“ในโลกนี้ไม่มีใครที่ข้าไม่กล้าสังหาร!” หลิงฮันพูดอย่างสงบนิ่งและเสียงเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“คุกเข่าลง!”
ฮังฉานไม่กล้าที่จะปฏิเสธ แววตาที่แสนเย็นชาของชายตรงหน้ามันทำให้มันรู้สึกหนาวสั่น ชายคนนี้ไม่ได้พูดล้อเล่น
“กล่าวขอโทษซะ!” หลิงฮันพูดต่อ
ฮังฉานอยากจะลุกยืนขึ้นและพ่นคำสาปแช่งออกไป แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบที่ลำคอของมัน จึงทำได้เพียงก้มหัวลงไปพร้อมกับคิดในใจว่าเมื่อใดก็ตามที่มันกลับไปยังนิกายหมาป่าหินผา มันจะต้องให้ปู่ของมันมาสังหารทุกคนที่อยู่ตรงหน้ามันทิ้งให้หมดอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าสตรีที่งดงามทั้งสองจะต้องเก็บเอาไว้และกลายเป็นของเล่นของมันแทน
“ข้าผิดไปแล้ว เป็นข้าเองที่ทำตัวโหดเหี้ยม!” มันพูดพร้อมกับร้องขอความเมตตา
“ข้าหวังว่าเจ้าจะกลายเป็นคนดีในชาติหน้า” หลิงฮันพูดอย่างเยือกเย็น
“ไม่...” ฮังฉานรู้ทันทีว่าสถานการณ์เริ่มจะเลวร้ายลง มันรู้สึกเจ็บปวดที่คอและสายตาของมันได้มืดลงไปในทันที เลือดสดๆกระฉูดออกมา ดวงตาของมันเปิดกว้างอย่างไม่ยอมรับ
หลิงฮันกล้าสังหารมันจริงๆ!
ในขณะเดียวกันหลิวอู๋ตงส่งเสียงเบาๆออกมา ด้วยฝ่ามือเล็กๆของนาง ได้ทำให้อาวุโสอู่ไร้การเคลื่อนไหวราวกับกลายเป็นหิน หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดร่างของมันก็ล้มลงไปอยู่ที่พื้น
“นี่ต้องเป็นหายนะครั้งใหญ่แน่!” ลิ่วตงและคนอื่นถอนหายใจพร้อมกัน
**ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ**