ตอนที่ 137 ข้ามั่นใจ (FREE)
ชาวบ้านจนๆที่ไม่เคยเข้าไปยังหอแห่งเต๋ามาก่อน เพียงแค่ผ่านการทดสอบระดับเมืองหลวง คนที่ระดับพลังไม่ถึงระดับผนวกสวรรค์...
จะเป็นผู้ชนะบนทำเนียบมังกรทั้งสอง?!
ไม่ต้องพูดว่ามีใครเชื่อหรือไม่ แต่ไม่มีใครมีความคิดนี้อยู่ในสมองเลยต่างหาก
ทุกคนมองเปรียบเทียบกับ ฉือ กูเหยียน ผู้ที่เข้าถึงวิถีแห่งเต๋าตอนอายุ 4 ขวบ ไขปริศนาภาพแห่งการสรรค์สร้างได้ตอน 5 ขวบ เป็นอันดับ 1 ในทำเนียบมังกรซ่อนตอน 10 ขวบ และต่อสู้กับ หนานกง เฮา ด้วยพลังระดับสะท้อนสวรรค์ตอนอยุ 13 ขวบ ซึ่งการต่อสู้ครั้งนั้นทำให้ทั้งอาณาจักรเซี่ยต้องสั่นสะเทือน
แค่อายุ 13 ปี กลับมีความสามารถขนาดนี้ อนาคตของนางนั้นยากเกินกว่าที่ใครจะคาดเดา
แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ยังเชื่อว่านางคือบุคคลในคำทำนาย
แค่นี้ก็พอรู้แล้วว่า ฟาง เจิ้งจือ นั้นเหมาะสมกับ ฉือ กูเหยียน หรือไม่?
“ข้าคิดว่ามันเป็นสัญญาที่ไร้ความหมาย...ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ!” หลังจากหัวเราะเสร็จ ฉือ เฮา ก็รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขขึ้นทันที
“ใช่แล้วมันไม่มีทางเป็นไปได้!”
“ใช่...ต่อให้ 20 ปี ก็ไม่มีหวัง!”
เมื่อเหล่าเจ้าหน้าที่ได้ยินคำพูดของ ฉือ เฮา พวกเขารีบพูดสนับสนุนทันที บางคนก็มอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความดูถูก
เพราะในหมู่พวกเขาเอง บุคคลที่แข็งแกร่งและมีพลังอยู่ในระดับสะท้อนสวรร์นั้นก็มีอยู่
ระดับผนวกดารา?
ในสายตาของพวกเขาก็เหมือนเรื่องตลก...
“ถ้าข้าปฏิเสธไป ตัวข้าคงเสื่อมเสียเกียรติเป็นแน่ ไม่ว่ายังไงก็ตาม จากที่นายน้อยฟางแนะนำ ข้าจะรักษาสัญญาและรอจนถึง 2 ปีข้างหน้า! ภายใน 2 ปีนี้ ข้าจะไม่คุยเรื่องหมั้นหมายกับใครหน้าไหนทั้งนั้น ข้าหวังว่าท่านพ่อคงเข้าใจ!”
เสียงของ ฉือ กูเหยียน นั้นไม่ได้ดังมาก แต่ทำให้เสียงพูดคุยรอบๆนั้นเงียบลง น้ำเสียงของนางนั้นดูจริงจังและมุ่งมั่น
เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ได้ยิน เขามองกลับไปที่ ฉือ กูเหยียน ความสับสนทุกอย่างตอนนี้ถูกทำให้หายไปแล้ว สุดท้ายเขาก็เข้าใจว่าทำไม ฉือ กูเหยียน ถึงยินยอม
เขาใช้ ฉือ กูเหยียน เพื่อป้องกันความวุ่นวาย
ฉือ กูเหยียน เองก็เช่นกัน ใช้ ฟาง เจิ้งจือ เพื่อ หลีกเลี่ยงความวุ่นวาย
ถึงแม้จะเป็นความวุ่นวายคนละแบบ
ยังไงก็ตามมั้นเป็นเรื่องที่ถือว่าได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เหมือนกับทั้ง 2 คนสู้กันอยู่ดีๆก็มีศัตรูคนที่ 3 ปรากฎตัวขึ้น
ทั้ง 2 คนจึงต้องร่วมมือเพื่อจัดการศัตรูคนที่ 3
มันเป็นเรื่องปกติของโลกใบนี้
ไม่มีใครที่เป็นศัตรูกันได้ตลอดไป
ถ้า ฉือ กูเหยียน ยังอยู่ในศาลาเต๋าสวรรค์ นางคงหลีกเลี่ยงความวุ่นวายได้ แต่ตอนนี้นางได้จากมาและเดินเข้าไปในความวุ่นวายอีกครั้ง
แล้ว...
ถ้าพิจารณาจากสถานะของ ฉือ กูเหยียน แล้วนั้นคงไม่สนพวกชนชั้นสูงทั่วไป? แต่ถ้าเป็นราชัน? หรือองค์ชาย?
ต่อให้สถานะของ ฉือ กูเหยียน จะทรงพลังขนาดไหน แต่นางก็ยังต้องทำเพื่อความมั่นคงของ กองตรวจการศักดิสิทธิ์ ทำเพื่ออนาคต นางคงไม่สามารถปฏิเสธพวกขุนนางหรือเจ้าชายไปได้ตลอด
ต่อให้นางจะเป็นความภูมิใจของสวรรค์
แต่นางเองก็ยังคงมีเรื่องต้องกังวลและปัญหาของตัวเอง
ฟาง เจิ้งจือ เองก็เริ่มรู้สึกสงสารเล็กน้อย ถึงแม้ว่าครั้งนี้ ฉือ กูเหยียน จะดึงเขาขึ้นมายังจุดสูงสุด แต่ตัวนางเองนั้นได้ยืนอยู่บนภูเขาอันสูงชันมาช้านานแล้ว
ช่วยกันและกัน?
ฟาง เจิ้งจือ คิดอยู่สักพัก แต่ก็คิดว่าคำพูดนั้นดูจะไม่เหมาะสมเท่าไรนัก
สำหรับ ฟาง เจิ้งจือ นั้นตั้งแต่ตอนเด็กเขาเห็นเด็กหญิงในหมู่บ้านมากมาย เห็นพวกนางเติบโตจนเข้าสู่วัยรุ่น ทั้งๆที่อายุจริงๆของ ฟาง เจิ้งจือ นั้น 20ปีแล้ว
มันเหมือนกับการที่เลี้ยงเด็กคนหนึ่งจนโต แล้วอยู่ดีๆก็ขอนางแต่งงาน
ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดจะเป็นคนอย่างนั้น
แต่กับ ฉือ กูเหยียน เขาไม่ได้เห็นนางมาถึง 8 ปีแล้ว เขาเองก็จำหน้าตานางตอนนั้นไม่ค่อยได้
ก็ยังถือว่าพอยอมรับได้...
ฟาง เจิ้งจือ ตัดสินใจที่จะดูแล ฉือ กูเหยียน ในฐานะแขกอันทรงเกียรติ อาจจะเป็นหมอนอุ่นๆ? ตุ๊กตาไม้?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฟาง เจิ้งจือ แสดงถ้าที่เบิกบานใจออกมาทันที
แน่นอนว่าการกระทำนี้ ฉือ เฮา ต้องมองเห็น
ในฐานะราชันเลือดสีเหล็กผู้ต่อสู้สงครามมานับครั้งไม่ถ้วน ความคิดของ ฟาง เจิ้งจือ นั้น ฉือ กูเหยียน อาจจะไม่รู้ แต่ในฐานะผู้ชายเหมือนกัน มีหรือที่เขาจะไม่รู้
เขาเริ่มรู้สึกโกรธทันที
ใครก็สามารถทำตัวไร้ยางอายได้ แต่ไม่ควรจะไร้ยางอายถึงขนาดนี้ เด็กจากบ้านนอก คิดจะครอบครองไข่มุกอันล้ำค่า?
แค่คิดก็บาปแล้ว!
“ฟาง เจิ้งจือ ข้าสาบาน ถ้าเจ้าไม่สามารถจัดการ ฉือ กูเหยียน ได้ภายใน 2 ปี ข้าจะทำให้เจ้าได้ลิ้มรสความตาย!” ขณะที่ ฉือ เฮา พูด เขาก็ยกดาบหยกเขียวชูขึ้นไปบนท้องฟ้า
มันเป้นดาบยาวที่คมมาก คมจนอากาศรอบๆสั่นเบาๆ
ฟาง เจิ้งจือ เองถึงกับผงะไป
ทันใดนั้น ฉือ เฮา ปล่อยมือ
ดาบหยกเขียวพุ่งออกไปไกล ราวกับว่ามันถูกดึงอยู่
ทรงพลังขนาดนี้?
เขาสามารถปล่อยดาบออกจากมือได้?!
ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ คิด เขาเห็น ดาบหยกเขียว ไปหยุดอยู่บนภูเขาที่ไม่ไกลมากนัก ก่อนมันจะค่อยๆเพิ่มจำนวนนับไม่ถ้วน ก่อนที่จะระเบิดออก
“ตูม!”
ภูเขาลูกใหญ่กลายเป็นผุยผงทันที
ฟาง เจิ้งจือ เบิกตากว้าง เขาเองสามารถทำให้ก้อนหินกลายเป็นผุยผงด้วยฝ่ามือด้วยเช่นกัน แต่ตอนนี้มีคนทำบางอย่างที่ยิ่งกว่าตรงหน้าเขา
ด้วยดาบหยก
ตอนแรกใช้แค่เต๋าแห่งการสรรค์สร้าง
จากนั้นเมื่อดาบออกจากมือไป มันก็เปลี่ยนรูปแบบ ใช้เต๋าแห่งการสรรค์สร้างที่สามารถทำให้ภูเขากลายเป็นผุยผงได้
ใช้หลักการอะไรกัน?
ถึง ฟาง เจิ้งจือ จะไม่รู้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจ ฉือ เฮา สามารถจัดการเขาได้ภายใน 2 วินาที
ความโกรธของ ฉือ เฮา นั้นทำให้ทั่วทั้งดินแดนทะเลทรายทางเหนือตกอยู่ในความตกใจ
แน่นอนว่า ฟาง เจิ้งจือ เองก็ตกใจ
เดี๋ยวก่อนนะ...
ดูเหมือนจะมีการเข้าใจผิด?
“ท่านราชัน ข้าคิดว่าเราควรคุยเรื่องนี้กันใหม่!” ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าตอนนี้เขาเหมือนกำลังรอความตาย
จัดการ ฉือ กูเหยียน ภายใน 2 ปี?
เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย...
“ไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยอีก ข้าได้ตัดสินใจแล้ว เป็นเวลา 2 ปี ข้าจะดูแลเจ้าเหมือนลูกเขย แต่ถ้าเจ้าล่วงเกิน ฉือ กูเหยียน ละก็ อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!” ฉือ เฮา พูดออกมาเมื่อตัดสินใจแล้ว
“ท่านไม่ต้องดูแลข้าเหมือนลูกเขยหรอก ไม่จำเป็น…” ฟาง เจิ้งจือ เริ่มรู้สึกว่าเขาควบคุมเรื่องต่างๆไม่ได้
“หรือเจ้าจะบอกว่า ฉือ กูเหยียน จะสามารถไปแต่งงานกับใครก็ได้? แล้วคนภายนอกจะมองนางเยี่ยงไรกัน!” ฉือ เฮา โกรธขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องสน! แต่ข้าสน!”
“งั้นข้ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกให้ชัดเจน ข้าไม่ได้นำของขวัญวันหมั้นมาด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ข้าหวังว่า ท่านราชันจะประกาศอย่างชัดเจนว่าข้าจะไม่เป็นลูกเขยที่ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวของภรรยา!” ฟาง เจิ้งจือ คิดสักพัก รู้สึกว่าควรจะพูดทุกอย่างให้ชัดเจนแต่เนิ่นๆ
“ไม่อยู่กับครอบครัวภรรยา?! เจ้าอย่าบอกนะว่าจะให้ ฉือ กูเหยียน แต่งงานและไปอยู่ที่หมู่บ้านเจ้า?” ฉือ เฮา ไม่สนใจเรื่องของขวัญอยู่แล้ว แต่เรื่องที่จะไม่อาศัยอยู่กับครอบครัวภรรยา ทำให้เขาเริ่มโกรธอีกครั้ง
“ภูเขาไม่ได้โด่งดังเพราะความสูง แต่เพราะสิ่งมีชีวิตต่างๆที่อยู่บนนั้น แม่น้ำไม่ได้ทรงพลังเพราะความลึก แต่เพราะมังกรที่อาศัยอยู่ในนั้น สิ่งต่างๆอาจจะดูต่ำต้อย แต่ทุกอย่างล้วนมีคุณค่าซ่อนอยู่ มีคนเคยสอนข้ามา ท่านราชันไม่เข้าใจงั้นรึ?” ทันใดนั้น ท่าทีของ ฟาง เจิ้งจือ กลายเป็นจริงจัง
“จ..เจ้า” ฉือ เฮา พูดไม่ออก จากนั้นมองอย่างจริงจังไปที่ ฟาง เจิ้งจือ “ข้าอยากจะเห็นจริงๆว่า 2 ปีจากนี้ เจ้ายังกล้ามาต่อล้อต่อเถียงกับข้าอีกไหม!”
“ข้าคิดว่ากล้า!” ฟาง เจิ้งจือ ตอบออกมาด้วยความจริงจัง
ราวกับเขาพูดเรื่องปกติทั่วๆไป
ฉือ เฮา ถึงกับผงะไป
ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงบรรยากาศที่คุ้นเคยจากร่าง ฟาง เจิ้งจือ เหมือนครั้งแรกที่เขาเข้าสู่สนามรบ ตอนนั้นคนเถื่อน ห้าหมื่นกว่าคนยืนอยู่ตรงหน้าเขา
แต่เขาก็ยังเลือกที่จะมองพวกนั้นด้วยความชิงชัง
เพราะเขามั่นใจ
และตอนนี้
บนหน้าของ ฟาง เจิ้งจือ เขาก็เห็นความมั่นใจแบบเดียวกันปรากฎอยู่
เพจหลัก : Double gate TH